บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ผลประกอบการปี 2567 พลิกจากกำไร 107 ล้าน เป็นขาดทุน 14 ล้าน

ไฮไลท์สำคัญ: จากกำไรสู่ขาดทุน

บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) (NKI) ประกาศผลประกอบการปี 2567 สุดช็อก! พลิกจากกำไรสุทธิ 107.28 ล้านบาทในปี 2566 เป็นขาดทุนสุทธิ 14.29 ล้านบาทในปีนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เกิดจากปัจจัยหลักคือ ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ควบคู่ไปกับรายได้จากการลงทุนที่ลดลงอย่างน่าใจหาย

รายได้รวมโต แต่รายจ่ายบาน!

ถึงแม้ว่ารายได้รวมของ NKI จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย 1.45% คิดเป็น 3,300.72 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ ค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ามากถึง 6.16% หรือคิดเป็น 3,319.85 ล้านบาท เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด จะพบว่า

• รายได้จากการรับประกันภัย: เพิ่มขึ้นเพียง 1.59% เป็น 3,214.11 ล้านบาท
• รายได้จากการลงทุนและรายได้อื่น: ลดลง 3.5% เหลือ 86.61 ล้านบาท
• ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย: พุ่งขึ้นถึง 5.91% คิดเป็น 2,902.84 ล้านบาท
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายอื่น: เพิ่มขึ้น 7.92% เป็น 417.01 ล้านบาท

การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย กลายเป็นตัวการสำคัญที่ฉุดกำไรของ NKI ให้ดิ่งลงเหว แม้ว่ารายได้จากการรับประกันภัยจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจชดเชยภาระค่าใช้จ่ายที่ถาโถมเข้ามาได้

วิเคราะห์เจาะลึก: ปัจจัยเสี่ยงและโอกาส

จากผลประกอบการที่น่าผิดหวังนี้ บ่งชี้ว่า NKI อาจเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย และความสามารถในการสร้างรายได้จากการลงทุน การเติบโตและพัฒนาการของบริษัทในอนาคต ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการรับประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่น่าเสียดายคือ ข้อมูลสำคัญอื่นๆ เช่น NIM, NPL และ Coverage Ratio ไม่ได้ถูกเปิดเผยในเอกสาร ทำให้ไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทได้อย่างรอบด้าน

สรุป: โจทย์ใหญ่ของ NKI ในปี 2568

NKI กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย และเพิ่มรายได้จากการลงทุน บริษัทจะต้องพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น

หาก NKI สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ก็จะสามารถฟื้นฟูผลกำไร และกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว