บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
OGC พลิกกำไร! ไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1.42 ล้านบาท โตกว่า 102%
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 9.55 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: OGC โชว์ผลงาน Q3/68 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 1.42 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนหนัก 66.22 ล้านบาท แม้รายได้รวมจะลดลง แต่การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการปรับกลยุทธ์เน้นสินค้ากำไรสูง ช่วยหนุนให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568:
บริษัท โอเชียนกลาส จำกัด (มหาชน) (OGC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 395.00 ล้านบาท ลดลง 13.74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม OGC สามารถทำกำไรสุทธิได้ 1.42 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกฟื้นจากที่เคยขาดทุนสุทธิ 66.22 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่ลดลง และการปรับสัดส่วนยอดขายของสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:
OGC เผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทั้งในระดับโลกและในประเทศ ปัจจัยต่างๆ เช่น ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ล้วนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการลงทุน นอกจากนี้ กำลังซื้อภายในประเทศยังคงเปราะบางจากความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม OGC ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า การขยายตลาดรับจ้างผลิต และการเข้าสู่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยม
รายละเอียดผลการดำเนินงาน:
- รายได้จากการขาย: ลดลง 14.25% (64.87 ล้านบาท) โดยรายได้จากการขายในประเทศลดลง 12.81% และรายได้จากการขายต่างประเทศลดลง 14.85%
- ต้นทุนขาย: ลดลง 20.02% (69.00 ล้านบาท) เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนพลังงาน
- กำไรขั้นต้น: เพิ่มขึ้น 3.74% (4.13 ล้านบาท) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.26% เป็น 29.35%
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: เพิ่มขึ้น 22.21% (5.57 ล้านบาท) จากการประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น
สรุปและแนวโน้ม:
แม้ว่ารายได้รวมของ OGC จะลดลง แต่การพลิกกลับมาทำกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 3/68 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการต้นทุน และการปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ OGC ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอ และมีแผนที่จะขยายตลาดรับจ้างผลิตทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมี่ยม เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต