https://aio.panphol.com/assets/images/community/1301_MFFHK5.png

BTG กำไรพุ่ง! FSSIA คาด Q4/67 กำไรสูงสุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่

P/E 5.07 YIELD 2.87 ราคา 17.50 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: BTG เตรียมโชว์กำไร Q4/67 สุดพีค

FSSIA คาดการณ์ว่า BTG จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 ที่ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และพลิกจากขาดทุน 656 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนุนมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้ Gross Margin ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

รายละเอียดและเหตุผลสนับสนุน

FSSIA ระบุว่า แม้ราคาเนื้อสัตว์จะลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 4/2567 โดยเฉพาะราคาไก่ที่ลดลง 9.3% แต่จะถูกชดเชยด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง เช่น ราคาข้าวโพดที่ปรับตัวขึ้น 12% แต่ราคาถั่วเหลืองลดลง 8% อีกทั้ง BTG ยังมีสินค้าคงคลังที่ซื้อมาในราคาถูก นอกจากนี้ FSSIA ยังคาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 1/2568 จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากราคาเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะราคาไก่ที่เพิ่มขึ้น 10% และราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น 7.6% รวมถึงการรวมธุรกิจไข่ในสิงคโปร์เข้ามาในไตรมาส 1/2568

FSSIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ BTG โดยมองว่า ราคาเนื้อสัตว์จะยังคงแข็งแกร่ง แม้จะผ่านพ้นช่วงตรุษจีนไปแล้ว โดยเฉพาะสุกรในประเทศไทยที่ยังคงมีปริมาณจำกัดเนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในไตรมาส 4/2567 และการระบาดของ ASF นอกจากนี้ BTG ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่ม Gross Margin ให้สูงอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ Midstream และการแปรรูปไก่เพื่อการส่งออก รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่ม Food Service

ปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมาย

FSSIA ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567-2568 ขึ้น 12-13% เป็น 2.47 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุนในปี 2566) และ 2.77 พันล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ แม้ว่าแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นอาจไม่แข็งแกร่งเท่าปีก่อน เนื่องจากเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ แต่ BTG ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ในปี 2567 ด้วยเรตติ้งสูงสุด AAA ดังนั้น FSSIA จึงคง Target P/E ที่ 17 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 24 บาท (จากเดิม 22 บาท)

ข้อสังเกตและปัจจัยที่ต้องติดตาม

นักวิเคราะห์จาก FSSIA ประเมินว่า BTG มีโอกาสเติบโตจาก 1) ยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามกำลังซื้อและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว 2) ราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้น 3) ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ทรงตัวหรือลดลง และ 4) การฟื้นตัวของธุรกิจในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ 1) การฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ช้ากว่าคาด 2) ราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าคาด 3) ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงช้ากว่าคาด และ 4) ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าคาด

โดยสรุป FSSIA แนะนำ "ซื้อ" หุ้น BTG โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ที่ 24 บาท อิงจาก Target P/E ที่ 17 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง และการได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ด้วยเรตติ้งสูงสุด AAA



โพสต์ล่าสุด