บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

KSecurities ประเมิน บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ว่ามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น จากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงิน พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 39.50 บาท ชี้เป็นหุ้นที่มีมูลค่าถูกเป็นอันดับสองในกลุ่ม

มุมมองต่อธุรกรรม

TOP รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะทำธุรกรรมปล่อยเช่าและเช่ากลับ มูลค่ารวม 3.74 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้เช่าคือบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ (TOP ถือหุ้น 51% และ PTT ถือหุ้น 49%) KSecurities มีมุมมองที่เป็นกลางต่อธุรกรรมนี้ โดยมองว่า TOP มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ (3.3% ต่อปี) เมื่อเทียบกับต้นทุนหนี้ปัจจุบัน (4-5%) และทางเลือกการระดมทุนอื่นๆ (7%) สัญญาเช่าสินทรัพย์ระยะยาวจาก TOP ไปยังบริษัทร่วมทุนมีระยะเวลา 21 ปี ขณะที่สัญญาเช่ากลับจากบริษัทร่วมทุนมาที่ TOP มีอายุ 3 ปี โดยมีค่าเช่ารวม 9.80 พันล้านบาท (เฉลี่ยปีละ 3.30 พันล้านบาท) และสามารถต่ออายุได้ 6 ครั้ง

ผลกระทบต่อ TOP

ธุรกรรมนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Debt/EBITDA) ลดลงอย่างมาก ทำให้สถานะทางการเงินของ TOP แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมนี้จะทำให้เกิดต้นทุนค่าเช่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรประมาณ 8% นอกจากนี้ KSecurities คาดว่า TOP มีแผนปรับโครงสร้างเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและลดความเสี่ยงจากการถูกลดอันดับเครดิต โดยมีเป้าหมายให้อัตราส่วน Debt/EBITDA อยู่ที่ประมาณ 6.5 เท่า

มาตรการเสริมแกร่ง

TOP ได้รับเงินสดสุทธิ 1.82 หมื่นล้านบาท จากธุรกรรมนี้ ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงจาก 10.4 เท่าเป็น 8.5 เท่า นอกจากนี้ TOP อาจใช้มาตรการอื่นๆ เช่น การออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ และการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมนี้จะส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง 630 ล้านบาทต่อปี และไม่มีกำไร/ขาดทุนพิเศษจากการขาย เนื่องจากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ (เป็นสัญญาเช่าระยะยาว)