บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลประกอบการปี 2567 มี กำไรสุทธิลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิ 9,959 ล้านบาท ลดลง 9,484 ล้านบาทจากปี 2566 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ของปี 2567 บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรสุทธิได้ 2,767 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรลดลงคือ ปริมาณการผลิตที่ลดลง จากการหยุดเดินเครื่องและซ่อมบำรุง, ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง ตามราคาน้ำมันดิบโลก, ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง และกำไรขั้นต้นจากการกลั่นที่ลดลง จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 455,857 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า แต่กำไรขั้นต้นจากการผลิตลดลงจาก 10.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เหลือ 7.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 111,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการผลิต และการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง

ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจใน Q4/2567 พบว่า ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราการใช้กำลังการกลั่น 113% และ EBITDA 3,923 ล้านบาท, ธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (TLB) มี EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 966 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์มีรายได้และ EBITDA ลดลง ตามราคาสารที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

ธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้า มีรายได้ลดลง แต่ EBITDA เพิ่มขึ้นจากการไม่มีกิจกรรมซ่อมบำรุง, ธุรกิจสารทำละลายและเคมีภัณฑ์ มีรายได้และ EBITDA ลดลงตามราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และธุรกิจผลิตเอทานอล (TET) ประสบปัญหาขาดทุนสุทธิ

สำหรับแนวโน้มปี 2568 TOP คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นจะยังคงมีความผันผวนสูง บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริหารจัดการต้นทุน และมีแผนลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว แม้ว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย แต่ TOP ยังคงมีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต