https://aio.panphol.com/assets/images/community/12070_25AF70.png

MTC กำไรทะยาน 1,724 ล้านบาท! ขยายสาขาต่อเนื่อง หนุนสินเชื่อโต

P/E 10.79 YIELD 0.76 ราคา 33.00 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ: MTC โชว์ผลงานไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1,724 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่ม 438 แห่ง ดันสินเชื่อโตต่อเนื่อง

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 กวาดกำไรสุทธิ 1,724 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 21.84 ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อที่มีหลักประกัน นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง 438 สาขา ตั้งแต่สิ้นปี 2567 ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 มีสาขาทั้งหมด 8,609 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) อยู่ที่ร้อยละ 2.60 ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง

ผลการดำเนินงาน: กำไรโต รายได้พุ่ง ต้นทุนเพิ่ม

กำไรสุทธิของ MTC ในไตรมาส 3/68 เพิ่มขึ้น 233 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.63 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 724 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.10 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็มีค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหารที่เพิ่มขึ้น 211 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.72 ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสาขาและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินก็เพิ่มขึ้น 269 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.03 เนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและเงินกู้ยืมคงค้างที่เพิ่มขึ้น

สินทรัพย์และหนี้สิน: สินทรัพย์โต หนี้สินเพิ่ม สัดส่วนหนี้สินต่อทุน 3.62 เท่า

ณ สิ้นไตรมาส 3/68 สินทรัพย์รวมของ MTC เพิ่มขึ้น 19,658 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.51 โดยมีสาเหตุหลักมาจากจำนวนยอดสินเชื่อคงค้างที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้สินรวมก็เพิ่มขึ้น 15,372 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.48 ซึ่งเป็นผลมาจากเงินกู้ยืมและหนี้สินตามสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3.62 เท่า ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 4,286 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.60 จากผลการดำเนินงานรวมสำหรับงวดเก้าเดือนสุทธิจากเงินปันผลจ่าย

สรุปและแนวโน้ม: ขยายสาขาหนุนสินเชื่อโต บริหารความเสี่ยง NPL จับตาต้นทุนทางการเงิน

MTC ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้สินเชื่อและรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างระมัดระวัง แม้ว่า NPL จะยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์และหนี้สินเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัทฯ แต่ก็ต้องมีการบริหารจัดการหนี้สินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

โพสต์ล่าสุด