TOP สรุป Oppday ไตรมาส 3/2568: เจาะลึกผลกระทบ, โอกาส, และแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นไทยออยล์

P/E 5.36 YIELD 5.31 ราคา 35.75 (0.00%)

TOP สรุป Oppday ไตรมาส 3/2568: เจาะลึกผลกระทบ, โอกาส, และแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นไทยออยล์

สวัสดีท่านผู้ถือหุ้นทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Opportunity Day ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ในวันนี้ ทางบริษัทจะมาสรุปภาพรวมผลการดำเนินงาน ไฮไลท์สำคัญ และแนวโน้มอุตสาหกรรมในอนาคต

ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้บริหารเข้าร่วม ได้แก่ คุณธาริกา เทพผาสดิน ณ อยุธยา ผู้จัดการฝ่ายการเงิน, คุณณัฐพล นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการพาณิชย์, และนางสาวน้ำกานต์ บำรุงสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ในไตรมาสที่ 3 บริษัท ไทยออยล์มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround) ของหน่วยการผลิตน้ำมันดิบหน่วยที่ 3 (CDU3) และหน่วยการผลิตอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมลดลง

  1. กำลังการผลิตลดลง:
    • หน่วยการผลิตโรงกลั่น: ลดลงจาก 113% ในไตรมาส 2 เหลือ 82%
    • หน่วยการผลิตอะโรเมติกส์: ลดลงเหลือ 39%
    • LAB: ลดลงเหลือ 67%
    • Base Oils: ลดลงเหลือ 54%
  2. การซื้อน้ำมันดิบ:
    • 94% มาจากตะวันออกกลาง (Middle East)
    • 4% ซื้อในประเทศ
    • 2% ซื้อจาก Far East
  3. การผลิตน้ำมันเกรด High Margin:
    • Jet: 19%
    • Diesel: 36%
    • Gasoline: 17%
  4. การขาย:
    • 89% ขายในประเทศ
    • 6% ส่งออกไป Indochina
    • 9% ส่งออกไปมาเลเซียและสิงคโปร์

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Asset Monetization) โดยทำธุรกรรม Lease and Lease Back กับ Top Infra ซึ่งเป็น Joint Subsidiary ที่จัดตั้งร่วมกับ PTIT Tank

  • โครงสร้างธุรกิจ: Lease and Lease Back
  • ทรัพย์สินที่ให้เช่า: ถังเก็บน้ำมันดิบ, ทุ่นผูกเรือกลางทะเล, สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ, และที่ดิน
  • ระยะเวลา: 21 ปี
  • มูลค่า: 37,402 ล้านบาท
  • สัญญาเช่าช่วง: ระยะสั้น 3 ปี มูลค่า 9,772 ล้านบาท ต่ออายุทุก 3 ปี
  • เป้าหมาย: เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน, ความขัดแย้งระหว่างประเทศ, และการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกำไร

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทได้ดำเนินการ Deleveraging Plan เพื่อลดระดับหนี้สิน โดยการรับเงินจากการบังคับหลักประกันภายใต้สัญญา EPC จำนวน 440 ล้านเหรียญสหรัฐ และซื้อหุ้นกู้คืน (Bond Buyback) มูลค่ารวม 933 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการคืนเงินกู้ระยะยาวล่วงหน้าประมาณ 10,000 ล้านบาท

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงผันผวนจากสถานการณ์โลก แต่ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมจะยังเติบโต โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:00:06]

Q&A หัวข้อ : สภาพเศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2568

คำถาม: จากที่บริษัทได้มีการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ รวมถึงธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อยากทราบว่ามี business model หรือมีเป้าหมายในการลงทุนในธุรกิจสีเขียวอย่างไรบ้าง และบริษัทประเมินทิศทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 อย่างไร มีอะไรที่น่ากังวลบ้างในการลงทุน

คำตอบ:

ในส่วนของธุรกิจสีเขียวนั้น บริษัทเล็งเห็นความสำคัญและได้มีการลงทุนในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว (ESG)

  1. การลงทุนในธุรกิจสีเขียว:
    • เน้นการลงทุนในเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และการดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (CCUS)
    • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพและพลาสติกรีไซเคิล
  2. Business Model:
    • สร้าง ecosystem ของธุรกิจสีเขียว โดยการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ
    • การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
  3. การประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2568:
    • คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน เช่น ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และปัญหาหนี้ครัวเรือน
    • สิ่งที่น่ากังวลในการลงทุน: ความไม่แน่นอนทางการเมือง, ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ, และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

Q&A หัวข้อ : แผนการลงทุน และการเติบโตในอนาคต

คำถาม: อยากทราบถึงแผนการลงทุนในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าของบริษัท และมีกลยุทธ์อย่างไรในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตในอนาคต

คำตอบ:

  1. แผนการลงทุนระยะ 3-5 ปีข้างหน้า:
    • เน้นการลงทุนในโครงการ CFP (Clean Fuel Project) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    • ขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน
    • ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  2. กลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน:
    • การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
    • การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
    • การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
    • การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

Q&A หัวข้อ : ความเสี่ยงทางธุรกิจ และการบริหารจัดการ

คำถาม: มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ผู้บริหารมองว่าเป็นความท้าทายสำคัญของบริษัทในปัจจุบัน และมีวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร

คำตอบ:

  1. ความเสี่ยงทางธุรกิจ:
    • ความผันผวนของราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
    • ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการเมือง
    • การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ
    • การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม
  2. วิธีการบริหารจัดการความเสี่ยง:
    • การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน เช่น การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Hedging) เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา
    • การติดตามและประเมินสถานการณ์โลกอย่างใกล้ชิด
    • การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ
    • การสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน

Q&A หัวข้อ : ESG และความยั่งยืน

คำถาม: บริษัทมีนโยบายและเป้าหมายด้าน ESG (Environmental, Social, and Governance) อย่างไร และมีการวัดผลและรายงานผลการดำเนินงานด้าน ESG อย่างไร

คำตอบ:

  1. นโยบายและเป้าหมายด้าน ESG:
    • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    • ส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมในองค์กร
    • ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีจริยธรรม
  2. การวัดผลและรายงานผลการดำเนินงานด้าน ESG:
    • การใช้ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับ ESG (KPIs)
    • การรายงานผลการดำเนินงานด้าน ESG ในรายงานประจำปี
    • การได้รับการรับรองจากองค์กรภายนอกที่เกี่ยวข้องกับ ESG

Q&A หัวข้อ : เทคโนโลยี และนวัตกรรม

คำถาม: มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงานของบริษัทอย่างไรบ้าง และมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตหรือไม่

คำตอบ:

  1. การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้:
    • การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI และ Big Data เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการดำเนินงาน
    • การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม
  2. แผนการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ:
    • การลงทุนในเทคโนโลยี CCUS (Carbon Capture, Utilization, and Storage)
    • การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการซัพพลายเชน

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):

  1. สภาพเศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2568
  2. แผนการลงทุน และการเติบโตในอนาคต
  3. ความเสี่ยงทางธุรกิจ และการบริหารจัดการ
  4. ESG และความยั่งยืน
  5. เทคโนโลยี และนวัตกรรม

โดยสรุป ไทยออยล์ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมรับมือกับความท้าทายและความผันผวนของตลาดโลก โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน และขยายการลงทุนในธุรกิจสีเขียว เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว

ทั้งนี้ ทางบริษัทขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความสนใจและสนับสนุนไทยออยล์ด้วยดีเสมอมา

โพสต์ล่าสุด