บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TWPC พลิกฟื้น! กำไรสุทธิ Q3/68 ทะยาน แม้รายได้รวมลดลง
P/E 17.46 YIELD 1.89 ราคา 3.02 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ: พลิกฟื้นกำไรสุทธิ
บมจ. ไทยวา (TWPC) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พลิกฟื้นกำไรสุทธิ 17.7 ล้านบาท จากที่เคยขาดทุน 73.6 ล้านบาทในปีก่อนหน้า แม้รายได้รวมจะลดลงเล็กน้อย แต่การเติบโตของยอดขายแป้งมันสำปะหลังเพิ่มมูลค่า (HVA) และธุรกิจอาหาร รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยหนุนให้ผลประกอบการกลับมาสดใส
ผลประกอบการโดยรวม: รายได้ลด แต่กำไรเพิ่ม
ในไตรมาส 3/2568 TWPC มีรายได้รวม 2,266.3 ล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 8.3% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 19.8% จาก 11.2% ในปีก่อนหน้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรได้ โดยเฉพาะการเติบโตของยอดขายแป้งมันสำปะหลังเพิ่มมูลค่า (HVA) ที่ 17.7% และธุรกิจอาหารที่ 2.7%
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2568, TWPC มีรายได้จากการขายรวม 6,866.0 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 156.0 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.8%
ปัจจัยที่น่าสนใจ: ฤดูกาลผลิต และนโยบายภาษี
ในไตรมาส 3/2568 ตลาดมันสำปะหลังเข้าสู่ช่วงฤดูผลผลิตต่ำเต็มรูปแบบ ทำให้ราคาหัวมันสดปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายแป้งมันสำปะหลังในประเทศยังคงทรงตัว นอกจากนี้ นโยบายภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดอัตราภาษีสำหรับสินค้าจากประเทศไทย ส่งผลให้สินค้าไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2568 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 19.8% จาก 11.2% ในไตรมาส 3/2567 เนื่องจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและสัดส่วนพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่เอื้อต่อการทำกำไร แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง 5.8%
สรุป: แนวโน้มการเติบโต และความยั่งยืน
TWPC มุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจอาหารและแป้งมันสำปะหลังมูลค่าเพิ่ม (HVA) พร้อมให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 8,409.5 ล้านบาท และหนี้สินรวม 2,813.0 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5,596.5 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) อยู่ที่ 0.25 เท่า