บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

text-primary ไฮไลท์สำคัญ:

PTTGC ดำเนินกลยุทธ์ขายและเช่ากลับ (Sale and Leaseback) สินทรัพย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ลดแรงกดดันจากหนี้สินที่เพิ่มขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยภาระค่าเช่าและส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงในระยะยาว

text-primary รายละเอียดการวิเคราะห์:

PTTGC ประกาศขายหุ้น 35.43% ใน Thai Tank Terminal (TTT) ให้กับ PTT Tank และขาย Buffer Tank Farm (BTF) ซึ่งรวมถึงท่าเทียบเรือ ถังเก็บ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ คาดว่าจะได้รับเงินสดประมาณ 7.9 พันล้านบาท และมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์

การขายสินทรัพย์จะช่วยลดหนี้สิน แต่ในขณะเดียวกัน PTTGC จะมีภาระค่าเช่าสำหรับถังเก็บและท่าเทียบเรือ รวมถึงสูญเสียส่วนแบ่งกำไรจาก TTT ซึ่งฝ่ายบริหารประเมินว่าจะกระทบต่อกำไรสุทธิประมาณ 354 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่าย เนื่องจากการนำเงินไปชำระหนี้

โกลเบล็กคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ของ PTTGC จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 5 เท่าภายในปี 2569 จากการขายสินทรัพย์และการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สินและเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน

text-primary ข้อสังเกต:

PTTGC ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ในจีนและสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนต่ำกว่าและผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากกว่า รวมถึงส่วนต่างราคา (spread) ของผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ยังคงอ่อนแอ

กลยุทธ์การขายสินทรัพย์จึงเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นเพื่อรักษาสถานะทางการเงินและอันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของกำไรอย่างมีนัยสำคัญยังคงขึ้นอยู่กับการปรับตัวดีขึ้นของปัจจัยพื้นฐานในอุตสาหกรรม

text-primary สรุป:

โกลเบล็กยังคงคำแนะนำ "ถือ" (HOLD) สำหรับ PTTGC โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 29 บาท สะท้อนถึงแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นจากการปรับตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์