บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

SKE Opportunity Day Q2/2568: พลิกโฉมธุรกิจพลังงานสะอาด สู่ความยั่งยืน

SKE Opportunity Day Q2/2568: พลิกโฉมธุรกิจพลังงานสะอาด สู่ความยั่งยืน

สวัสดีค่ะ ดิฉัน ณพาพร สาธิตธรรมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และคุณเข็มขุนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ วันนี้เรามีความยินดีที่จะมานำเสนอข้อมูลใน Opportunity Day สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยจะเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญและตัวเลขทางการเงินที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

• **โครงการกำจัดมูลฝอย:** บริษัท N15 Technology ซึ่งเป็นบริษัทลูก ชนะการประมูลโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดมูลฝอยแบบครบวงจรของเทศบาลเมืองปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการดำเนินงานตามแผนธุรกิจและกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาความยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน

โครงการนี้มุ่งเน้นการจัดการขยะชุมชนที่ไม่เป็นอันตราย เพื่อผลิตและจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิง RDF

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

• **การลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ:** SKE มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตและสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับกิจการได้ในระยะยาว
• **การขยายธุรกิจไปสู่ต้นน้ำและปลายน้ำ:** บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ต้นน้ำ (การจัดหาวัตถุดิบจาก Landfill หรือบ่อขยะ) และปลายน้ำ (ผู้ที่ใช้เชื้อเพลิงขยะ RDF เช่น โรงงานปูนซีเมนต์และโรงไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจ

ปัจจุบัน SKE มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 837 ล้านบาท และได้รับการอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

• **คุณภาพเชื้อเพลิงไม่สม่ำเสมอ:** สิ่งปลอมปนในเชื้อเพลิง เช่น ดิน ทำให้ค่าความร้อนไม่ได้ตามมาตรฐานลูกค้า
• **ปัญหาเครื่องจักร:** เครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการคัดแยกและสับย่อยมีปัญหาในความต่อเนื่อง ต้องหยุดผลิตเพื่อซ่อมแซมบ่อยครั้ง
• **ต้นทุนการดำเนินงานสูง:** ความหลากหลายของวัตถุดิบที่ไม่คงที่ ทำให้ต้นทุนการจัดการสูงกว่าที่คาดการณ์

ผลกระทบจากความเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความผันแปรสูงและไม่มั่นคง

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

• **การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์:** จากธุรกิจผลิต RDF ไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอบลดความชื้น ซึ่งเป็นโมเดลที่ชัดเจนกว่าและโฟกัสมากขึ้น
• **การให้บริการอบลดความชื้น:** สร้างรายได้จากการให้บริการแก่ผู้เล่นในตลาด RDF เช่น โรงไฟฟ้าขยะ โรงปูนซีเมนต์ และอุตสาหกรรมขยะที่ต้องการเชื้อเพลิงที่แห้งและมีความสม่ำเสมอ
• **การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทาง:** เข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นทาง เพื่อควบคุมคุณภาพและปริมาณวัตถุดิบตั้งแต่แรกเริ่ม

SKE ยอมรับว่าเส้นทางการดำเนินงานที่สระบุรีที่ผ่านมายังไม่สามารถดำเนินการตามที่ตั้งเป้าไว้ได้ แต่ก็ได้ถอดบทเรียนที่สำคัญและมองเห็นโอกาสความต้องการของตลาด

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

• **การขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจต้นน้ำ:** ลงทุนในบ่อขยะหรือ Landfill เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความต่อเนื่องของวัตถุดิบ
• **การควบรวมกิจการ:** เข้าร่วมในลักษณะการควบรวมกิจการกับโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว

บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อสร้างความยั่งยืนและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม นาทีที่ 17.33]

1. Q: โครงการปากพนังคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และมีแผนการดำเนินงานอย่างไร?

   A: โครงการปากพนังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการออกแบบและวางแผน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และจะใช้เวลาประมาณ 18-24 เดือนในการก่อสร้าง

2. Q: มีแผนการลงทุนในต่างประเทศหรือไม่?

   A: ปัจจุบันยังไม่มีแผนการลงทุนในต่างประเทศ แต่บริษัทกำลังศึกษาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต

3. Q: มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ต้องระวังในการดำเนินธุรกิจ RDF?

   A: ความเสี่ยงหลักคือเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบที่ไม่สม่ำเสมอ และความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง แต่บริษัทมีแผนที่จะลดความเสี่ยงเหล่านี้โดยการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทาง และการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า

4. Q: มีแผนการระดมทุนเพิ่มเติมหรือไม่?

   A: บริษัทอาจพิจารณาการระดมทุนเพิ่มเติมในอนาคต หากมีโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีแผนการที่ชัดเจน

โดยสรุป SKE กำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต และมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยการขยายธุรกิจไปยังต้นน้ำและปลายน้ำ การให้บริการอบลดความชื้น และการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบอย่างเข้มงวด