https://aio.panphol.com/assets/images/community/11310_33024E.png

MST กำไรทรุด! หลักทรัพย์เมย์แบงก์ฯ ไตรมาส 3 กำไรดิ่ง 56%

P/E 13.04 YIELD 9.63 ราคา 6.75 (0.00%)

ภาพรวมผลประกอบการ

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิ 64.12 ล้านบาท ลดลงถึง 56.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรสุทธิ 82.47 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากหลายส่วนงาน

สาเหตุหลักที่ฉุดกำไร

การลดลงของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีปัจจัยหลักดังนี้:

  • รายได้ค่านายหน้า: ลดลง 16.37% หรือ 49.68 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ลดลง
  • รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ: ลดลง 49.72% หรือ 36.76 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์
  • รายได้ดอกเบี้ย: ลดลง 28.40% หรือ 73.34 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และรายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล
  • รายได้อื่น: ลดลง 15.42% หรือ 12.11 ล้านบาท
แม้ว่าบริษัทจะสามารถลดค่าใช้จ่ายรวมลงได้ 12.95% และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 56.68% แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของรายได้

วิเคราะห์สถานการณ์และความเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ MST ต้องเผชิญคือ ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ และ การลดลงของปริมาณการซื้อขายโดยนักลงทุนรายย่อย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้หลักของบริษัท นอกจากนี้ การลดลงของอัตราดอกเบี้ยและการลดปริมาณการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ยังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม

สรุปและแนวโน้ม

ผลประกอบการที่ลดลงของ MST สะท้อนถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในสภาวะตลาดปัจจุบัน บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาด และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การฟื้นตัวของผลประกอบการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับกลยุทธ์ และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ


ภาพรวมผลประกอบการ

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สรุปผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 มีกำไรสุทธิ 198.00 ล้านบาท ลดลง 45.71% หรือคิดเป็น 166.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

สาเหตุหลักที่ฉุดกำไร

การลดลงของกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนนี้มีปัจจัยหลักดังนี้:

  • รายได้ค่านายหน้า: ลดลง 11.42% หรือ 90.18 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์ฯ และสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ลดลง
  • รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ: ลดลง 44.44% หรือ 70.09 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าที่ปรึกษาทางการเงิน
  • รายได้ดอกเบี้ย: ลดลง 16.28% หรือ 130.88 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล และรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์
  • รายได้อื่น: ลดลง 2.40% หรือ 6.38 ล้านบาท
แม้ว่าบริษัทจะสามารถลดค่าใช้จ่ายรวมลงได้ 5.84% และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 43.70% แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของรายได้

วิเคราะห์สถานการณ์และความเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ MST ยังคงต้องเผชิญคือ ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ และ การลดลงของปริมาณการซื้อขายโดยนักลงทุนรายย่อย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้หลักของบริษัท

สรุปและแนวโน้ม

ผลประกอบการที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของ MST ในช่วง 9 เดือนแรกของปี สะท้อนถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในสภาวะตลาดปัจจุบัน บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาด และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การฟื้นตัวของผลประกอบการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับกลยุทธ์ และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

โพสต์ล่าสุด