SHR โชว์ผลงาน Q2/2568 สุดปัง! กำไรพุ่ง 134% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลครั้งแรก!

P/E 11.94 YIELD 1.90 ราคา 1.58 (0.00%)

SHR โชว์ผลงาน Q2/2568 สุดปัง! กำไรพุ่ง 134% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลครั้งแรก!

สวัสดีค่ะท่านนักลงทุนทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท S Hotel and Resort จำกัด มหาชน วันนี้ได้รับเกียรติจากท่านผู้บริหาร คุณอิสระรินทร์ พัฒนไมตรี มารายงานผลประกอบการและตอบข้อซักถาม

Agenda ในวันนี้จะเริ่มจาก Major Development ในไตรมาส 2 และพัฒนาการสำคัญของบริษัท เพื่อ Recap สำหรับท่านนักลงทุนที่อาจจะเพิ่งเข้ามารับชมเป็นครั้งแรก SHR เอง เริ่มต้นในปี 2557 ผ่านการเข้าซื้อโรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย และโรงแรม PP Island Village หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันในนามของตัวทราย PP Island ในช่วง 5-6 ปีแรกของบริษัท เป็นช่วงที่มองว่าเป็น Grooming period เร่งการเติบโตสินทรัพย์ผ่านการเข้าซื้อโรงแรม การเป็น JV Partnership กับพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการ Greenfield Project ในประเทศ Maldives หรือที่เรียกว่าตัว Crossroad Project ช่วงเวลาหลังจากนั้น เป็นช่วงที่ Restructure Portfolio ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ Rebrand 3 โรงแรมในประเทศไทยให้มาอยู่ภายใต้แบรนด์ "ทราย" ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง หรือการ Rebrand โรงแรมใน UK ที่แล้วเสร็จไปแล้ว 1 โรงแรมในช่วงปลายปีก่อน และปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการอีก 3 โรงแรม นอกจากการ Rebrand แล้ว ยังมีการ Renovate โรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ให้มีความทันสมัยตอบโจทย์ของผู้ที่มาเข้าพักมากยิ่งขึ้น รวมถึงในช่วงเวลาดังกล่าว มีการตัดสินใจขายสินทรัพย์บางส่วน ที่อาจจะมีศักยภาพในการทำกำไรค่อนข้างจำกัด เพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มองว่ามีศักยภาพในการทำกำไรสูงกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Portfolio โดยรวมให้ดียิ่งขึ้น

ปัจจุบัน SHR มีโรงแรมภายใต้การดำเนินงานทั้งสิ้น 33 โรงแรม มีจำนวนห้องอยู่ที่ประมาณ 4,061 ห้อง ตั้งอยู่ใน 5 ประเทศทั่วโลก การที่มีโรงแรมกระจายอยู่ใน 5 ประเทศ นอกจากจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงในแง่ของการพึ่งพาแหล่งใดแหล่งหนึ่งมากจนเกินไปด้วย

ในส่วนของ Brand Positioning และ Management Platform ปัจจุบันมีแบรนด์ภายใต้การดำเนินงานทั้งสิ้น 11 แบรนด์ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับ Upper Midscale ไปจนถึงระดับ Luxury สำหรับการบริหารจัดการ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท

  1. Self-manage หรือโรงแรมที่บริหารจัดการเอง 100% มีโรงแรมทั้งสิ้น 4 โรงแรมในประเทศไทย จำนวนห้องประมาณ 600 ห้อง มี EBITDA Margin ที่สูงที่สุด ประมาณ 40%
  2. Self-manage ภายใต้สัญญา Franchise ประกอบไปด้วย 2 โรงแรมในมัลดีฟส์ มีสัดส่วนการทำ EBITDA Margin ลดหลั่นลงมา อยู่ที่ประมาณ 30-35% แต่แลกมากับการที่โรงแรมเองจะรู้จักเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแบรนด์ที่นำมาใช้ เป็นแบรนด์ระดับโลก ได้แก่ Hard Rock และ Hilton
  3. การบริหารจัดการภายใต้สัญญา HMA หรือการจ้างบุคคลที่สาม มาช่วยบริหารจัดการ มี EBITDA Margin อยู่ที่ประมาณ 25-30% จำนวนห้องเยอะที่สุด ประมาณ 3,000 ห้อง
เป้าในส่วนของ Revenue Contribution หากมาดูเป้าของปี 2568 รายได้หลักจะยังคงมาจากกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร ประมาณ 33% ขณะที่รองลงมาจะเป็นจากกลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์และไทย 27% และ 22% ตามลำดับ

ไฮไลท์ในไตรมาส 2 จะขอเริ่มต้นจาก Operating Stats ในไตรมาส 2 ถึงแม้จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลการท่องเที่ยวแล้ว ของกลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์ ประเทศไทย และ Mauritius ทั้ง 3 ประเทศยังคงมีผลงานที่น่าประทับใจ โดยที่ตัวมัลดีฟส์เอง สามารถผลักดัน RevPAR ให้เติบโตได้ถึง 7% year-on-year มาอยู่ที่ 237 เหรียญต่อคืน ขณะที่กลุ่มโรงแรมในประเทศไทย มีการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สูงขึ้นถึง 25% year-on-year มาอยู่ที่ 4,950 บาทต่อคืน เช่นเดียวกับ Mauritius เอง ภายหลังจากการปรับปรุงระบบน้ำแล้ว ผลการดำเนินงานยังคงเติบโตถึง 30% มาอยู่ที่ 4,326 Mauritius Rupee

ในแง่ของ Financial Highlight จากการที่บริษัททุ่มเทบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม สามารถผลักดัน Gross Profit Margin ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ให้เติบโตได้ถึง 35% เติบโตจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 32% เช่นเดียวกับกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สามารถรายงานกำไรสุทธิได้ 24 ล้านบาท เป็นการรายงานกำไรสุทธิที่เป็นบวกในครั้งแรกในไตรมาส 2 เติบโตถึง 134% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยปกติแล้วในไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่บริษัทมีผลการดำเนินงาน Soft ที่สุด เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ เนื่องจากโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว และโรงแรมในกลุ่ม Fiji หรือ UK ยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ แต่ในปีนี้ สามารถรายงานกำไรสุทธิเป็นบวกได้แล้ว และหากมาดูที่ Core Profit โดยที่ไม่นับรวม One-time Item หรือรายการพิเศษต่างๆ ยังมีผลกำไรที่เป็นบวกเช่นกันอยู่ที่ 11 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่ค่อนข้างเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก ที่ 0.015 บาทต่อหุ้น โดยจะมีการกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2568 ขอแสดงความยินดีกับผู้ถือหุ้นทุกๆ ท่านด้วย

นอกจากมีการ Renovate ตัวทราย ลากูน่า ภูเก็ต ไปเรียบร้อยแล้ว 100% ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในเดือนมิถุนายน มีการ Re-launch ตัวแบรนด์ทราย เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์และเพิ่มกลยุทธ์ต่างๆ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยที่จะมีการนำเสนอแบรนด์ ผ่านตัว Brand Signature ต่างๆ อาทิ ตัวทราย Local Guru หรือการที่จะมีไกด์ท้องถิ่น เป็นผู้แนะนำแขกในส่วนของสถานที่ลับ หรือจุดหมายยอดนิยม ที่มีแต่เฉพาะคนในท้องถิ่นเท่านั้นที่ทราบ ให้กับแขกที่มาเข้าพักทุกๆ ท่าน รวมถึงตัวทราย Wellness Guru ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพ มาแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพกายและใจ ให้แขกผู้ที่เข้าพักทุกๆ ท่านเช่นกัน ในแง่ของตัวอาหารที่นำเสนอภายใต้ช่องอาหารของบริษัท จะมีการเสิร์ฟอาหารเน้นวัตถุดิบที่สดใหม่ มาจากแหล่งอาหารที่มีความยั่งยืน ภายใต้แนวคิดสุขภาพดีมีสุข

สำหรับตัวทราย Discovery บริษัทมีการนำ 3 โรงแรมทราย และ 1 โรงแรมสันติบุรี ร่วมเป็น 4 โรงแรมในประเทศไทย เข้าเป็นพันธมิตรกับ Global Hotel Alliance หรือ GHA การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในครั้งนี้ นอกจากจะมาผลักดันในส่วนของ Direct Booking แล้ว ยังมีประโยชน์จากการเข้าพักแบบ Cross-brand แล้ว ยังทำให้บริษัทเข้าถึงฐานข้อมูลลูกค้าได้อย่างกว้างขวางและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถนำข้อมูลที่ได้รับมา ไปพัฒนา Product และ Service ให้มีความตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุนในการบริหารและพัฒนาระบบ Membership Program และยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะมาช่วยผลักดันการเติบโตในระยะยาวของ SHR ต่อไป

ในเรื่องของตัว Asset Rotation หากดูจาก Timeline ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีกิจกรรมในแง่ของตัว Asset Rotation มากมาย สำหรับปีนี้ นอกจาก Renovate และ Rebrand โรงแรม 3 แห่งใน UK แล้ว ยังมีการตัดสินใจขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย ที่มีการถือ 50% สัดส่วนของ 3 โรงแรมใน UK ออกไป โดยมี Sale Proceed ที่ได้รับมาทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 12.5 ล้านปอนด์ หากหักลบค่าใช้จ่ายและหนี้สินต่างๆ แล้ว ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 32 ล้านบาท ภายหลังจากดีลนี้สำเร็จ กลุ่มโรงแรมใน UK จะเหลืออยู่ที่ 22 โรงแรม จำนวนประมาณ 2,449 ห้อง

สุดท้ายที่อยากจะแชร์ คือ ในส่วนของการบริหารต้นทุนทางการเงิน ที่บริษัทให้ความใส่ใจมาโดยตลอด และในไตรมาสที่ผ่านมา ดำเนินการ Refinance เงินกู้ในส่วนของเงินกู้สกุลปอนด์ได้หมดแล้ว หากย้อนกลับไปในช่วงต้นปีนี้ มีเงินกู้ในสกุลเงินปอนด์ทั้งหมด 64 ล้าน ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ภายหลังจากการออกหุ้นกู้มาแล้ว นำเงินบางส่วนที่ประมาณ 32 ล้านปอนด์ ไปคืนส่วนหนึ่ง และในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีการ Refinance ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 32 ล้านปอนด์นี้ มาเป็นเงินกู้ในสกุลเงินบาท จากการ Refinance ทั้งหมด ทำให้สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 3% สัดส่วนทางด้านหนี้สินหากแบ่งตามสกุลเงิน อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย โดยหากดู Pay Chart ทางด้านล่าง จะเห็นว่าเงินกู้ที่เป็นสกุลเงินปอนด์ ที่มีอยู่ประมาณ 10% ในไตรมาส 1 หายออกไป แต่ก็จะมีส่วนสัดส่วนเงินกู้ในสกุลเงินบาทเพิ่มมากขึ้นแทน มาอยู่ที่ประมาณราวๆ 68% จากการ Refinance เงินกู้ที่เป็นเงินปอนด์ และจากการ Refinance เงินกู้สัญญาอื่นๆ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านการเงินลงได้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงกว่า 20% เลยทีเดียว และสำหรับภาพทั้งปี ตั้งเป้าที่จะลดค่าใช้จ่ายทางด้านการเงินประมาณ 10-15% จากปีก่อน และขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผน นอกจากนี้ สำหรับ Concern ในแง่ของตัวความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีการ Monitoring เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะดำเนินการหาวิธีปิด Gap ที่เหมาะสมต่อไป

ต่อจากนี้ขอเรียนเชิญคุณอิสระรินทร์ รายงาน Operating และ Financial Performance

สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน อย่างที่คุณพงศ์สุภาได้กล่าวไปแล้ว สำหรับท่านนักลงทุนที่ติดตาม SHR มาระยะหนึ่งแล้ว คงจะทราบว่าไตรมาส 2 เป็นไตรมาสที่ผลประกอบการและรายได้ Soft ที่สุด เนื่องจากตัวพอร์ตหลักๆ ในประเทศไทยและในมัลดีฟส์ จะเข้าสู่ช่วง Low Season โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์เป็นต้นมา จะเข้าสู่หน้ามรสุม ซึ่งก็เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทางฝั่งอันดามันและในมหาสมุทรอินเดีย ส่วนในอังกฤษ สหราชอาณาจักรและ Fiji จะเป็นช่วงของ Shoulder Season ยังไม่ถึง Peak Season ซึ่ง Peak Season ก็จะมาในช่วงไตรมาสที่ 3

สำหรับผลประกอบการของบริษัทเองในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นไตรมาส 2 ที่มีความโดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะพอร์ตในประเทศไทย ตั้งแต่บริษัทมีการก่อตั้งมา และมีการ IPO ในช่วงปี 2562 ก็ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะพอร์ตในประเทศไทย จะผ่านช่วง Covid หลังจาก Covid เข้ามา จะมีการ Ramp-up สำหรับโรงแรมต่างๆ ทั้ง 4 โรงแรมในประเทศไทย จากนั้น ดำเนินการในส่วนของ Asset Quality Enhancement โดยมีการ Renovate ครั้งใหญ่ ของโรงแรมที่มีศักยภาพสูง ทั้งในส่วนของทราย PP และทรายลากูน่า ภูเก็ต จนถึงปลายปีที่แล้ว การ Renovate ของโรงแรมทรายลากูน่าภูเก็ต สิ้นสุดลง 100% และได้ทำการ Brand Re-launch ไป อย่างที่คุณพงศ์สุภาได้เรียน ปรากฏว่า ทำให้ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการได้รับการ Positive Feedback จาก Guest ผู้เข้าพักเป็นอย่างมาก ประกอบกับ ADR ก็ถูก Optimize กว่า 30% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

ผลประกอบการของโรงแรมพอร์ตของประเทศไทย มี RevPAR พุ่งสูงขึ้นถึง 25% ในช่วงไตรมาสที่ 2 year-on-year และในช่วง 6 เดือนแรก ถือได้ว่าสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 16% ในส่วนนี้เอง แม้ว่าจะเกิดท่ามกลาง Macro Trend ที่มีการ Revers จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของประเทศไทย ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ เอง และในส่วนของสนามบินต่างๆ รวมทั้งเมืองระดับที่ 2 ที่สำคัญอย่างภูเก็ตเองด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน การดำเนินกลยุทธ์ของบริษัท มีการดำเนินการ Marketing Strategy แบบ Flexible และพยายามเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้การพึ่งพานักท่องเที่ยวจากประเทศจีน มีไม่ถึง 5% ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กลยุทธ์ในเชิงการตลาด ในลักษณะที่เป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบ Flexible และพยายามที่จะ Optimal ในตัวของ Balance ของ Guest Mix นี้ ถือว่าเป็นกลยุทธ์หลักที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา และยังคงจะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อที่จะก่อให้เกิด Diversify Portfolio ของแขกผู้เข้าพัก ทำให้สามารถลดความเสี่ยงได้ และ Optimize ในตัว RevPAR ได้ด้วย

ตัว Top 5 Market เดิมทีพึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็นส่วนมาก ตอนนี้ก็มี Proportion ลดลงแล้ว และมีการเสิร์ฟนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ทั้งในยุโรป และในสหรัฐอเมริกามากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าทางตะวันออกกลาง อิสราเอลต่างๆ ก็เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นเช่นกัน Component หลัก แม้ว่าจะเป็นโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งมี Strong Performance มากๆ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา อีก 3 โรงแรม ก็ถือได้ว่ามี RevPAR ที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน RevPAR ที่เพิ่มขึ้น มาจากการ contribute มาจากทั้งตัว Occupancy Rate และตัว ADR คือ Room Rate ด้วย

ต่อเนื่องมาจากไตรมาสที่ 2 มาถึงไตรมาสที่ 3 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โรงแรม มีแนวโน้ม Occupancy ที่สูงขึ้นประมาณถึง 73% และ ADR ก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอีกด้วย สันติบุรี และโรงแรมทราย เกาะสมุย วิลล่า เริ่มเข้าสู่ Peak Season แล้ว ในเดือน July และ August จะเป็น Peak Season ของเกาะสมุย คาดการณ์ว่า ไตรมาสที่ 3 นี้ Revenue Contributor ที่สำคัญ ก็น่าจะมาจากโรงแรมฝั่งสมุยด้วยเช่นกัน

โรงแรมที่ประเทศ Maldives ซึ่งอยู่ในโครงการ Crossroad มีลักษณะพิเศษที่เป็นจุดขาย เป็นลักษณะที่เป็น Fully Integrated Resort Destination มีโรงแรมทั้ง 3 แห่งอยู่ใน Complex เดียวกัน ทั้งทราย ทั้ง Hard Rock และทั้ง Soul Maldives ซึ่งในส่วนนี้เองทั้ง 3 โรงแรม จะมีการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น Segmentation มี Positioning ที่ต่างกัน มี Yacht Marina มี Retail Area สามารถทำให้แขกผู้เข้าพักทั้ง 3 โรงแรม สามารถที่จะเลือกรับประทานอาหารนานาชาติ หลากหลายกว่า 40 ร้านอาหาร ใน Complex มีการ Shopping มี Activity ต่างๆ มี Night Club มี Entertainment Complex ต่างๆ ด้วย ระยะทางที่ค่อนข้างใกล้กับสนามบิน Male เลยทำให้แขกที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ Maldives มีความสะดวกสบายในการเดินทาง และสามารถลดผลกระทบของความผันผวนของ Tourist Arrival ในประเทศ Maldives ได้อีกด้วย

สำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เป็นครึ่งปีที่มีการเติบโตของนักท่องเที่ยวมาที่ Maldives จากหลากหลายประเทศ ทั้งในยุโรป ในอินเดียที่เริ่มคลายความกังวลลง และจากประเทศจีน แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะเห็น Trend ว่าก็มาท่องเที่ยวใน Maldives เพิ่มขึ้นด้วย ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เป็นช่วง Low Season ของ Maldives เริ่มเป็นหน้ามรสุม สามารถผลักดันให้โรงแรมทั้งสองโรงแรมที่ถือ 100% มีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น ในขณะที่ตัว ADR ค่อนข้างที่จะอยู่ใน Stable Range ทำให้ RevPAR เพิ่มขึ้น 7% year-on-year และถ้าคิดในช่วง 6 เดือนแรกของปี จะเพิ่มขึ้น 3% เนื่องจากช่วงไตรมาสแรก ค่อนข้าง Strong มากอยู่แล้ว แนวโน้มในเดือน July ที่ผ่านมา Occupancy ของสองโรงแรม ก็ไปเพิ่มขึ้นมากกว่า 80% ถือได้ว่าเป็น Occupancy ที่ค่อนข้าง Outstanding เมื่อเทียบกับในช่วง Low Season ของประเทศ Maldives

ในส่วนของ Soul Maldives เป็นโรงแรมที่เป็น JV 50-50 หลังจากที่มีการ Ramp-up ไปในช่วงปีแรก คือปีที่แล้ว ก็เข้าสู่ปีที่ 2 ใน Low Season แม้ว่า Occupancy จะ Soft ลงไปบ้าง สามารถ Command ADR ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 22% ทำให้ RevPAR เพิ่มขึ้นถึง 12% year-on-year Maldives เป็นอีก Destination หนึ่ง จะเป็น Growth Contributor ให้เราในปีนี้เช่นกัน

Fiji เอง ถ้าทุกท่านติดตาม SHR มา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็จะเห็นได้ว่า Fiji ก็เป็น Strong Growth Contributor ในส่วนของทั้ง Profit และ Revenue เสมอมา ในส่วนนี้เอง เป็นประเทศแรกๆ ที่กลับมาฟื้นฟูเรื่องของการท่องเที่ยวหลัง Covid และนักท่องเที่ยวจากทั้งออสเตรเลีย ทั้งนิวซีแลนด์ เป็นขาประจำที่เข้ามาท่องเที่ยวใน Fiji ในช่วงตั้งแต่ปีที่แล้ว เห็นว่ามีแขกจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะมี Flight ที่เป็น Direct Flight จากอเมริกาเข้ามาที่ Fiji เพิ่มขึ้น ทำให้ในส่วนนี้เองได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจากอเมริกามากยิ่งขึ้น

ด้วยฐานที่สูงที่ปีที่แล้ว ทำให้ในส่วนของ Contributor ในส่วนของ Growth ที่เป็น year-on-year อาจจะดูค่อนข้างอยู่ใน Range ของ Stable มากกว่า คือเพิ่มขึ้นประมาณ 1% แต่ในส่วนของ Occupancy และ ADR รวมถึง Profitability ของโรงแรมฝั่ง Fiji ก็ถือได้ว่าสามารถ Maintain อยู่ในระดับสูง ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วน 6 เดือนแรก มาอยู่ที่ 3% Fiji จะมี Peak Season อยู่ที่ไตรมาสที่ 3 แนวโน้มของเดือน July ว่า Occupancy ก็แตะไปที่เกิน 90% สำหรับทั้ง 2 โรงแรม และ ADR ก็สามารถที่จะอยู่ใน Range ที่อยู่ในเชิง Stable Growth อีกด้วย คาดว่าทั้งปี จะส่งผลให้ สามารถทำกำไรได้ และมี Revenue และ Profit Contributor จาก Fiji อย่างมีนัยสำคัญ

ในส่วนของโรงแรมในสหราชอาณาจักรเอง ถ้าเทียบกันไปใน 5 ประเทศ ตัว Macro ของ UK ยอมรับว่าเป็น Macro ที่อาจจะไม่เอื้อต่อการ Growth เทียบเท่ากับโรงแรมในประเทศอื่นๆ ด้วย Economic Condition เอง ด้วย Geopolitical Environment และด้วย Inflation Trend ถือว่าเป็นส่วนที่กดดันการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้และกำไรของโรงแรมในพอร์ต UK อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เป็นช่วง Spring RevPAR ลดลงประมาณ 1% ถือว่าอยู่ในช่วง Stable Range แม้ว่า มีการขายโรงแรมออกไปในช่วงปีที่แล้ว ทำให้ถ้าเทียบกันไป รายได้เทียบปีนี้กับปีที่แล้ว โรงแรมในส่วนที่เป็น Revenue Contributor ลดลง แต่ยังสามารถที่จะ Maintain ตัว RevPAR ให้อยู่ใน Range ที่ค่อนข้าง Stable ลดลงประมาณ 1-3% หลายๆ โรง ก็ยังอยู่ใน Area ที่มี Potential สูง ซึ่งก็ดำเนินกลยุทธ์ในการที่จะ Enhance ส่วน Asset Quality ในตัวของการ Rebrand และ Reposition Hotel เปิดโรงแรมแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว คือ โรงแรม Mount Royal Edinburgh, an Unlimited Collection ในส่วนนี้เอง มี Performance ที่มี Growth ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าจะ Contribute ในส่วนของ Revenue และ Profit ได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้

Mauritius หลังจากที่มีการปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำ และเปิดอย่างเป็นรูปแบบมาในช่วงปีสองปีก่อนหน้า ปีที่แล้วเป็นปีที่มีการ Ramp-up ทั้งปี ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ก็ค่อนข้างที่จะ Full Ramp-up แล้ว มี Growth อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ไตรมาส 2 มี Growth in RevPAR 30% เทียบกับ 6 เดือนแรกก็คือว่ามี Growth ประมาณ 27% มี Improvement จากปีก่อนหน้าเป็นที่น่าพอใจสำหรับโรงแรมที่ Mauritius นี้

ถ้าเทียบกันไป รายได้ที่มาจากพอร์ตในไตรมาสที่ 2 ประมาณ 2,400 ล้านบาท ในส่วนนี้เอง แม้ว่าถ้าคิดเป็นรายได้เงินบาท จะถือว่าลดลงมาเล็กน้อยประมาณ 2.8% year-on-year แต่ถ้า Exclude ตัว Impact ของ FX ออกไป จะเห็นได้ว่ารายได้ มี Growth 3.6% ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา year-on-year เนื่องจาก FX มีความผันผวน ค่าเงินบาทค่อนข้างที่จะแข็งค่าขึ้นมามากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ที่คิดเป็นเงินบาท จะลดลง เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับสัดส่วนของ Room กับ Non-room ยังคงที่ประมาณ 60-40% โดยที่รายได้ยังมาจาก Room Revenue ที่ 60% และ Non-room ทั้ง F&B, Spa และท่องเที่ยวอื่นๆ อยู่ประมาณ 40% สำหรับตัว Cost Structure ใกล้เคียงกับเดิม ตัว Margin มี Improvement ขึ้นมาจาก 7.2% มาอยู่ที่ 7.8% สำหรับตัว Core Operating Profit Margin ในช่วงไตรมาส 2 Core Operating Profit Margin นี้คิดเฉพาะตัว Core Operation ซึ่ง Exclude ตัว One-time Non-recurring Revenue และ Expense ต่างๆ ออกไปแล้ว เพื่อที่จะทำการเปรียบเทียบที่ชัดเจนขึ้น

ในช่วง 6 เดือนแรก รายได้ ลดลงเล็กน้อยประมาณ 3.6% year-on-year ถ้า Exclude FX Impact ไป จะเห็นได้ว่ารายได้เพิ่มขึ้น 1.4% year-on-year ส่วนนี้เอง ตัว Revenue Contributor Growth Contributor หลัก มาจากประเทศไทย ด้วย Renovation Completion ของโรงแรมทรายลากูน่าภูเก็ต และ Strong Momentum ของโรงแรมต่างๆ ในประเทศไทย ทำให้มีรายได้เติบโตได้ค่อนข้างดี ในส่วนของ Maldives และ Fiji เอง ถ้าคิดเป็น Local Currency มี Growth สำหรับโรงแรมทั้ง 2 ประเทศนี้ แต่ว่าเมื่อคิดเป็นเงินบาท ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้มีรายได้ลดลงเล็กน้อย

UK เป็นที่เดียว ที่มีรายได้ลดลงจากปีก่อนหน้า หลักๆ ก็มาจากการขายโรงแรม 2 โรงแรมในช่วงปี ก่อนหน้า และสภาพเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ดีนัก สำหรับโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ใน Prime Location และมี Limited Growth Potential

ภาพรวม Margin ในส่วนของ Core Operating Profit Margin ยังคงสามารถที่จะ Maintain ให้มี Improvement ขึ้น จาก Enhancement ในส่วนของ Profitability และ Efficiency Improvement ของโรงแรมต่างๆ เพิ่มขึ้นจาก 11.5% มาเป็นประมาณ 11.9%

EBITDA ในส่วนที่เป็น Adjusted EBITDA คือ Adjust พวก One-time Item ต่างๆ ออกแล้ว ในช่วงไตรมาส 2 EBITDA ที่เป็นเงินบาท ลดลงประมาณ 3.2% year-on-year แต่หาก Exclude ในส่วนของ FX Volatility ในส่วนนี้ออกไป EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณ 5% ในช่วงครึ่งปีแรก Adjusted EBITDA ที่เป็นเงินบาท มีการเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7% year-on-year แต่หาก Adjust ในส่วนของ FX Movement ออกไป มี Adjusted EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณ 6% สำหรับครึ่งปีแรกของปีนี้ มาจาก Growth ของรายได้ของโรงแรมในประเทศต่างๆ ผนวกกับในส่วนของ Initiative ในเรื่องของ Efficiency Improvement ในส่วนต่างๆ ทำให้ สามารถที่จะ Improve ในส่วนของตัว Profitability ได้

ด้วย EBITDA และ Efficiency Improvement ของโรงแรมต่างๆ ประกอบกับในส่วนของ Finance Cost สามารถที่จะเจรจาต่อสถาบันการเงิน ในการลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการปรับโครงสร้างหนี้ อัตราดอกเบี้ย ปรับที่ลดลงทั้งในส่วนของ Thor และ Sofer ทำให้ Finance Cost ลดลงกว่า 20% year-on-year ทั้งในส่วนของไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปีนี้ ส่งผลให้มี Net Profit Improvement ขึ้นมา สำหรับไตรมาส 2 มาอยู่ที่ประมาณ 24 ล้านบาท เป็นไตรมาส 2 ปีแรกที่สามารถที่จะทำกำไรได้เป็นบวก ในส่วนของครึ่งปีแรกเอง ก็มีผลกำไรมาอยู่ที่ใกล้ๆ 200 ล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ก็ถือได้ว่าเป็น Strong Momentum ที่ทำให้สามารถที่จะสร้าง Growth ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และก็ในปีถัดๆ ไปด้วย

Financial Position หลักๆ มี Movement เอง อย่างที่ได้เรียนไป มีการ Replay ในส่วนของ Loan ของ Portfolio ใน UK ได้เป็น Good Step ทำให้ตัว Current Liability ที่อยู่ในหน้างบของ Balance Sheet ของปลายปีที่แล้ว หายไป กลายเป็น Non-current ส่วนนี้เอง จะมีการ Improve Current Ratio ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.4 เท่า ในขณะที่ IBD to E Ratio ยังอยู่ในช่วงที่ ประมาณ 0.8 เท่า Solid Financial Position มี Room ที่จะสามารถที่จะ Raise Fund ในลักษณะต่างๆ เพื่อที่จะ Fund Growth ในลักษณะของ Asset Acquisition ได้ในช่วงหลังของปีนี้ และก็ปีถัดๆ ไปด้วย ในส่วนของตัว Cost of Fund เอง ในส่วนของ Cost of Debt มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปีที่แล้ว หลักๆ มี 2 ส่วน คือ เรื่องของดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยตลาด ทั้งในไทย และก็ใน US และก็ใน สหราชอาณาจักรด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า เป็น Initiative ในการที่จะปรับโครงสร้างหนี้ กับเงินกู้ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เป็นเงินปอนด์ มาเป็น เงินกู้ เงินบาท ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และก็ ในส่วนของการเจรจา จัดกับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ Cost of พอฟัง มีการลดต่ำลงอย่างสำคัญ ประมาณ 100 Basis Point เป็นอย่างน้อย ในปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว

สำหรับ Outlook ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ Growth Contributor น่าจะมาจากโรงแรมในประเทศไทยเป็นหลัก แม้ว่า Trend ของ Tourist Arrival จะดูไม่ได้ Favorable นัก แต่โรงแรมต่างๆ ทั้งในสมุย ยังคงมี Business on the book ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ Align กับ คาดการณ์ที่คาดไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยที่จะต้องมีการดำเนินการในส่วนของ Marketing Strategy ที่ Aggressive มากขึ้น และเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ตลอดประกอบกับพยายามที่จะ Diversify ฐานลูกค้า แขกผู้เข้าพัก เพื่อที่จะลดความเสี่ยง และ Balance Optimize ในส่วนของ RevPAR Growth Maldives คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องด้วย Trend ของ Tourist Arrival ของประเทศ Maldives เอง และ Completion ของตัว Terminal ใหม่ ของสนามบิน Male ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีการเปิดใช้เฉพาะ Maldivian Air เท่านั้น คาดว่าน่าจะมีการขยายไปถึงสายการบินต่างๆ ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนนี้เอง สามารถทำให้ Growth Contribution ของ Tourist Arrival มาที่ประเทศ Maldives ได้มากขึ้น แล้วก็ส่งผลโดยตรง ต่อโรงแรมและ Resort ที่อยู่ใกล้กับสนามบิน Male อีกด้วย ซึ่งรวมถึงโรงแรมใน Crossroad ก็จะได้ Benefit ตรงนี้ด้วย ก็คาดการณ์ RevPAR Growth อยู่ที่ประมาณ 5-10% ทั้งปี

Fiji ยังคง Moderate Growth คาดว่า ก็ยัง เป็นส่วนที่เป็นประเทศที่ยัง มีความต้องการของนักท่องเที่ยวอยู่ โดยเฉพาะขาประจำ อย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ ลูกค้ารายใหม่ๆ อย่างทาง อเมริกาและก็แคนาดาด้วย

UK หลายท่านอาจจะมีความกังวลด้วยตัว Macro เองก็ไม่ได้เอื้อ ในส่วนนี้เอง มอง UK แยกเป็น 2 ส่วน ในปีนี้ เน้นในเรื่องของ Asset Rotation ได้อย่างชัดเจนขึ้น มีการแบ่ง Group ออกมาเป็น ตัว โรงแรมกลุ่มโรงแรมที่มี High Potential มี Location อยู่ใน Premium Location ต่างๆ Destination ที่เป็น International Tourist Attraction ไม่ว่าจะเป็น Edinburgh, Glasgow, Manchester, Leicester, Brighton และก็ Inverness ทั้งหมดนี้เอง เป็นโรงแรมที่ถือว่ามี Potential สูง สามารถที่จะสร้าง Growth เป็น Growth Contribution ให้ กับเราได้ ทั้งปีนี้ และปีต่อๆ ไป อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นส่วนของ โรงแรมที่อาจจะไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ อยู่ใน Suburb ส่วนนี้เอง ดำเนินกลยุทธ์ที่ พยายามที่จะ หาโอกาสในการ Dispose Asset ต่างๆ อยู่ ก็เพื่อที่จะ สามารถที่จะ Recycle ตัว เงินลงทุน มาใช้ในการ Acquire Asset แล้วก็สร้าง Growth ให้กับ Portfolio ได้ในปีต่อๆ ไป สำหรับ Mauritius ยังคงมี Growth Momentum อยู่ จากการที่จะ ที่ได้ Full Ramp-up มา ตั้งแต่ปีที่แล้ว

ทั้งหมดมวล แน่นอน Hospitality Industry Operate ภายใต้ Macro Condition เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Geopolitical Economic Slowdown FX Interest Rate Fluctuation หรือว่าตัว Trend ของความนิยมของการท่องเที่ยวในแต่ละประเภท พยายามที่ จะ Monitor อย่างต่อเนื่อง และก็พยายามที่จะวางกลยุทธ์ และก็แทคติก เพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อที่จะ Maintain Growth Contribution และก็ ตัว Trend ให้ได้มากที่สุด

ในระยะยาว Strategy เหมือนเดิมที่เคยเรียนทุกท่านไว้ ในส่วนของปีนี้ จะเป็นเป็นส่วนที่เน้นโรงแรมในพอร์ต ที่ UK อย่างที่ทุกท่านทราบ แบ่งพอร์ตเป็น 2 ส่วน ส่วนที่มี Potential สูง มี หลายๆ โรง แต่ว่ามีการเซ็นสัญญากับ Ascott ทั้งหมด 4 โรง เพื่อที่จะ Uplift Renovate และก็ Uplift และก็ Rebrand Reposition เพื่อที่จะสามารถที่จะ Command ADR ได้ใน Rate ที่สูงขึ้น ก็สามารถที่จะสร้าง ตัว Growth Potential แล้วก็ Improve Profitability ของเราได้เป็นอย่างดี ในส่วนนี้เอง ก็ยังทำต่อต่อเนื่อง ในปลายไตรมาส จะมีการเปิดโรงแรมอีก 1 โรงแรม ก็คือโรงแรมที่ Leicester เป็นในส่วนของแบรนด์ Hotel Leicester Unlimited Collection ส่วนนี้เอง คาดว่าจะสามารถที่จะ Command ADR ได้สูงขึ้นกว่าเดิม แล้วก็เป็น Growth Contributor สำคัญ ของเราในลำดับถัดไป สำหรับปลายปี อีก 2 โรงแรม ภายใต้สัญญาของ Ascott จะมีการ Renovate เพื่อที่จะเปิดภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า ภายใต้แบรนด์ Lyf จะเป็น Lifestyle Hotel ที่สามารถที่จะ Segment Attract ลูกค้าในกลุ่มที่มีความทันสมัยมากขึ้น รุ่นใหม่มากขึ้น แล้วก็สามารถที่จะ Improve ทั้งในส่วนของ Occupancy กับ ADR ให้กับพอร์ตของบริษัทได้ด้วย

ในส่วนของตัว Tail End Asset โรงแรมที่ Location ที่ไม่ได้ Favorable นัก มี Limited Growth Potential มองในลักษณะที่ ต้องการที่จะ หาโอกาสในการที่จะขายออก เพื่อที่จะ Improve ในส่วนของ Profitability และก็ Return on Investment เป็นหลัก

ในส่วนของ M&A หลังจากที่มา Focus ตัว Existing Portfolio ในการที่จะ Adjust Portfolio ของ Component แล้ว ก็คง มองหา Potential Opportunity ในการที่จะ Acquire Asset โดยเน้นที่ประเทศไทย และก็ ในเอเชีย แปซิฟิก ใน Region เป็นหลัก เพื่อที่จะหา Asset ที่มี Yield ที่เหมาะสม สามารถสร้าง Return on Investment ให้เราได้ในระดับที่เหมาะสม มาเพิ่มเติมให้ สร้าง Growth Story แล้วก็ Growth Contribution ให้กับ พอร์ตได้ในลำดับถัดไป ในส่วนนี้เอง ในส่วนของ Growth Contribution ไม่ได้มองที่ จำนวนโรงแรมหรือจำนวน Key เป็นหลัก หรือแม้กระทั่ง Asset Size หรือ Top Line ส่วนที่เน้น และมองเป็นหลัก นั่นก็คือ ตัว Profit หรือ Bottom Line และก็ความสามารถในการสร้างกำไร ตลอดจนสร้าง Return on Asset แล้วก็ Return ให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านได้อย่างเหมาะสม จะเป็นเกณฑ์สำคัญในการที่จะตัดสินใจในส่วนของ M&A ไม่ว่าจะเป็น Acquisition หรือ Disposal ในช่วงถัดไป

โดยสรุปแล้ว SHR มีการเติบโตที่น่าสนใจในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่มีอยู่ การขยายธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [นาทีที่ 54:23]

  • แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 เมื่อเทียบ Q on Q, Year on Year จะมีโอกาสเติบโตได้ไหม?
  • คุณอิสระรินทร์ตอบว่า ไตรมาส 3 ตาม Seasonality เติบโตกว่าไตรมาส 2 เป็น Peak Season ของฟิจิ, UK และไทย (ทั้งเอาท์ไทยและสมุย) ปีนี้ไทยและมัลดีฟส์เป็น Growth Contributor ต่อเนื่องจากไตรมาส 1 และ 2 (จากการ Renovate ของทรายลากูน่าภูเก็ต และมัลดีฟส์ดำเนินกลยุทธ์ Aggressive ขึ้น)
  • ภาพรวมทั้งปี 2568 บริษัทวางเป้ารายได้โตเท่าไหร่ และจะมีการปรับเป้ารายได้หรือไม่?
  • คุณอิสระรินทร์ตอบว่า มอง Moderate Growth ประมาณ 5% หลักๆ มาจากไทยและมัลดีฟส์
  • รายได้ UK ครึ่งปีหลังเป็นอย่างไรบ้าง หากเทียบกับครึ่งปีแรก และจะมีโอกาสกลับมาเป็นกำไรหรือไม่?
  • คุณอิสระรินทร์ตอบว่า Q3 เป็น Peak Season คาดว่าจะสูงขึ้นจาก Q2 (Q4 ปลายปีก็ยังคงต่อเนื่องจากการที่เป็น Autumn และ Winter ซึ่งจะเป็น Festive Season ทำให้เมืองท่องเที่ยวมี Tourist มากขึ้น และมี Non-room Revenue เพิ่มขึ้นด้วย) ตัว Macro จะเป็น Challenging Factor ให้กับพอร์ตของ UK พอร์ตที่มี Core Asset และ Asset ที่ Potential สูงๆ คาดว่าจะมี Profitability สูงขึ้น (โดยเฉพาะโรงแรมที่เปิดใหม่ใน Edinburgh และ Leicester)
  • บริษัทคิดว่าจะมีปัจจัยบวกใดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาได้บ้างหรือไม่?
  • คุณอิสระรินทร์ตอบว่า ส่วนนี้เป็น Macro เป็นหลัก (การลดลงของนักท่องเที่ยวจีนเป็นปัจจัยที่เป็น Macro ไม่ว่าจะ Concern เรื่อง Safety หรือความนิยมของประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งกับประเทศไทย) อาจจะควบคุมไม่ได้มาก ต้อง Rely on Policy ของภาครัฐ และ Initiative ของภาครัฐเป็นหลัก ในส่วนของโรงแรม จะมี การดำเนินการ Marketing Strategy ที่ค่อนข้างจะ Aggressive มากขึ้น Develop Relationship กับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีน สามารถที่จะ Attract กลุ่มจีนที่มีกำลังซื้อสูง และมี Preference ที่เข้ากับโรงแรมของเราทั้งในไทย ทั้งสองฝั่งมากขึ้น (ส่วนมัลดีฟส์ อันนี้เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว) โรงแรมยังคงอยู่ใน Favorable Trend สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

  • โพสต์ล่าสุด