บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
VIBHA: สรุป Oppday Q2/2568 - เจาะลึกผลประกอบการและทิศทางอนาคต
P/E 47.17 YIELD 3.68 ราคา 1.36 (0.00%)
VIBHA: สรุป Oppday Q2/2568 - เจาะลึกผลประกอบการและทิศทางอนาคต
สวัสดีครับ ผมพิชิต วิริยะแมง ตระกูล CEO โรงพยาบาลวิภาวดีจำกัดมหาชน
ดิฉันนางสาวลัคนี ชำนาญยุทธ โตสุน นักลงทุนสัมพันธ์ วันนี้เราจะมาพรีเซนต์ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ของโรงพยาบาลวิภาวดีและเครือ
ศูนย์ใหม่ของโรงพยาบาล คือ Gamma Knife Center ทำการรักษาเฉพาะจุด เน้นในส่วนของสมองเป็นหลัก เครื่องนี้ในเมืองไทยมีอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาวดี ภายใต้การดูแลของนายแพทย์เมธี อาจารย์ Full Time ของโรงพยาบาล
V Design เป็นคลินิกเน้นเรื่องการปลูกผมเป็นหลัก V Precision เน้นในเรื่องของ longevity กับเรื่องของ wellness
คลินิก Pertiva Clinic IVF มาจากคำว่า fertility บวกกับวิภาวดี ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก เช่น IUI, IVF, ICSI, แช่แข็งไข่ หรือเก็บสเปิร์ม
กำลังจะเปิด Flow แบบคลินิกแพทย์แผนไทย ชื่อ G Wellness เน้นการรักษาแบบแพทย์แผนไทย ภายในบริเวณโรงพยาบาลวิภาวดี
ปัจจุบันมี 3 สาขา เจาะตามสถานีรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าใต้ดิน สาขาล่าสุดที่เปิดคือสถานีจตุจักร เน้นเรื่องการให้วัคซีน และ Travel Medicine
Dr.Choice เป็นร้านในโรงพยาบาลที่เริ่มทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น สกินแคร์ ทิชชู่เปียก ยาดม
โรงพยาบาลวิภาวดีและเครือก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ปัจจุบันเป็นปีที่ 39 มีการพัฒนาและขยายเครือข่าย จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และร่วมทุนกับเครือโรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลวิภาราม ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกลุ่มโรงพยาบาล CMR เชียงใหม่ราม ในภาคเหนือของประเทศไทย มีการขยายธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โครงสร้างกลุ่มบริษัท มีโรงพยาบาลวิภาวดีเป็นบริษัทแม่ มีโครงสร้างของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในส่วนที่เป็นธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจอื่นๆ
Geographic Locations ครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศไทย ในส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีจำนวนเตียงทั้งหมด 2,584 เตียง รองรับผู้ป่วยได้ครอบคลุม
ผู้ใช้บริการครอบคลุมในส่วนต่างๆ ทั้งส่วนของผู้มีรายได้ระดับปานกลางจนถึงระดับสูง รวมไปถึงผู้ใช้บริการของสวัสดิการภาครัฐ
ไตรมาส 2 ปี 2568 งบ 3 เดือน ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดีจำกัดมหาชน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท คิดเป็น 2.6% มีผลมาจากในไตรมาส 2 เรามีเงินปันผลรับเพิ่มขึ้นพิเศษ 77 ล้านบาท ซึ่งเป็นของตัวโรงพยาบาลวิภาวดีเอง แต่ว่าในส่วนของค่ารักษาพยาบาลคนไข้ลดลง 66 ล้านบาท มาจากตัว CMR 62 ล้านบาท นอกจากนี้เราก็จะมีรายได้พิเศษจากเงินชดเชยจากประกัน เนื่องจากว่าในปีที่แล้วตอนไตรมาส 3 และไตรมาส 4 มีเหตุอุทกภัยในภาคเหนือ ทำให้โรงพยาบาลลานนาได้รับผลกระทบ มีการเคลมประกันจากผลกระทบจากน้ำท่วม ในส่วนแรกประกันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนมา 50 ล้านบาทในไตรมาส 2
ในรายได้รวม 39.6% มาจากโรงพยาบาลวิภาวดี 57.6% มาจากกลุ่ม CMR
EBITDA เพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท คิดเป็น 9.8% มาจากการที่รายได้เพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท แต่ในส่วนของต้นทุนการรักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน 32 ล้านบาท มาจากการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำทั้งในกลุ่มของ CMR และมีส่วนของวิภาวดีด้วย
การวัดมูลค่าเงินลงทุนที่มีขาดทุนในไตรมาสนี้ ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ต่างกันเพียง 7 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ในไตรมาส 2 ปีนี้ ก็มากกว่าปีที่แล้วอยู่ 18 ล้านบาท
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 59 ล้านบาท คิดเป็น 36% ส่วนหนึ่งมาจากภาษีเงินได้รวมลดลงจากปีที่แล้ว 18 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาจากตัวกลุ่ม CMR
จำนวนคนไข้ในไตรมาส 2 ปี 2568 คนไข้ OPD เพิ่มขึ้น 4.8% คิดเป็นประมาณ 6,000 คน คนไข้ IPD ลดลง 10% ประมาณ 500 คน
กลุ่ม CMR คนไข้ OPD เพิ่มขึ้น 1.5% 31% เป็นคนไข้เงินสด 69% เป็นคนไข้ประกันสังคม คนไข้เงินสดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1% มาจากตัวลานนา และเทพปัญญา
คนไข้ประกันสังคมเพิ่มขึ้น 2.1% มาจากตัวลานนา และหริภุญชัย ในส่วนของคนไข้ IPD ลดลง 8% โดยที่คนไข้ IPD มีสัดส่วนประมาณ 59% เป็นคนไข้เงินสด 41% เป็นคนไข้ประกันสังคม
คนไข้เงินสดลดลง 11.3% มาจากการลดลงของโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ตามมาด้วยลานนาและเทพปัญญา ในขณะที่คนไข้ประกันสังคมลดลง 2.7% มาจากตัวโรงพยาบาลลานนา โรงพยาบาลอื่นๆ อย่างหริภุญชัยและเทพปัญญา มีจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้น
กลุ่มโรงพยาบาลวิภาราม คนไข้ OPD เพิ่มขึ้น 2.3% 34% เป็นคนไข้เงินสด 66% เป็นคนไข้ประกันสังคม
คนไข้เงินสด มีจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้น 11.1% มาจากตัวแพทย์ปัญญาสมุทรปราการ และพัฒนาการ ในขณะที่คนไข้ประกันสังคมลดลง 1.6% หลักๆ ก็เป็นผลมาจากโรงพยาบาลวิภารามพัฒนาการ สมุทรปราการ และปากเกร็ด
คนไข้ IPD ของเครือวิภาราม ก็เพิ่มขึ้น 11% ในร้อยละ 55 เป็นคนไข้เงินสด 45% เป็นคนไข้ประกันสังคม คนไข้เงินสดเพิ่มขึ้น 13.5% มาจากโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา
คนไข้ประกันสังคมก็เพิ่มขึ้น 8.1% หลักๆ จะมาจากโรงพยาบาลวิภารามปากเกร็ด และโรงพยาบาลวิภารามพัฒนาการ
ผลการดำเนินงาน 6 เดือน อาจจะต่างจากช่วง 3 เดือนเล็กน้อย ถ้ารายได้รวมของกลุ่มโรงพยาบาลวิภาวดีลดลง 31 ล้านบาท คิดเป็น 0.7% มีค่ารักษาพยาบาลที่ลดลง 99 ล้านบาท 69 ล้านบาทมาจากกลุ่ม CMR 30 ล้านบาทมาจาก Beauty Design
เงินปันผลรับปีนี้ 6 เดือน ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาท มีเงินชดเชยจากน้ำท่วม ได้มา 50 ล้านบาท
กลุ่ม CMR การรับรู้รายได้ประกันสังคม ประเภท DRG มากกว่า 2 มีการปรับนโยบายใหม่ ตั้งแต่ปี 2568 แต่เดิมเขารับรู้ที่ DRG ละ 11,000 บาท ก็ปรับลดลงเหลือ DRG ละ 11,000 บาท
EBITDA ลดลง 297 ล้านบาท คิดเป็น 27.4% เหตุผลหลักมาจาก การ Mark to Market มูลค่าเงินลงทุน ในปีที่แล้วช่วง 6 เดือนเรามีขาดทุนจากการ Mark to Market 65 ล้านบาท ส่วนปีนี้เรามีขาดทุนอยู่ 259 ล้านบาท ทำให้เกิดส่วนต่าง 194 ล้านบาท
ต้นทุนการรักษาพยาบาลก็เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาทในช่วง 6 เดือน มี Share profit จากบริษัทร่วม เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท ทำให้ EBITDA ลดลง Net income เองก็ลดลง 218 ล้านบาท คิดเป็น 43% จะลดลงน้อยกว่า EBITDA เหตุผลเพราะว่าเรามีภาษีเงินได้รวมที่ลดลง 75 ล้านบาท โดยที่เป็นส่วนของวิภาวดีประมาณ 50 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ตัวโรงพยาบาลวิภาวดี ถ้าperformance การรักษาพยาบาลดีขึ้นเล็กน้อยเทียบกับปีที่แล้ว ไตรมาส 2 ถ้าเทียบเฉพาะ performance การรักษาพยาบาลดรอปลงเล็กน้อย โดยรวม 6 เดือน ถ้าดูเฉพาะในส่วนของ Core Business ที่เป็นการรักษาพยาบาล ก็ดรอปลงนิดหน่อยหรือว่าเกือบจะเท่าเดิม
ที่มันติดลบเยอะๆ เกิดจากการที่วัดมูลค่ายุติธรรมของราคาหุ้นต่างๆ ที่ได้ไปลงทุนเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในตลาดที่เป็นหุ้นเกี่ยวกับโรงพยาบาลเป็นหลัก เลยทำให้ผลกำไรดูเหมือนจะลดลงเยอะ
Financial performance Trends ไว้ ตารางนี้เราจะทำแยกเป็นส่วนของ operating Income กับ Investment Income โดยที่ตัว operating income เราจะแสดงให้เห็นถึง EBITDA แล้วก็ Total revenue ที่ไม่ได้รวมกับผลจากการลงทุนในหุ้น แล้วก็ในส่วนทางขวาก็จะเป็น Investment income ส่วนที่เป็น permanent ก็คือรายได้จากเงินปันผล และกำไรขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุน ส่วนของ temporary คือส่วนที่กำไรขาดทุนจากการวัดมูลค่าหุ้น
ทางกลุ่มโรงพยาบาลก็มีเหตุการณ์พิเศษที่ทำให้ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง ปี 2567 ในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 เราได้รับผลกระทบจากการปรับมูลค่า DRG ของสำนักงานประกันสังคม หลักๆ ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นกลุ่มวิภาราม ผลกระทบในแต่ละไตรมาสประมาณ 10 ล้านบาท ถ้าคํานวณตามสัดส่วนที่วิภาวดีถือหุ้น
ไตรมาส 3 และ 4 ของปีที่แล้ว มีผลกระทบจากน้ำท่วม จะเป็นผลกระทบต่อโรงพยาบาลลานนา ได้มีการ Write Off มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ออกไปประมาณ 45 ล้านบาท การที่อาคารโรงพยาบาลต่างๆ อยู่ระหว่างปรับปรุง ก็เลยมีผลให้โรงพยาบาลมีพื้นที่ในการให้บริการลูกค้าลดลง
ปีปัจจุบัน มีการประกาศนโยบายของสปสช. เรื่องของ Co-payment ของประกัน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มผู้ใช้บริการ ทำให้จำนวน Admit คนไข้ของเรารดลง
เดิมในทุกไตรมาสรายได้ของกลุ่มบริษัท 90 กว่าเปอร์เซ็นต์จะเป็นส่วนของรายได้จากการรักษาพยาบาลตลอด มีเพียงในไตรมาสสุดท้ายที่อาจจะต่ำลงไปกว่า 90% เล็กน้อย เป็นเหตุจากที่เรามีรายได้เงินปันผลพิเศษเข้ามา สัดส่วนรายได้เงินปันผลในไตรมาสนี้อาจจะสูงกว่าปกติเยอะหน่อย
ปกติแล้วในตัว net income ของกลุ่มบริษัท หลักๆ ก็คือจะมาจากโรงพยาบาลวิภาวดี แล้วก็ CMR ในส่วนของโรงพยาบาลวิภาวดีเอง ปกติก็จะอยู่ประมาณ 100 กว่าถึง 200 กว่าล้านบาทต่อไตรมาส มีเหตุการณ์พิเศษเล็กน้อย ในช่วงปี 2568 ในไตรมาส 1 เรามีการบันทึกขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนไป 177 ล้านบาท กำไรจากการผลการดำเนินงานจริง ก็จะประมาณ 100 กว่าล้านบาท ในไตรมาส 2 เองก็มีการบันทึกขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท ไตรมาส 1 เรามีรายได้จากเงินปันผลที่ต่ำกว่าปกติอยู่ 20 กว่าล้านบาท ในไตรมาส 2 เรามีรายได้จากเงินปันผลพิเศษ 60 ล้านบาท ทำให้กำไรสูงขึ้นมา
CMR โดยปกติแล้วกำไรก็จะอยู่ที่ประมาณไตรมาสละ 100 กว่าล้านบาท ในส่วนของไตรมาส 2 ที่เป็นช่วงดาวน์ซีซั่น ทางกลุ่ม CMR ในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายลดมูลค่าการรับรู้รายได้ของตัว DRG ลดลงประมาณ DRG ละ 1,000 บาท
ในส่วนของบริษัทร่วม ร้อยละ 90 เป็นส่วนแบ่งกำไรที่มาจากเครือกลุ่มโรงพยาบาลวิภาราม ในช่วงปี 2567 มีไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ที่ได้รับผลกระทบจากตัว DRG ที่ประกาศลดลง ไตรมาส 2 เราได้รับผลกระทบจากการประกาศลดลงของปีก่อนหน้า ในเดือน 7 ก็เลยเพิ่งมาบันทึกในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 กับไตรมาส 4 ก็จะเป็นผลกระทบของปีที่แล้วเอง 2567 มีผลกระทบทั้งหมดต่อตัววิภารามเองประมาณไตรมาสละ 30 ล้านบาท คิดตามสัดส่วนการถือหุ้น เราก็มีผลกระทบต่อวิภาวดีประมาณ 10 ล้านบาทต่อไตรมาส
มีเงินรายได้เงินปันผลในไตรมาส 2 สูงพิเศษของปีนี้ เป็นผลมาจากในหน้าถัดไปที่จะมาจากโรงพยาบาลสินแพทย์เสรีรักษ์ ปกติเราจะได้รับเงินปันผลในไตรมาส 4 ทุกปี แต่ว่าในปีนี้มีการประกาศจ่ายปันผลพิเศษในไตรมาส 2 ประมาณ 60 ล้านบาท ทำให้ตัวนี้ก็ส่งผลต่อรายได้ในไตรมาส 2 ของเรา
ไตรมาส 2 ปีนี้เราไม่ได้มีการลงทุนในหุ้นในตลาดเพิ่มเติมจากไตรมาส 1 จำนวนเงินลงทุนเราก็จะยังคงเดิม ในส่วนของมูลค่าตามราคาตลาดก็อาจจะสูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย ทั้งในส่วนของที่บันทึกเข้า P&L และบันทึกเข้า OCI อยู่
สำหรับอันนี้จะเป็นเงินลงทุนในหุ้นนอกตลาด ซึ่งก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากตอนสิ้นปีที่ผ่านมา Financial Data กับ Financial Ratio
โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของโรงพยาบาลวิภาวดี โครงการวิภาวดีสาขาพระราม 2 ตอนนี้เราได้ทำการก่อสร้างไปค่อนข้างมากแล้ว โครงสร้างขึ้นไปหลายชั้น และเงินลงทุนที่ใช้ไปจนถึงปัจจุบันประมาณ 410 ล้านบาท Budget ไว้ประมาณพันพันล้านบาท คิดว่าไม่น่าจะใส่เถิก เดี๋ยวเราจะต้องดูตอนตอนจบอีกทีนึงว่าสร้างเสร็จแล้ว ใช้เงินไปเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเริ่มเปิดได้บางส่วนประมาณปลายปี หรือไม่ก็ต้นปีหน้า
โครงการซื้อหุ้นคืน ที่เรามีการซื้อหุ้นคืนเมื่อปีที่ผ่านมา จำนวน 91.4 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.67% ของทุนชำระแล้ว เรามีระยะเวลาช่วงเวลา 3 ปี ในการที่จะขายหุ้นนี้ออกไปด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งตามที่ใส่ไว้ ในวันที่ 18-20 สิงหาคม ที่ผ่านมา เราได้มีการเสนอขายหุ้นในตลาดทรัพย์โดยวิธี แล้ว ไม่ได้มีผู้ถือหุ้นท่านใด แจ้งความประสงค์ว่าต้องการจะซื้อ ดังนั้นในวันที่ 20 สิงหาคม เราได้มีการตัดหุ้นซื้อคืน และลดทุนแล้ว จำนวน 91.4 ล้านหุ้น ส่งผลให้ทุนชำระแล้วของบริษัท ลดลงจาก 1,357.62 ล้านบาท เหลือ 1,348.48 ล้านบาท
โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของกลุ่มวิภาราม มีอยู่ 2 ที่ คือแหลมฉบัง กับอมตะนคร ในส่วนของแหลมฉบัง อาคาร ABC ที่เป็นอาคารจอดรถ อาคาร OPD แล้วก็ ER ในการก่อสร้างก็ประมาณ 50-95% ถ้าเป็นอาคาร D ที่เป็นอาคาร IPD ตอนนี้ยังอยู่ระหว่าง Process ของการขอ EIA
อมตะนคร ที่เป็นอาคาร 14 ชั้น สำหรับ OPD และอาคารจอดรถ ในการก่อสร้างก็อยู่ที่ประมาณ 97%
โครงการในอนาคตของกลุ่มวิภาราม ที่อยู่ระหว่าง On Hold จะมีของวิภารามอ่อนนุช และวิภารามบ่อวิน ได้รับการอนุมัติ EIA เรียบร้อยแล้ว อมตะนคร 2 ที่เป็นนิคม ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างขอ เช่นกัน
โดยสรุปแล้ว ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของ VIBHA ได้รับผลกระทบจากการปรับมูลค่าการลงทุนในตลาดหุ้น แม้ว่าธุรกิจหลักด้านการรักษาพยาบาลจะยังคงเติบโตได้เล็กน้อย บริษัทกำลังขยายธุรกิจไปยังคลินิกเฉพาะทางและให้ความสำคัญกับการลงทุนในอนาคต เช่น โครงการวิภาวดีสาขาพระราม 2
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 40:27
-
การเติบโตของรายได้และการจัดการต้นทุน
- คำถาม: มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเติบโตของรายได้และเรื่องการจัดการต้นทุนค่ะ เพราะว่าถ้าเราไปดูในรายละเอียดเนี่ย จะเห็นว่าต้นทุนเนี่ยมันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นนะคะ อยากจะให้ผู้บริหารช่วยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยค่ะ
- คำตอบ:
- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมีหลายส่วนที่สำคัญ ส่วนแรกคือต้นทุนผันแปร เช่น ต้นทุนยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของผู้ป่วย
- ต้นทุนคงที่ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายงานและค่าเสื่อมราคาของเครื่องมือใหม่
- ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ
- วิเคราะห์ว่าต้นทุนคงที่หลายส่วนควบคุมได้ยากในระยะสั้น แต่มีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อลดต้นทุนในระยะยาว
-
แผนการลงทุนในอนาคต
- คำถาม: มีแผนการลงทุนอะไรที่วางไว้ในอนาคตบ้างไหมคะ
- คำตอบ:
- บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายบริการทางการแพทย์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วย
- การลงทุนในโครงการใหม่ ๆ จะพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยง
- มีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร
-
ผลกระทบจากนโยบายภาครัฐ
- คำถาม: นโยบายของภาครัฐมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างไรบ้างคะ
- คำตอบ:
- นโยบายของภาครัฐ เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท
- บริษัทมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับนโยบายภาครัฐ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและลดต้นทุน
- มีการติดตามและวิเคราะห์ผลกระทบของนโยบายภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
-
สถานการณ์การแข่งขันในตลาด
- คำถาม: สถานการณ์การแข่งขันในตลาดโรงพยาบาลเป็นอย่างไรบ้างคะ และบริษัทมีกลยุทธ์ในการแข่งขันอย่างไร
- คำตอบ:
- ตลาดโรงพยาบาลมีการแข่งขันสูง บริษัทมีกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง โดยการให้บริการที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและคู่ค้า
- มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ
-
การปรับตัวของบริษัท
- คำถาม: บริษัทมีการปรับตัวอย่างไรบ้างเมื่อเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ
- คำตอบ:
- บริษัทมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และพัฒนาบริการใหม่ ๆ
- มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน
- มีการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว
-
วิสัยทัศน์ในอนาคต
- คำถาม: วิสัยทัศน์ของบริษัทในอนาคตเป็นอย่างไรบ้างคะ
- คำตอบ:
- บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาล โดยการให้บริการที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- มีการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน
- มีการสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
-
การเพิ่มขึ้นของต้นทุน
- คำถาม: ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร และจะมีการจัดการอย่างไร
- คำตอบ:
- ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมีหลายส่วน ทั้งต้นทุนผันแปร (ยา, เวชภัณฑ์) และต้นทุนคงที่ (ค่าเสื่อมราคาเครื่องมือใหม่, ค่าใช้จ่ายบุคลากร)
- ต้นทุนคงที่หลายส่วนควบคุมได้ยากในระยะสั้น แต่มีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนในระยะยาว
-
โครงการและการเติบโต
- คำถาม: โครงการใหม่จะสร้างการเติบโตได้มากแค่ไหน
- คำตอบ:
- โครงการใหม่ (เช่น Pertiva IVF, G Wellness) มีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้า
- โครงการใหม่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักและสร้างรายได้เพิ่มเติม
-
DRG และผลกระทบ
- คำถาม: การเปลี่ยนแปลง DRG มีผลกระทบอย่างไร และมีการปรับตัวอย่างไร
- คำตอบ:
- การเปลี่ยนแปลง DRG มีผลกระทบต่อรายได้ แต่บริษัทได้ปรับตัวโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและลดต้นทุน
- มีการเจรจากับสำนักงานประกันสังคมเพื่อขอความเป็นธรรม
-
การลงทุนในอนาคต
- คำถาม: มีแผนการลงทุนในอนาคตอย่างไร และจะเน้นที่ด้านใด
- คำตอบ:
- มีแผนลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และขยายบริการทางการแพทย์
- การลงทุนจะพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยง
-
เป้าหมายและกลยุทธ์
- คำถาม: เป้าหมายหลักของบริษัทคืออะไร และมีกลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมายอย่างไร
- คำตอบ:
- เป้าหมายหลักคือการเป็นผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาล โดยให้บริการที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- กลยุทธ์หลักคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน สร้างความแตกต่างในการให้บริการ
-
การเติบโตในอนาคต
- คำถาม: มองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างไร
- คำตอบ:
- โอกาสในการเติบโตอยู่ในหลายด้าน เช่น การขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ การลงทุนในเทคโนโลยี การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร
- บริษัทพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสในการเติบโต