SIRI ฝ่าวิกฤต! สรุป Oppday ไตรมาส 2 ปี 2568: กลยุทธ์ฟื้นฟูตลาด, โอกาสเติบโต, และความยั่งยืน

P/E 5.51 YIELD 11.04 ราคา 1.35 (0.00%)

SIRI ฝ่าวิกฤต! สรุป Oppday ไตรมาส 2 ปี 2568: กลยุทธ์ฟื้นฟูตลาด, โอกาสเติบโต, และความยั่งยืน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวม 8,786 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตมาจากรายได้ในทุกหน่วยธุรกิจ ทั้งการขายโครงการ, business management, และธุรกิจโรงแรม

อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการอยู่ที่ 29.2% ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงทั้ง YoY และ QoQ อยู่ที่ 1,310 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายภายในองค์กรและการชะลอกิจกรรมทางการตลาดบางส่วนไปในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV อยู่ที่ 214 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีการบันทึก management fee จากโครงการบุราสิริ กรุงเทพกรีฑา

กำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,214 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 49% จากไตรมาส 1 และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.8%

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 15,678 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 19% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการขายโครงการลดลง 24% ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ตลาดที่ยังชะลอตัว และปีที่แล้วมี high base จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา

อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายโครงการในงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 29.6% ปรับตัวลดลงจาก 34% ในงวดครึ่งแรกของปี 2567

ค่าใช้จ่าย SG&A ในงวดครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 2,890 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจาก first half ของปี 2567

ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ในงวดแรกของปี 2568 อยู่ที่ 334 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อน

กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,028 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 7% จาก first half ของปี 2567 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12.9%

หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาสอยู่ที่ 74,103 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากตอนสิ้นปี ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ คิดเป็นเกือบ 60% อัตราส่วน gearing และ net gearing ปรับตัวลดลง โดย gearing อยู่ที่ 1.45 เท่า และ net gearing อยู่ที่ 1.35 เท่า ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาสอยู่ที่ 4.13%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งหมด 13 โครงการ มูลค่า 18,730 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 7,120 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 11,620 ล้านบาท

แผนการเปิดตัวโครงการในปีนี้ยังคงเดิมในแง่ของมูลค่าที่ 52,000 ล้านบาท แต่จำนวนโครงการปรับตัวลดลงจาก 29 โครงการ เหลือ 25 โครงการ โดยจะเปิดตัวโครงการแนวราบ 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 14 โครงการ

ในไตรมาส 3 จะเปิดทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่า 14,900 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จะเปิด 7 โครงการ มูลค่า 18,360 ล้านบาท

    ตัวอย่างโครงการที่จะเปิดในไตรมาส 3:
  • ศราญสิริ จตุโชติ (แนวราบ)
  • Walle House (คอนโดมิเนียมใน T77)
  • Wyden by Sansiri (คอนโดมิเนียม ถนนนางลิ้นจี่)
  • Self by Sansiri (คอนโดมิเนียม ถนนพระราม 4)
  • The Base Urban พระราม 9 (คอนโดมิเนียม แถวแยกผังเมือง)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ยอดขายสะสมปัจจุบันอยู่ที่ 26,129 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเป้าที่ 46,000 ล้านบาท ยอดโอนสะสมอยู่ที่ 18,869 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของเป้าที่ 46,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของเป้าโอนยังมีความท้าทายอยู่ เนื่องจากสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้

โครงการที่ยังเปิดขายอยู่ปัจจุบันมี 135 โครงการ มูลค่าเหลือขาย 95,532 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม Premium และ Medium (70%) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม มี inventory มูลค่า 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท

Backlog ที่เป็นโครงการของแสนสิริเองปัจจุบันมี 18,627 ล้านบาท เป็น backlog ของปีนี้ 6,404 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมายต้นปีที่ 37,000 ล้านบาท ปัจจุบันทำไปได้เกือบ 60% Backlog ของโครงการ JV มี 3,331 ล้านบาท เป็น backlog ในปีนี้ 1,205 ล้านบาท เทียบกับเป้าหมาย 9,000 ล้านบาท ปัจจุบันทำไปได้ครึ่งทาง (51%)

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีคอนโดที่จะโอนเพิ่มเติมอีก 8 โครงการในครึ่งปีหลัง โดยในไตรมาส 3 จะมี 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ได้แก่ Flow by Sansiri, D Condo Sense บางแสน, D Condo Kรามคำแหง, และ The Mover สุขุมวิท 107

    ไตรมาส 4
  • Canvas เชิงทะเล (ภูเก็ต)
  • Mekkin House (เชียงใหม่)
  • D Condo Campus ขอนแก่น
  • The Mover พหล-บางแค

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ 0.05 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม และจ่าย dividend วันที่ 11 กันยายน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกที่ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ได้พัฒนาแสนสิริ Sustainable Home Prototype One ที่โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-สาย 1 เป็นบ้านต้นแบบที่ออกแบบด้วยนวัตกรรมเพื่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

แนวคิด 4 ด้านของ Sustainable Home Prototype One:

  1. Health & Wellbeing Design: บ้านปลอดฝุ่น, ระบบกรองอากาศ, ฆ่าเชื้อ 6 ขั้นตอน, ใช้วัสดุ Zero VOC
  2. Cool Living Design: ออกแบบบ้านเย็น, คำนึงถึงทิศทางแดดลมฝน, ใช้วัสดุสะท้อนความร้อน
  3. Green Material: ใช้วัสดุรักษ์โลกกว่า 70%, อัพไซคลิ่งเศษวัสดุก่อสร้าง
  4. Resource Efficiency: สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด, ระบบบำบัดน้ำกลับมาใช้ใหม่

Sustainable Home Prototype One สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 35% หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 14,300 ต้น

บริษัทมุ่งมั่นในบทบาทของ Good Citizens ช่วยเหลือสังคมและผู้ค้ารายย่อย ผ่านโครงการต่างๆ เช่น รับซื้อลำไยและมังคุดจากเกษตรกร, สนับสนุนผู้ค้ารายย่อยบนถนนบรรทัดทอง, บริจาคเลือดและสิ่งของให้ศูนย์อพยพ, และส่งมอบชุดกันน้ำและเสื้อชูชีพให้จังหวัดเชียงใหม่

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [00:27:18]

  • **สถานการณ์หลังแผ่นดินไหว:** ยอดขายคอนโดมิเนียมลดลงชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่หลังจากนั้นคอนโดมิเนียมเตี้ยเริ่มกลับมา มียอดขายสูงกว่าปกติ 20-30% ส่วนตึกสูงหายไปประมาณ 1 เดือน แสนสิริเข้าไปดูแลลูกค้า ช่วยเหลือเรื่องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและซ่อมแซมพื้นที่ส่วนกลาง โดยเน้นโครงการที่ยังเปิดขายอยู่เป็น priority ที่ 1
  • **ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยและธุรกิจของบริษัท:** อสังหาฯ สัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจ รัฐบาลแจ้งว่าเศรษฐกิจไทยเติบโต 2-3% ครึ่งปีหลังเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว การลดดอกเบี้ยและการประกาศเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะช่วย support เรื่องคอนโดมิเนียมในแง่ของการขายคอนโดที่อยู่ตามชานเมือง
  • **เป้าหมายยอดขายภูเก็ต:** ยอดขายภูเก็ตในครึ่งปีแรกประมาณ 1,000 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าจะมีโครงการแคนวาสเสร็จพร้อมโอน และมีเศรษฐสิริ เกาะแก้ว ออกมาโอนด้วย คาดหวังยอดโอนจากภูเก็ตในช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่ำ 500 ล้านบาท
  • **ผลประกอบการครึ่งปีหลัง:** บริษัทตั้งเป้ายอดโอนให้สูงกว่า Quarter 1 และ Quarter 2 โดยจะมีคอนโดมิเนียมหลายตัวก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนให้ลูกค้าได้ ตอนนี้ทำยอดพรีเซลล์ไปได้ 50% พยายามที่จะไต่ไปให้ได้ตาม target ที่ต้องการก็คือที่ 46,000 ล้านบาท
  • **ธุรกิจพรีแคส:** ธุรกิจพรีแคสใช้ในการผลิตเพื่อสร้างบ้านของแสนสิริภายในเอง ต่อมาได้รับจ้าง developer รายเล็กที่อยากจะสร้างบ้าน รวมถึงมีธุรกิจบ้านต้นแบบ ลูกค้าที่มีที่ดินสามารถมาชมบ้านตัวอย่างของแสนสิริได้ ปัจจุบันมีบ้านอยู่ประมาณ 80-90 แบบกระจายอยู่ในทุก location ของกรุงเทพมหานคร
  • **ผลกระทบจากแรงงานเขมร:** แรงงานส่วนใหญ่ที่ใช้ในโรงงานพรีแคสเป็นชาติพม่า บริษัทใช้ระบบ outsource
  • **การรับมือกับรถ EV ไฟไหม้:** บริษัทใช้ supplier ที่มีชื่อเสียง และมีระบบป้องกัน ระบบ monitoring บริษัทใช้ บริษัทinfo ที่อยู่ภายใต้บริษัทลูกชื่อว่า Plus Property โดยใช้กล้อง CCTV ที่มีความฉลาด มีระบบ AI ที่อยู่ในกล้องสามารถตรวจจับอะไรที่เป็นความร้อนหรือระบบเพลิงไหม้ได้ รวมถึงมีการติดตั้งจุดที่มีความเสี่ยงต่างๆ ในตึกอาคาร

โพสต์ล่าสุด