บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
PTTGC โชว์วิสัยทัศน์ปี 2568: กลยุทธ์ 5 ด้าน รับมือความท้าทาย เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ
P/E -100.00 YIELD 2.46 ราคา 20.30 (0.00%)
PTTGC โชว์วิสัยทัศน์ปี 2568: กลยุทธ์ 5 ด้าน รับมือความท้าทาย เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ
สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Opportunity Day ของ PTT Global Chemical (PTTGC) ในไตรมาส 2 พบกันอีกครั้ง วันนี้ Agenda หลักๆ ที่เราจะมาสื่อสารก็คือ เรื่องของการดำเนินการตามกลยุทธ์ของบริษัท รายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2568 และรวมถึงสถานการณ์ตลาด
โดยที่ผ่านมาท่านนักลงทุนก็คงจะทราบนะคะว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีก็ยังเผชิญความท้าทายอยู่ อย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจและก็ส่งผลต่อความต้องการในเรื่องของการลงทุนและการบริโภคนะคะ ซึ่งก็รวมถึงการมีอุปทานส่วนเกินนะคะ ที่เกิดจากการขยายกำลังการผลิตของ อย่างมีนัยยะสำคัญของหลายประเทศนะคะ
ก็แม้ว่าประเทศต่างๆ เนี่ยก็พยายามที่จะเริ่มมีมาตรการนะคะในการบริหารจัดการเพื่อลดกำลังการผลิตลงนะคะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกนะคะกับเสถียรภาพของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในระยะยาวนะคะ แต่ว่าอย่างไรก็ตามค่ะก็เพื่อรับมือกับความท้าทายของอุปสรรคต่างๆ ของเรานะคะในในในเรื่องของปิโตรเคมีนะคะ GC ก็ยังมุ่งเน้นนะคะ ที่จะดำเนินการตามกลยุทธ์ 5 ด้านนะคะ
- Portfolio Transformation: ก็เป็นการบริหารจัดการนะคะ ปรับพอร์ตของธุรกิจให้มีความเข้มแข็งนะคะ โดยที่ผ่านมานะคะเราก็มีการพิจารณาถอนการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการทำกำไรในอนาคตนะคะ ก็เนื่องมาจากว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องของความท้าทายของอุตสาหกรรมเองนะคะ รวมถึงเรามีการทำในเรื่องของ Asset light strategy นะคะ อันนี้ก็เป็นการพิจารณานำในเรื่องของ Non-core asset นะคะ ที่ GC อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของเองนะคะ ตรงเนี้ยเราก็พิจารณาที่จะขายให้กับทางด้านของ Buyer หรือว่า Partner นะคะ ที่มีความเชี่ยวชาญหรือว่ามี Business profile ที่มันสอดคล้องกับธุรกิจนั้นๆ นะคะ ซึ่งเราก็มองว่ามีหลายๆ บริษัทในกลุ่ม ปตท. นะคะก็อาจจะสามารถที่จะมารับดูแล Asset นั้นๆ นะคะ โดยเราก็ยังสามารถที่จะใช้บริการจาก Asset นั้นได้นะคะโดยที่ไม่ได้มี disruption ใดๆ กับทางบริษัทนะคะ ซึ่งทั้งนี้ก็เพื่อวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ GC นะคะ มี Portfolio ที่เข้มแข็งนะคะ แล้วก็สามารถจะก้าวผ่านสถานการณ์อุตสาหกรรมตอนนี้ไปได้นะคะ
- Holistic Optimization: อันนี้ก็เป็น การความพยายามในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันนะคะ ซึ่งเราอย่างที่เคยเรียนนะคะเราก็ดำเนินการแบบ End-to-end นะคะ ก็คือตั้งแต่การที่เรามีการจัดหา Feed stock นะคะ มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการ Optimize ในเรื่องของกระบวนการผลิตนะคะ เพื่อที่จะลดต้นทุนนะคะ แล้วก็ในเรื่องของปลายทางเราก็มีการพัฒนาในเรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นะคะ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ด้วยนะคะ รวมถึงเราก็จะมีการหาสัดส่วนของ Product ที่เป็น High value product เข้ามาเพิ่มเติมนะคะ โดยเราตั้งเป้าหมายระยะยาวอ่ะค่ะ ที่จะเพิ่ม EBITDA ให้กับบริษัทนะคะ 300 ล้านเหรียญต่อปีนะคะ ในปี 2030 ซึ่งในระยะสั้นนะคะ ก็คือในปีนี้เนี่ยเราก็มีเป้าหมายนะคะที่จะเพิ่ม EBITDA ให้กับบริษัทได้อยู่ที่ประมาณนะคะ 5,500 ล้านบาทนะคะ จากกิจกรรมต่างๆ นะคะ ก็เดี๋ยวจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนต่อไปนะคะ
- มุ่งสู่ High Value Business: ซึ่งโดยหลักก็จะเป็นการสนับสนุนให้ Allnex นะคะซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Coating resin นะคะซึ่งเป็น Performance chemical นะคะให้สามารถดำเนินการตามกลยุทธ์นะคะ เพื่อที่จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงสุดนะคะ แล้วก็สร้างผลกำไรได้ตามแผนที่วางไว้นะคะ
- Sustainable Portfolio: อันนี้เราก็เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับ Portfolio ของบริษัทนะคะ โดยเราจะ Balance ระหว่างการทำธุรกิจนะคะกับการดำเนินด้านความยั่งยืนนะคะ โดยเราก็มี Target ที่จะมุ่งสู่ Net zero นะคะในปี 2050 ค่ะ
- Maptaphut Transformation: อันนี้ก็คือเราตั้งใจนะคะที่จะผลักดันให้มาบตาพุดนะคะ ก็มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางของธุรกิจมูลค่าสูงนะคะ หรือว่า Specialty chemicals นะคะ แล้วก็เน้นในเรื่องของการทำธุรกิจที่มีคาร์บอนต่ำนะคะ
สิ่งที่เราได้ดำเนินการในการปรับ Portfolio นะคะ ก็ถ้าท่านนักลงทุนจำได้นะคะที่ปีที่ผ่านมาค่ะ เราก็มีการยุติกิจการ 2 บริษัทนะคะ ก็คือในเรื่องของ PTT Asahi แล้วก็ Vencorex นะคะ ซึ่งก็เนื่องจากว่าเราเล็งเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของทั้งบริษัทเนี่ย ทั้ง 2 บริษัทเนี่ยก็จะได้รับผลกระทบนะคะ จากสถานการณ์ของเรื่องอุตสาหกรรมนะคะ ทำให้เขาไม่สามารถขาดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวนะคะ ซึ่งสำหรับ PTT Asahi นะคะก็ปัจจุบันเนี้ยการดำเนินงานก็เป็นไปตามแผนนะคะ โดย Asahi ก็อยู่ระหว่างการรื้อถอนโรงงานนะคะ เรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งในทางด้านของ GC เองนะคะ ก็ได้หยุดรับรู้ขาดทุนนะคะของ PTT Asahi ตั้งแต่ปลายปี 2024 ที่ผ่านมานะคะ ซึ่งก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมายัง GC นะคะ ตอนปัจจุบันนี้ค่ะ ส่วนในส่วนของอีกบริษัทนึงนะคะ ก็เป็น Vencorex Group นะคะ ก็มีความคืบหน้าที่สำคัญ 2 ส่วนด้วยกันนะคะ ในส่วนของ Vencorex France แล้วก็ Vencorex TDI นะคะซึ่งเป็นโรงงานผลิต TDI monomer ในประเทศฝรั่งเศสนะคะ ก็เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมานะคะก็ ทั้ง 2 บริษัทนะคะ ก็ได้เสร็จสิ้นกระบวนการปรับโครงสร้างนะคะ แล้วก็เข้าสู่กระบวนการของการ Liquidation นะคะ ซึ่งก็จะมีการชำระบัญชีในลำดับถัดไปนะคะ ซึ่งผลก็คือตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมานะคะ GC ก็ยุติการรับรู้ขาดทุนนะคะ แล้วก็ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ขาดทุนของ Vencorex ออกจากงบการเงินของ GC นะคะ แล้วก็เรามีการกลับรายการเป็นบวกจำนวน 1,500 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 แล้วนะคะ ในส่วนของอีกบริษัทที่สำคัญนะคะ ก็คือ Vencorex US กับ Vencorex Thailand นะคะ อันนี้เป็นบริษัทในกลุ่มของ Vencorex ที่ผลิตเป็น HDI derivatives นะคะก็จะเป็น Chain ที่ต่อจาก Upstream นะคะ ก็เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมนะคะ ก็บริษัทแม่ของ Vencorex ที่ฝรั่งเศสอ่ะค่ะ ก็ได้เจรจาต่อรองกับผู้ซื้อเรียบร้อยนะคะ ก็ได้มีการลงนามเซ็นสัญญา SPA นะคะ เพื่อขายธุรกิจของ Vencorex US แล้วก็ Vencorex ไทยนะคะ ให้กับผู้ซื้อซึ่งก็คือ Covestro นะคะซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีที่มีฐานการผลิตอยู่ที่ยุโรปนะคะ ก็หลังจากนี้นะคะ ก็จะเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อนการโอนหุ้นนะคะ ซึ่งก็จะรวมถึงการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยนะคะ ซึ่งตรงนี้ก็ ณ วันนี้ค่ะ GC ก็ยังรับรู้ Performance ของ Vencorex Thailand กับ US อยู่นะคะ แต่ว่าถ้ากระบวนการ Closing แล้วเสร็จนะคะ ซึ่งเราคาดว่าก็จะแล้วเสร็จภายในปีนี้นะคะ หรือว่าอย่างช้าก็จะเป็นปีหน้านะคะ อันนี้ก็เราก็คาดว่าจะสามารถบันทึกกำไรออกมาได้ กลับมาได้นะคะ ประมาณ 400-600 ล้านบาทนะคะ ซึ่งทั้ง 2 รายการก็ได้แจ้งให้กับนักลงทุนทราบใน ผ่านทางข่าวแจ้งตลาดเรียบร้อยแล้วนะคะ ซึ่งโดยรวมนะคะ การปรับโครงสร้างของทั้ง 2 บริษัทโดยการ Exit จากทั้ง 2 บริษัทเนี่ยนะคะ ก็เป็นไปตามแผนนะคะ แล้วก็จะ มีผลกระทบในเชิงบวกนะคะกับกำไรของบริษัทนะคะจากการที่ไม่ต้องรับรู้นะคะผลขาดทุนจากทั้ง 2 บริษัทก็ประมาณนะคะ impact to bottom line ประมาณ 5,000 ล้านบาทค่ะ
การดำเนินงานในเรื่องของ Asset light strategy นะคะ อันนี้ก็เป็นกิจกรรมที่สำคัญอันนึงนะคะ ที่เราตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการในปีนี้นะคะ โดยธุรกิจที่เรามองนะคะ ว่าเป็น Non-core asset นะคะ ก็จะเป็นกลุ่ม Asset ที่เกี่ยวกับ Infrastructure นะคะ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงงานปิโตรเคมี หรือว่าโรงงานโรงกลั่นโดยตรงนะคะ ซึ่งอย่างที่เรียนน่ะค่ะ ก็เราเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ Asset นี้เองนะคะ เราก็จะพิจารณาหาผู้ซื้อนะคะหรือว่า Partner เนี่ยเข้ามาทำกิจการนี้ไปนะคะ โดยผู้ซื้อหรือ Partner เนี่ยก็จะเข้าบริหารจัดการ Asset เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้วก็สร้างมูลค่าเพิ่มนะคะ โดยที่ GC เองเนี่ยก็ยังสามารถใช้บริการ Asset เหล่านี้ต่อไปได้นะคะ ทีนี้เรามีการตั้งเป้าหมายนะคะ ที่จะทำให้ได้รับกระแสเงินสดนะคะ เพิ่มเติมจากกิจกรรมนี้เนี่ยก็ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทนะคะ โดยเรามีแผนที่จะนำเงินส่วนนี้นะคะ ไปใช้ในกิจกรรมการลดหนี้นะคะ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้กับบริษัทนะคะ ซึ่งในส่วนของแผนงานนะคะ ก็จริงๆ ที่ผ่านมา Progress นะคะความคืบหน้าก็มีอย่างชัดเจนนะคะ ในช่วงที่ผ่านมาเราก็มีการคัดเลือกที่ปรึกษานะคะ แล้วก็มีเริ่มหารือกับ Potential buyer แล้วนะคะ โดยปัจจุบันเนี้ย Potential buyers ก็อยู่ระหว่างการทำ Due diligence นะคะ เกี่ยวกับข้อมูลของ Non-core asset ต่างๆ นะคะ ซึ่งเป้าหมายก็คือเราตั้งเป้าที่จะภายในไตรมาส 4 นะคะ แล้วก็คาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการอนุมัติของทั้ง GC แล้วก็ Potential buyers นะคะ แต่เนื่องจาก Asset เนี่ยก็มีหลายตัวนะคะ เพราะฉะนั้นเราอาจจะแบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่มหลักๆ นะคะ ก็กลุ่มที่มีความซับซ้อนไม่มากนะคะ ก็จะเริ่มเห็นการ Closing เนี่ยภายในครึ่งปีแรกของปีหน้านะคะ ขณะที่กลุ่มที่ 2 นี่ก็อาจจะทยอย Closing นะคะ ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2026 นะคะ ซึ่งในส่วนของสิ่งที่เราจะดำเนินการต่อเนื่องอีกส่วนหนึ่งนะคะ ก็จะเป็นในเรื่องของการ Monitor ตัว Asset ต่างๆ ที่เรามีนะคะ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุปกรณ์หรือว่า สิ่งต่างๆ ที่ที่เป็น Asset ของเราอื่นๆ นะคะ อันนี้เราก็ต้องพิจารณาว่าในเรื่องของ Performance เรื่องของทิศทางตลาด เรื่องเทคโนโลยีนะคะ แล้วก็พวก Landscape ของการแข่งขันต่างๆ เนี่ย ในระยะยาวว่ายังมีความสามารถในการแข่งขันนะคะ เพื่อที่จะให้มั่นใจว่าเราสามารถใช้สินทรัพย์ของบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะคะ อันนี้ก็จะเป็นสิ่งที่บริษัทต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องค่ะ
ในเชิงตัวเลขนะคะ ที่จะให้ท่านนักลงทุนได้เห็นนะคะ ว่าการที่เราดำเนินการในเรื่องของ Holistic optimization program นะคะ ก็อย่างที่เรียนว่าเป้าหมายระยะสั้นเรานะคะ เราต้องการที่จะเพิ่มลดต้นทุนหรือว่าเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทนะคะ ซึ่งตรงเนี้ยก็จะเป็นผลกระทบในเชิงบวกที่ 5,500 ล้านบาท ในปีนี้นะคะ ซึ่งที่ผ่านมาครึ่งปีเนี้ยค่ะ ก็จะเห็นว่า ในไตรมาสแรกเนี่ยเราสามารถทำได้ถึง 800 ล้านบาทนะคะ ในไตรมาส 2 เนี่ยเราสามารถที่จะเพิ่ม EBITDA ได้ 1,100 ล้านบาทนะคะ เพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยก็รวมๆ แล้วก็คือ 1,900 ล้านบาทนะคะ ซึ่งเราก็คาดว่าในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 นะคะ เราก็จะสามารถทำได้เพิ่มขึ้นแล้วก็ทั้งปีเนี้ย เราก็สามารถที่จะ Achieve เป้าที่ 5,500 ล้านบาทนะคะ โดยในระยะยาวอ่ะค่ะ ก็มีเป้าหมายที่จะเพิ่ม EBITDA ได้จำนวน 300 ล้านเหรียญต่อปีนะคะ ภายในปี 2030 นะคะ ซึ่งการที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นนะคะ เราก็มีกิจกรรม หลักหลายๆ อย่างนะคะ ที่จะช่วย Support กันไปสู่เป้าหมายนั้นนะคะ ก็อย่างแรกเนี่ยก็คงจะเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการวัตถุดิบนะคะ หรือ Feed stock นะคะ ซึ่งทางด้านถ้าเป็น Feed stock ที่สำคัญของ Olefins นะคะ ก็คงจะเป็นทางด้านของ Ethane นะคะซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักนะคะ ตรงนี้เนี่ยเราก็มีเป้าหมายนะคะที่จะเพิ่มปริมาณการรับ Ethane จาก ปตท. นะคะ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนนะคะ ในขณะที่เราก็มีการดำเนินการโครงการที่เกี่ยวกับการนำเข้า Ethane จากประเทศสหรัฐอเมริกานะคะ จำนวน 400,000 ตันต่อปีนะคะ อันนี้ก็เพื่อที่จะSecure ในเรื่องของ Ethane Feed stock นะคะ ให้เป็นไปตามแผนนะคะ โดยโครงการนี้ก็สามารถดำเนินการได้ตามแผนนะคะ ก็คาดว่าการก่อสร้างพวกท่าเรือหรือว่าถังพวกนี้ก็จะแล้วเสร็จนะคะ ก็สามารถที่จะนำเข้า Ethane ได้ในปี 2029 ค่ะ
ในส่วนของการจัดหาพวกวัตถุดิบอื่นนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำมันดิบจากแหล่งต่างๆ แหล่งใหม่ๆ ที่มีต้นทุนดีแล้วก็เหมาะสมกับ Configuration ของของบริษัทอ่ะนะคะ ก็อันนี้ก็จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทได้ด้วยนะคะ อีกครั้งนะคะบริษัทก็มี Collaboration นะคะกับบริษัทต่างๆ ภายในกลุ่ม ปตท. นะคะเรามีการทำ Project P1 นะคะ ซึ่งอันนี้ก็เป็นการร่วมกันจัดหาน้ำมันดิบแล้วก็ Condensate นะคะ เพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการจัดหาวัตถุดิบจากผู้ผลิตทั่วโลกนะคะ ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยทำให้เราได้ Return ที่ดีขึ้นนะคะ ทางด้านการตลาดนะคะ บริษัทก็เน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันนะคะ โดยตลาดในประเทศนะคะกับตลาดในภูมิภาคเอเชียเนี่ยก็ยังเป็นตลาดหลักของเรานะคะ แต่ว่าเราก็มีการพยายามเข้าสู่ตลาดใหม่นะคะ แล้วก็รักษาฐานลูกค้าที่เป็นทางด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้านออสเตรเลียนะคะ ก็เป็นตลาดที่เราต้องรักษาฐานให้มั่นคงนะคะรวมทั้งเราต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้นนะคะ ส่วนหนึ่งก็จะเป็นทางด้านของการบริหารจัดการนะคะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานนะคะ อันนี้ก็ถ้าเห็นได้อย่างตัวอย่างที่ล่าสุดนะคะ ก็จะมีการโครงการร่วมมือกับทาง PE LNG นะคะ ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. นะคะ ในการที่เราจะใช้พลังงานความเย็นนะคะจากก๊าซ LNG นะคะ อันนี้ก็คือมาใช้ในกระบวนการผลิตของ Olefins นะคะซึ่งอันนี้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานนะคะ แล้วก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นะคะ ก็คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2570 นะคะ นอกจากนี้เราก็มีการนำพวก Digital technology ต่างๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ Plant นะคะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ
Strategic action ของทาง Allnex นะคะซึ่งก็เป็นธุรกิจ Specialty chemicals นะคะ ที่เรา Acquired มาเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วอ่ะนะคะ ก็ที่ผ่านมาก็จะเห็นว่า Allnex เนี่ยก็ยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรต่อหน่วยได้เป็นอย่างดีนะคะ เนื่องจากเป็นลักษณะของ Specialty chemicals นะคะ ก็ทำให้สามารถส่งต่อต้นทุนให้กับลูกค้าได้อ่ะนะคะ คือแม้ว่าความไม่แน่นอนของตัวมาตรการ Tariff ต่างๆ เนี่ยก็จริงๆ ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงกับ Allnex นะคะ เนื่องจากว่า Allnex เนี่ยจะมีลักษณะของการผลิตแล้วก็ขายในภูมิภาคเป็นหลักนะคะ แต่ว่าอย่างใดก็ตามก็คงได้รับผลกระทบทางอ้อมนะคะ ก็เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ นะคะจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกนะคะ ก็ทำให้ Demand ก็อาจจะยังไม่ได้กลับมาเต็มที่นะคะ ก็เป็นที่มาว่าทำให้ Allnex เนี่ยก็มีการกำหนดกลยุทธ์นะคะ ที่จะรับมือกับความท้าทายดังกล่าวนะคะ โดยสิ่งที่ Allnex นะคะเน้นให้ความสำคัญตอนนี้ก็คือจะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการต้นทุนแล้วก็ค่าใช้จ่ายนะคะ โดยเขาก็ตกลงใจที่จะเดินหน้าลดต้นทุนนะคะ โดยมีการกำหนดเป้าหมายนะคะ ในปีนี้ที่จะสามารถที่จะลดค่าใช้จ่ายให้ได้ 40 ล้านยูโรนะคะต่อปี ให้ได้ภายในกลางปี 2027 นะคะ โดยขณะเดียวกันนะคะ ก็จะมีการปรับกระบวนการทำงานต่างๆ ให้ Streamline มากขึ้นนะคะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนะคะ ขณะที่ตลาดนะคะ เขาก็ยังมุ่งเน้นที่จะสร้างการเติบโตในตลาดที่มีศักยภาพนะคะ โดยที่ผ่านมาเนี่ย Allnex ก็มี Hub อยู่ที่ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนหรือว่าอินเดียนะคะซึ่งก็มี Demand ค่อนข้างสูงอ่ะนะคะ โดยปัจจุบันน่ะค่ะ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะขยายสู่ Southeast Asia นะคะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพนะคะ ก็คาดว่าจะเข้า Allnex ก็จะเข้าสู่พวกกระบวนการพิจารณาตัดสินใจอนุมัติการลงทุนเนี่ยก็ประมาณต้นปีหน้านะคะ โดยถ้าเกิดว่าจะมีการพิจารณาที่จะสร้าง Synergy โดยการใช้ Facility ที่ GC มีอยู่ในมาบตาพุดอันนี้ก็จะช่วยผลักดันให้การธรรมมาตภูมิน่าจะสามารถเป็น Specialty hub ได้ในอนาคตนะคะ สำหรับทางด้านตลาดนะคะ อย่างถ้าเป็นตลาดของ US เนี่ยทาง Allnex ก็ยังคาดว่านะคะ ทางเศรษฐกิจของ US เนี่ยก็น่าจะทยอยกลับมาฟื้นตัวนะคะ ซึ่ง Allnex ก็จะเร่งนะคะ ในการที่จะกลับไปสร้างการเติบโตในประเทศ US นะคะ ขณะที่ยุโรปเนี่ย เขาก็จะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนเป็นหลักนะคะ แล้วก็มีการสร้างการเติบโตผ่านนวัตกรรมต่างๆ นะคะ ในส่วนของ Growth platform เนี่ยก็ปัจจุบันเนี่ยผลิตภัณฑ์ตรงนี้ก็ยังมีสัดส่วนไม่มากใน Allnex นะคะ ซึ่งก็ถือว่ายังมีโอกาสเติบโตได้สูงนะคะ ซึ่งก็คิดว่าจะสามารถเติบโตได้ดีใน Southeast Asia เช่นกันน่ะนะคะ
กลยุทธ์ในเรื่องของ Sustainable Portfolio ของบริษัทนะคะ ก็จริงๆ ก็ค่อนข้างไม่ได้แตกต่างจากเดิมนะคะ ในส่วนของ GHG reduction นะคะ ก็จริงๆ เรามีการปรับเป็น Interim target นะคะ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของธุรกิจสภาวะเศรษฐกิจแล้วก็เป้าหมายของ Decarbonization ของโลกอ่ะนะคะ เราก็มีการขยับ Interim target โดยมีเป้าที่จะลด GHG นะคะ ลงได้ 20% นะคะ ภายในปี 2035 นะคะ โดยเรายังคงเป้าหมายในการมุ่งสู่ Net zero ในปี 2050 เหมือนเดิมอ่ะนะคะ ในส่วนของ Low Carbon growth นะคะ ก็บริษัทยังคงมีเป้าหมายในการที่จะสร้างให้มี Sustainable products นะคะคิดเป็นประมาณสัดส่วน 20-30% ของ Total port นะคะ ในปี 2030 ค่ะ ในส่วนของอีกส่วนนะคะเรื่องของ Sustainability Excellence นะคะ ก็เราจะเน้นการขยายนะคะเรื่องของ ESG เนี้ยไปยังคู่ค้า Supplier หรือว่า Stakeholder นะคะต่างๆ นะคะ เพื่อทำให้เกิดเป็น Ecosystem ของ GC นะคะ ในการสนับสนุนให้เราสามารถเข้าสู่เป้าหมายในการเป็น Net zero ของบริษัทนะคะ โดยเราตั้งเป้านะคะ ที่จะให้มีการประเมินในด้านของ ESG เนี่ยให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของมูลค่าสัญญาที่มีกับคู่ค้านะคะ ภายใน 2027 ค่ะ ส่วนสุดท้ายนะคะ จะเป็นในเรื่องของตัวมาบตาพุด Transformation นะคะ ก็อันนี้ก็จริงๆ เป็นแผนระยะยาวนะคะ อย่างที่เรียนว่าเราอยากจะใช้ประโยชน์จากการที่เรามีฐานการผลิตในมาบตาพุดของ GC นะคะ ให้มีซึ่งเป็นฐานการผลิตที่ค่อนข้างมีความพร้อมอ่ะนะคะ อันนี้เราอยากที่จะต่อยอดมาบตาพุดนะคะให้เป็น Specialty นะคะ ก็อันนี้ก็ในส่วนนี้ก็เราก็คาดว่านะคะ จะมีการตัดสินใจลงทุนเนี้ยภายใน ไตรมาส 1 ของปีหน้านะคะ ในเรื่องของ New business นะคะอันนี้ก็เป็นในลักษณะของการดำเนินการในระยะยาวนะคะ ก็จากที่เคยเรียนท่านนักลงทุนไปก่อนหน้านะคะว่า GC ก็มีการลงนามในเรื่องของ MOU นะคะกับ Tore นะคะ ซึ่ง Tore ก็เป็นบริษัทญี่ปุ่นนะคะ ที่เชี่ยวชาญในการผลิตในเรื่องของ Green products นะ คะ ในเรื่องของ Nylon นะคะ ซึ่งเราก็จะอยากที่จะสร้างความร่วมมือในระยะยาวนะคะ กันที่จะผลิตเป็น BioButylene acid นะคะ ซึ่งเป็นเหมือน Biochemical ตัวหนึ่งนะคะ ที่ใช้ในการผลิตของเรื่อง Green Nylon นะคะ ซึ่งปัจจุบันน่ะค่ะ ก็มีการ ผ่านการทดสอบในลักษณะของ Lab scale เรียบร้อยแล้วอ่ะนะคะ ก็ผลการทดสอบก็คือออกมาเป็นที่พอใจนะคะ แล้วก็ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Yield หรือว่าคุณภาพของ Product ต่างๆ ก็อยู่ในระดับดีนะคะ แล้วก็ลูกค้าก็ได้รับการตอบรับในระดับดีนะคะ ซึ่งตอนนี้เราก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขยายไปสู่ Commercial scale นะคะ นอกจากนี้นะคะ เราก็จะมีการพัฒนา