บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CAZ Opportunity Day Q2/2566: เจาะลึกผลประกอบการและโอกาสทางธุรกิจครึ่งปีหลัง
P/E -100.00 YIELD 0.00 ราคา 1.77 (0.00%)
CAZ Opportunity Day Q2/2566: เจาะลึกผลประกอบการและโอกาสทางธุรกิจครึ่งปีหลัง
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา CAZ มีโครงการที่ทำเสร็จแล้ว 83 โครงการ และมีโครงการที่กำลังดำเนินการ (ongoing) อยู่ 9 โครงการ โดยมี Backlog รวมอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านบาท บริษัทมีจำนวนพนักงานและคนงานรวมกัน 3,605 คน แบ่งเป็นพนักงาน 580 คน และคนงาน 3,025 คน
บริษัทมีรายได้รวม 6 เดือนอยู่ที่ 1,774 ล้านบาท และมีกำไรของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 66.2 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.4% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.8% สำหรับ 6 เดือนแรกของปี
เมื่อเปรียบเทียบรายได้ 3 เดือนของไตรมาส 2 ปีนี้กับปีที่แล้ว พบว่ารายได้ลดลงประมาณ 4.8% หรือ 47.6 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ของงานก่อสร้างในช่วงท้ายโครงการมีไม่มากนัก นอกจากนี้ โครงการพลังงานสะอาดมีการยกเลิกสัญญาจากเจ้าของโครงการ ทำให้การรับรู้รายได้หายไป และอยู่ในระหว่างการรอ Settlement สัญญา
ในภาพรวมของรายได้ 6 เดือน เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว พบว่ารายได้ลดลงอยู่ที่ 8.9% หรือ 172.8 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาในการจ่ายเงินล่าช้าของผู้ว่าจ้างโครงการพลังงานสะอาดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ทำให้มีการ Suspend Work และส่งผลกระทบต่อรายได้ใน 6 เดือนแรกของปีนี้
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**CAZ กำลังมองหาโอกาสในการประมูลงานใหม่ ๆ โดยมี 3 งานที่กำลังเข้าร่วมในการประมูลในปีนี้ งานแรกมีมูลค่า 11,568 ล้านบาท ซึ่งได้ประกาศไปแล้ว ส่วนอีก 2 งานอยู่ในระหว่างการประมูล มีมูลค่า 800 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ตามลำดับ หาก CAZ ได้รับงานทั้ง 2 งานนี้ จะมีการรับรู้รายได้ในช่วงต้นปีหน้า
บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยัง General Construction ซึ่งเป็นส่วนผสมของการให้บริการงาน Civil และ SMP
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากการจ่ายเงินล่าช้าของลูกค้าในโครงการพลังงานสะอาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและการดำเนินงาน
ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการหาแหล่งเงินทุนมาเป็น Working Cap ในการดำเนินงาน
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**CAZ มีการ Monitor ต้นทุนอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาส และมีการอัปเดตงบประมาณโครงการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทได้ทำต้นทุนงบประมาณโดยเผื่อประมาณการความเปลี่ยนแปลงของวัตถุดิบและค่าแรง รวมถึงมี Contigency เผื่อไว้ด้วย
บริษัทกำลังรอเรื่องของ Final Settlement กับทางผู้ว่าจ้างในโครงการ CFP และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งจะทำให้สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**CAZ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย บริษัทมองเห็นแนวโน้มการเติบโตในธุรกิจ General Construction และพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ
บริษัทมีพื้นที่โรงงาน 2 แห่ง ซึ่งมีเนื้อที่รวม 300 ตารางเมตร และคาดว่าจะสามารถรองรับรายได้ได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 30.30]**-
**คำถาม:** ทางไทยออยล์หรือ EPC ใหม่ของไทยออยล์ได้เริ่มมาคุยกับ CAZ เรื่องที่จะเข้าไปรับงานของ CFP หรือไม่
**คำตอบ:** ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับไทยออยล์ แต่ CAZ มีโฟกัสตามงานที่กำลังบิดอยู่ในสไลด์ก่อนหน้านี้ ซึ่งยังมีอีก 2 งานที่บริษัทเตรียมที่จะบิด
-
**คำถาม:** งานใหม่จากกัฟ คิดว่าจะรับรู้ปีนี้ประมาณเท่าไหร่
**คำตอบ:** ส่วนงานของกัฟที่จะรับรู้รายได้ปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
-
**คำถาม:** ใน Backlog 13 บิลเลี่ยน เป็นส่วนของ CFP เท่าไหร่ แยกเป็น EPC กับ SMP ได้ไหม
**คำตอบ:** ใน Backlog 13,000 ล้านบาท จะมีงาน EPC ที่เป็นของตัว Metering อยู่ประมาณ 6% ส่วนของ CFP มีไม่เยอะ อยู่ที่ประมาณ 5% แต่สิ่งที่กำลังรออยู่คือเรื่องของการทำ Final Settlement กับทาง Main Contractor และที่เหลือจะเป็นในส่วนของงานที่เพิ่งได้มา 11,000 ล้านบาท
-
**คำถาม:** นอกเหนือจากงานกัฟ เข้าใจว่า CAZ ก็มีรับงานเพิ่มใน Q2/2566 ด้วย ไม่ทราบว่ามาจากโครงการอะไร พอจะให้รายละเอียดได้หรือไม่
**คำตอบ:** งานที่กำลังบิดอยู่ ตัวเบอร์ 2 กับเบอร์ 3 ถ้าสมมุติ 2 งานนี้ได้ การรับรู้รายได้ก็จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ที่ปี 2567
-
**คำถาม:** ขอทราบความเสี่ยงเรื่องที่ Provision จาก CFP ใน Q2
**คำตอบ:** ต้องรอเรื่องของตัว Final Settlement กับทางผู้ว่าจ้างก่อน ซึ่งตาม Timeline ที่มีการพูดคุยกัน คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณไตรมาส 4 ซึ่งถ้าเป็นช่วงเวลานั้นจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้
-
**คำถาม:** ใน Q2/2567 ยอดรับรู้รายได้จาก CFP ประมาณเท่าไหร่ เป็น Civil ทั้งหมดหรือเปล่า
**คำตอบ:** ไม่เยอะ ตอนไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนของไทยออยล์ด้วยความที่มีการ Terminate สัญญาระหว่างผู้ว่าจ้างกับเจ้าของโครงการไปตั้งแต่ตอนต้นไตรมาส 2 ดังนั้นการรับรู้รายได้ก็จะมีไม่เยอะ
-
**คำถาม:** งานไทยออยล์ 12,000 ล้านบาท เริ่มงานเมื่อใดและสิ้นสุดเมื่อใด
**คำตอบ:** ในส่วนของกัฟที่รับมา ระยะเวลาของโครงการรวมอยู่ที่ประมาณ 45 เดือน และจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 นิดนึง ไม่เยอะ และส่วนที่เหลือก็จะเป็นไตรมาส 4 อาจจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท ลักษณะของงานก็จะเป็นลักษณะของงาน General Construction และในภาพรวมของกำไรขั้นต้นก็จะเป็นกำไรตาม Average ของบริษัทที่ทำมา จะอยู่ที่ประมาณ 10%
-
**คำถาม:** งานไทยออยล์รับงานล่วงหน้ามาค่อนข้างนาน เรามีวิธีการบริหารความเสี่ยงโครงการเรื่องราคาวัตถุดิบ ตลอดจนค่าแรงงานอย่างไรบ้าง
**คำตอบ:** ในภาพของการบริหารต้นทุน มีการ Monitor อยู่ โดยทั่วไปของการบริหารต้นทุนของทุกโครงการ จะมี Monitor อยู่ทุกไตรมาสอยู่แล้ว และจะมีการ Update ตัวต้นทุนโครงการ งบประมาณของเราอยู่แล้วโดยตลอด และในการทำต้นทุนงบประมาณ สิ่งหนึ่งที่จะต้องทำไว้ก็คือเรื่องของต้นทุนที่เราจะต้องเผื่อประมาณการของความเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงค่าแรงอยู่แล้ว และก็จะมีเรื่องของ Contigency ที่เรามีเผื่อไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
-
**คำถาม:** อยากให้อธิบายเนื้องานของ General Construction ว่าแตกต่างกับงานในลักษณะอื่นอย่างไร
**คำตอบ:** ตัวงาน General Construction จะเป็นตัวส่วนผสมของการให้บริการงานที่เป็นตัว Civil กับตัว SMP
-
**คำถาม:** Q1 Q2 ที่ผ่านมาเรามี GPM 7-10% เป็นระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายเราหรือไม่
**คำตอบ:** ไม่ค่ะ อันนี้ก็เป็น Average ของ Gross Profit ที่เป็น Average ของบริษัทอยู่แล้ว
-
**คำถาม:** พื้นที่โรงงานของเรา 2 โรงงาน ตามสไลด์ที่โชว์ไปจะมีเนื้อที่อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
**คำตอบ:** พื้นที่โรงงานอยู่ที่ประมาณ 300 ตารางเมตร ซึ่งมองว่าการที่จะรับรู้รายได้ของบริษัทได้จาก Capacity ของทั้ง 2 โรงงาน จะรองรับรายได้ได้อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาทถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี
โดยสรุปแล้ว CAZ ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในอนาคต แม้ว่าผลประกอบการในครึ่งปีแรกจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทก็ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตและพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว