S Oppday สรุปผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางครึ่งปีหลัง

P/E 77.83 YIELD 2.00 ราคา 0.50 (0.00%)

S Oppday สรุปผลประกอบการ Q2/2568 และทิศทางครึ่งปีหลัง

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน ขอต้อนรับสู่ Opportunity Day ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด มหาชน เพื่อแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปี 2568 โดยในวันนี้ได้รับเกียรติจากท่านผู้บริหาร คุณชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของท่านนักลงทุน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

สิงห์ เอสเตท เป็นบริษัทที่ลงทุนและพัฒนาธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีธุรกิจหลักภายใต้การดำเนินงาน 4 กลุ่มด้วยกัน:

  1. ธุรกิจที่พักอาศัย: มีโครงการพร้อมขาย 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 25,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งแนวราบและแนวสูง
  2. ธุรกิจโรงแรม: ดำเนินการภายใต้บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน มีโรงแรมทั้งสิ้น 33 โรงแรม จำนวนห้อง 4,061 ห้อง มี 11 แบรนด์ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับ Upper Midscale ไปจนถึง Luxury ตั้งอยู่ใน 5 ประเทศท่องเที่ยว
  3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า: มี 5 อาคาร พื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 190,000 ตารางเมตร มีทั้งพื้นที่สำนักงานและร้านค้าปลีก ตั้งอยู่ในพื้นที่ Non-CBD
  4. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค: มี 1 นิคม ตั้งอยู่ในจังหวัดอ่างทอง พื้นที่รวมประมาณ 1,790 ไร่ นอกจากรายได้จากการขายที่ดินแล้ว ยังมีรายได้จากการให้บริการภายในนิคม

สัดส่วนรายได้หลักของปี 2568 มาจากกลุ่มธุรกิจ Recurring Income ประมาณ 75-80% ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ส่วนอีกประมาณ 20-25% มาจากกลุ่มธุรกิจ Non-Recurring ได้แก่ การขายที่พักอาศัยและการขายที่ในนิคม

ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รายได้หลักจากการดำเนินงานจาก 4 กลุ่มธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท Gross Profit Margin ในไตรมาส 2 ปี 2568 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 35% จากช่วงปีก่อนที่ประมาณ 33% ในช่วงครึ่งปีแรก รายงานรายได้อยู่ที่ประมาณ 6,800 ล้านบาท Adjusted EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวดีขึ้น 3% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 1,771 ล้านบาท Normalized Profit ที่ไม่รวมรายการพิเศษรายงานที่ 27 ล้าน ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง SHR สามารถรายงานกำไรสุทธิเป็นบวกได้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เปิดให้ดำเนินการมา

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการประกาศเปิดตัวโครงการ สรินทร์ พหลโยธิน-กาญจนา ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มูลค่าโครงการประมาณ 4,300 ล้านบาท

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

รายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรกลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากส่วนของการโอนคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวลง

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้รับรู้รายได้ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศลดลง

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

มีการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนอย่างเหมาะสม โดยหลักขับเคลื่อนมาจากกลุ่มธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาคารสำนักงาน

มีการ Refinance เงินกู้ที่จะครบกำหนด ทำให้สัดส่วนของตัว Current Liabilities มีการปรับตัวลดลง

มีการเพิ่ม Channel ในการขายโรงแรม โดยการเข้าร่วมโปรแกรมกับ GHA Discovery

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

ธุรกิจโรงแรมในปี 2568 คาดว่าจะสามารถทำรายได้และกำไรแบบเต็มๆ ปี

โรงแรมในประเทศไทยสามารถผลิตรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้เต็มปีในปี 2568

คาดการณ์ว่าจะสามารถปิดโครงการได้ตามเป้าสำหรับโครงการที่ต้องการปิด และจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม

สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่และปรับปรุงโครงการเดิม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมคาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น และมีการเติบโตของรายได้จากการให้บริการภายในนิคม

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 29.30]

  1. **การออกหุ้นกู้:**

    คำถาม: ปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้อีกหรือไม่

    คำตอบ: ในปีนี้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2 รอบ และไม่น่าจะมีความจำเป็นในการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มเติม โดยมีแผนจะออกหุ้นกู้ปีละ 2 ครั้ง ส่วนหุ้นกู้ระยะสั้นจะออกตามรอบที่ครบกำหนด

  2. **ปัจจัยภายนอก:**

    คำถาม: สถานการณ์ปัจจุบัน (สงครามการค้า, เศรษฐกิจ) มีผลต่อการดำเนินธุรกิจหรือไม่ และรับมืออย่างไร

    คำตอบ: มีผลกระทบแน่นอน แต่บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงโดยการกระจายตัวของทรัพย์สินที่หลากหลาย และกระจายตัวของลูกค้า ไม่พึ่งพิงสัญชาติใดเกิน 10% นอกจากนี้ยังสร้างความเชื่อมั่นและให้ความช่วยเหลือลูกค้า

  3. **กลยุทธ์ขับเคลื่อน:**

    คำถาม: กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน

    คำตอบ: ดูความแข็งแกร่งของธุรกิจ Recurring Income ให้สอดคล้องกับโครงสร้างค่าใช้จ่าย เน้นกำไรแบบยั่งยืน ใช้ธุรกิจที่พักอาศัยและนิคมอุตสาหกรรม (Non-Recurring) มา Boost กำไรเป็นช่วงๆ รักษาความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นกู้

  4. **ยอดขายธุรกิจบ้าน:**

    คำถาม: ยอดขายล่าสุดของธุรกิจบ้านเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมาย

    คำตอบ: ต้นปีทำไปประมาณ 1,100 - 1,200 ล้านบาท หย่อนครึ่งหนึ่งไปนิดหน่อย แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่และการปรับ Product ของโครงการเดิม

หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป

  • **การออกหุ้นกู้:** แผนการออกหุ้นกู้ในอนาคต
  • **ผลกระทบจากภายนอก:** ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและแนวทางการรับมือ
  • **กลยุทธ์ขับเคลื่อน:** กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ
  • **ยอดขายธุรกิจบ้าน:** เปอร์เซ็นต์ยอดขายล่าสุดของธุรกิจบ้านเทียบกับเป้าหมาย

โดยสรุป สิงห์ เอสเตท ยังคงมุ่งเน้นการสร้างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจ Recurring Income พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

โพสต์ล่าสุด