PLUS โชว์ผลงาน Q2/2568: บุกตลาดอเมริกาเหนือ, ขยายฐานลูกค้าเอเชีย พร้อมลุยกลยุทธ์สร้างแบรนด์ยั่งยืน

P/E -100.00 YIELD 5.17 ราคา 1.16 (0.00%)

PLUS โชว์ผลงาน Q2/2568: บุกตลาดอเมริกาเหนือ, ขยายฐานลูกค้าเอเชีย พร้อมลุยกลยุทธ์สร้างแบรนด์ยั่งยืน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัท Royal Plus จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2568 โดยมีรายได้จากการขาย 468 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ยอดขายกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมเม็ดแมงลักชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก เช่น มาตรการภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์การเกษตร, ภาษีความหวานที่สูงขึ้น, และสถานการณ์สงครามในทะเลแดง

กลุ่มสินค้าเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงของบริษัท ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะน้ำนมมะพร้าวในตลาดอเมริกา และน้ำมะพร้าว 100% บรรจุขวด PET มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการทยอยส่งออกให้ลูกค้า OEM รายใหม่ในประเทศจีน

QoQ รายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเข้าสู่ High Season ของภูมิภาคหลัก โดยเฉพาะตลาดอเมริกา สำหรับงวดครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมียอดขายรวม 754 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3.8% YoY จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือจากการเข้าสู่ช่วง High Season และการขยายฐานลูกค้าในแคนาดา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มลูกค้า OEM และผลักดันน้ำมะพร้าว 100% ไปยังตลาดใหม่ๆ ในเอเชีย

บริษัทมีแผนนำเสนอสินค้าใหม่ (Fuit Juice with Nata de Coco) ควบคู่กับการขายตลาดน้ำมะพร้าว 100% ในยุโรป และมีการเจรจาลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีแผนที่จะไปออกบูธที่ภูมิภาคโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย) อีกครั้ง หลังจากที่หยุดไปหลายปี โดยมีสินค้าใหม่พร้อมที่จะไปบุกตลาด และต้องการที่จะไปออกงาน exhibition Food Australia ในเดือนตุลาคมเพื่อหา Partner ใหม่

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน, ภาษีนำเข้าสินค้าไทยในสหรัฐอเมริกา, สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง, และความผันผวนของราคามะพร้าว

ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในตะวันออกกลางส่งผลให้ค่าขนส่งและค่าระวางเรือสูงขึ้น และคำสั่งซื้อชะลอตัวลง

กฎหมายและภาษีของ EU ทำให้ยอดขายในยุโรปลดลง 28%

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทใช้กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงแบบผสมผสาน โดยกระจายพอร์ตการขายด้วยหลายสกุลเงิน, ทำ Forward Contract ให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อล่วงหน้า, จับคู่รายรับรายจ่าย, และเปิดบัญชี FCD เพื่อใช้จ่ายตรงตามสกุลเงินนั้นๆ

บริษัทได้เตรียมการล่วงหน้าร่วมกับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ทั้งด้านโครงสร้างราคาและการบริหารต้นทุน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อราคาขายปลีก

บริษัทเร่งขยายฐานลูกค้าในตะวันออกกลาง พร้อมทั้งโปรโมทน้ำมะพร้าว 100% ขวด PET ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทเชื่อมั่นในการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วง High Season และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและเพิ่มลูกค้ารายใหม่ในหลายภูมิภาค จะช่วยผลักดันให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายได้

บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อกระแสความต้องการในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):

**[เริ่ม Q&A Session นาทีที่ 42:54]**
  • **รายได้จากภูมิภาคเอเชียลดลง:**

    1. *คำถาม:* รายได้จากฝั่งของภูมิภาคเอเชียลดลงเนื่องจากประเทศใดเป็นหลัก?
    2. *คำตอบ:* เกือบทุกประเทศลดลง, จีนเป็นหลัก, ญี่ปุ่นและอินเดียก็ลดลงเช่นกัน อาจเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ, สินค้าส่วนใหญ่เป็น Premium, ในจีนน้ำมะพร้าวใสเป็นที่นิยมมากขึ้น.
  • **Repeat Order จากจีน:**

    1. *คำถาม:* ลูกค้าจากประเทศจีนรายใหญ่มีการ Repeat Order เข้ามาบ้างหรือไม่?
    2. *คำตอบ:* Repeat มาหลายครั้งแล้ว แต่จำนวนยังไม่มาก หลัก 10 ตู้, ไม่ได้มากเท่าที่คาดไว้, มีการขยายลูกค้ารายย่อยมากขึ้น, ไม่พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่, ได้ลูกค้ารายขนาดกลางมา, โฟกัสสินค้าของตัวเอง, ตอบโจทย์และยั่งยืนกว่า.
  • **ผลกระทบจาก US Tariff:**

    1. *คำถาม:* สถานการณ์ US Tariff, ยอดคำสั่งซื้อลูกค้า Q3 ก่อน-หลังภาษีมีผลอย่างไร?
    2. *คำตอบ:* คาดว่าไม่น่าจะกระทบ, ช่วงโควิดลูกค้าขึ้นราคาไปรอบนึงแล้ว (20%), ค่าเฟรดขึ้นไปแล้ว, ตอนนี้ค่าเฟรดกลับสู่ปกติ, ราคาขายปลีกของลูกค้าก็ไม่ได้ลดลง, ลูกค้ามีกำไรค่อนข้างหนาอยู่แล้ว, ไม่จำเป็นต้องขึ้นก็ได้, ถ้าขึ้นก็น้อยมาก (ไม่เกิน 10 Cent).
  • **การปรับราคาในสหรัฐฯ:**

    1. *คำถาม:* การปรับราคาขึ้น 10% ในสหรัฐฯ มีผลกระทบบ้างหรือไม่?
    2. *คำตอบ:* ไม่น่าจะกระทบ, สัดส่วนน้อยมาก, ไม่ค่อยรู้สึก, $1.5 USD เป็น $1.6 USD ไม่ต่างกันมาก, ลูกค้ายังไม่ได้ขึ้นราคา, ใช้กลยุทธ์ดึงเวลาให้นานที่สุด, สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้.
  • **Outlook Q3 และแนวโน้มครึ่งปีหลัง:**

    1. *คำถาม:* Outlook ในช่วง Q3 และแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกหรือไม่?
    2. *คำตอบ:* อเมริกาครึ่งปีแรกดี, ครึ่งปีหลังเป็นไปตาม Season, บางส่วนมีการสั่ง Q2 ไปบ้างแล้ว, Q2 กับ Q3 เป็น High Season เหมือนกัน, จีนมีแนวโน้มเพิ่มลูกค้าใหม่และ Repeat Order, มีโอกาสได้รับ Order ล็อตใหญ่เข้ามา, Portion ของจีนค่อนข้างใหญ่.
  • **Utilization Rate:**

    1. *คำถาม:* ขอทราบเรื่อง Utilization Rate ของขวดแก้วและ PET ในช่วงไตรมาสที่ 2?
    2. *คำตอบ:* ขวดแก้ว QOQ สูงมากและเป็นไปตามเป้า (60%), YOY ใกล้เคียงกัน (High Season), ขวด PET ปรับตัวดีขึ้น QOQ, YOY ใกล้เคียง, ครึ่งปีหลังพยายาม Ramp Up ราย PET ตาม Order ที่จะเข้ามา.
  • **ยอดส่งออกของอเมริกา:**

    1. *คำถาม:* ยอดส่งออกของอเมริกาแนวโน้มใน Q3 จะ Drop ไหมจาก Q2?
    2. *คำตอบ:* มีโอกาส Drop เพราะมีการสั่งล่วงหน้าไปใน Q2 แล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังไงก็เป็น High Season อยู่.

หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป:

  • Q: รายได้จากภูมิภาคเอเชียลดลง
  • A: เกือบทุกประเทศลดลง, จีนเป็นหลัก
  • Q: Repeat Order จากจีน
  • A: Repeat มาหลายครั้งแล้ว, จำนวนยังไม่มาก
  • Q: ผลกระทบจาก US Tariff
  • A: คาดว่าไม่กระทบ, ลูกค้ามีกำไรอยู่แล้ว
  • Q: การปรับราคาในสหรัฐฯ
  • A: ไม่กระทบ, สัดส่วนน้อยมาก
  • Q: Outlook Q3 และแนวโน้มครึ่งปีหลัง
  • A: อเมริกาตาม Season, จีนมีแนวโน้มเพิ่ม
  • Q: Utilization Rate
  • A: ขวดแก้ว 60%, PET ปรับตัวดีขึ้น
  • Q: ยอดส่งออกของอเมริกา
  • A: มีโอกาส Drop, High Season

โดยสรุป, Royal Plus ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือและเอเชีย, บริหารความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก, และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

โพสต์ล่าสุด