บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

Highlight สำคัญ

บล.หยวนต้า คาดการณ์ผลประกอบการ SCC ใน Q3/25 จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 622 ล้านบาท จากกำไรใน Q2/25 และ Q3/24 โดยมีปัจจัยกดดันจากรายได้เงินปันผลที่ลดลง, Spread ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ, ค่าใช้จ่าย Restart โครงการ LSP และขาดทุน NRV

คาดการณ์ผลประกอบการ Q3/25

หยวนต้าคาดการณ์ว่า SCC จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 622 ล้านบาท ใน Q3/25 จากกำไร 1.7 หมื่นล้านบาทใน Q2/25 และกำไร 721 ล้านบาทใน Q3/24 แม้ธุรกิจซีเมนต์จะได้ประโยชน์จากการปรับราคาขายและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ผลประกอบการถูกกดดันจาก:

• รายได้เงินปันผลรับลดลงตามฤดูกาล
• อัตรากำไรธุรกิจโอเลฟินส์อ่อนแอลงตาม Spread HDPE และ PP
• ค่าใช้จ่ายการเริ่มกลับมาผลิตของโรงงาน LSP ราว 300 ล้านบาท
• ขาดทุนการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ NRV ของโครงการ LSP ราว 600 ล้านบาท
• ธุรกิจวัสดุก่อสร้างชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาลและมหภาค

การ Restart LSP แม้ในระยะสั้นยังไม่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการ แต่เป็นพัฒนาการสำคัญในการทดสอบเดินเครื่อง เพื่อเตรียมพร้อมการผลิตในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อโครงการนำเข้า Ethane (LSPE) เปิดใช้งานปลายปี 2027 ซึ่งจะทำให้ LSP สามารถผลิตโอเลฟินส์จากวัตถุดิบ Ethane ที่มีต้นทุนต่ำกว่า Naphtha ถึง US$200-250/ตัน

ข้อสังเกตและแนวโน้ม

อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังคงเผชิญแรงกดดันจากอุปทานล้นตลาด และส่วนต่างราคาปิโตรเคมียังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม คาดว่าความคืบหน้ามาตรการจัดระเบียบในอุตสาหกรรมจะช่วยบรรเทาผลกระทบ และช่วยให้วัฏจักรขาลงสิ้นสุดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีใน 4Q25 - 2026 ยังมีโอกาสฟื้นตัวจากระดับปัจจุบัน หนุนด้วยทิศทางราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง

หยวนต้ายังคงราคาเหมาะสมที่ 234.00 บาท และคำแนะนำ "TRADING" โดยมองว่าราคาปัจจุบันไม่แพง ซื้อขายบน PBV 0.7 เท่า (-1.3 SD) และหุ้นยังมีฐานะการเงินมั่นคง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นงบ Q3/25 ไม่เด่น เชิงกลยุทธ์อาจรอจังหวะลงทุนช่วงหุ้นอ่อนตัวหรือหลังประกาศผลประกอบการ Q3/25 ในวันที่ 29 ต.ค.

สรุป

ถึงแม้ SCC จะเผชิญกับผลขาดทุนใน Q3/25 จากปัจจัยหลายด้าน แต่หยวนต้ายังคงคำแนะนำ "TRADING" โดยมองว่าการ Restart โครงการ LSP เป็นสัญญาณบวกในระยะยาว และราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่แพง นักลงทุนอาจพิจารณาเข้าลงทุนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง