https://aio.panphol.com/assets/images/community/11432_9BE59B.png

SCGP กำไร Q3/68 แกร่งเกินคาด! โบรกฯ ชี้ Q4 โตต่อ อัพไซด์เพียบ

P/E 23.56 YIELD 3.57 ราคา 15.40 (0.00%)

BLS คาดการณ์กำไรหลัก SCGP ไตรมาส 4/68 เติบโตต่อเนื่อง หนุนจากดีมานด์บรรจุภัณฑ์ในอาเซียนฟื้นตัว พร้อมอัพไซด์จากดีลซื้อกิจการ MYPAK ในอินโดนีเซีย

ไฮไลท์สำคัญ

SCGP โชว์กำไรสุทธิ Q3/68 ที่ 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% YoY แม้ลดลง 6% QoQ หากไม่รวมผลขาดทุน FX กำไรหลักอยู่ที่ 1,021 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% YoY แต่ลดลง 5% QoQ เป็นไปตามที่ BLS และตลาดคาดการณ์ไว้

ผลประกอบการที่น่าจับตา

ปัจจัยหนุนกำไรหลัก YoY มาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร (รวม Fajar) และธุรกิจรีไซเคิลที่ดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยกดดันกำไรหลัก QoQ คือ 1) กำไรที่ลดลงของธุรกิจเยื่อและกระดาษ และ 2) กำไรที่ลดลงของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร EBITDA margin ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรอยู่ที่ 16% เพิ่มขึ้นจาก 12% ใน Q3/67 (ทรงตัว QoQ) ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษอยู่ที่ 7% ลดลงจาก 11% ใน Q3/67 (ทรงตัว QoQ) ผลการดำเนินงานของ Fajar ปรับตัวดีขึ้น YoY โดยมี EBITDA อยู่ที่ 2 พันล้านรูเปียห์ พลิกจาก EBITDA losses ที่ 2.43 แสนล้านรูเปียห์ใน Q3/67

ข้อสังเกตและการเปลี่ยนแปลง

BLS คาดการณ์กำไรหลัก Q4/68 จะเติบโต YoY จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร (รวม Fajar) โดยได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบ (RCP) และพลังงานที่ลดลง รวมถึงอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจเยื่อและกระดาษมีแนวโน้มลดลง YoY ตามราคาเยื่อกระดาษที่ลดลง นอกจากนี้ BLS ยังมองเห็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรระยะยาวราว 2% จากการเข้าซื้อกิจการ PT Prokemas Adhikari Kreasi (MYPAK) ในอินโดนีเซีย ซึ่งคิดเป็นอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมาย 0.60 บาทต่อหุ้น

สรุปและคำแนะนำ

BLS ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SCGP ด้วยราคาเป้าหมาย 21.00 บาท โดยมองว่าการเติบโตของกำไรหลักใน Q4/68 จากอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ในอาเซียนที่ฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป รวมถึงอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการจากการเข้าซื้อกิจการในอนาคต ทั้งนี้ BLS ประเมินโดยใช้ PER (Price to Earnings Ratio) และ PBV (Price to Book Value Ratio) ในการประเมินมูลค่า

โพสต์ล่าสุด