TFG โชว์ผลงาน Q2/2568 สุดปัง! กำไรโต 25% พร้อมลุยขยายสาขาต่อเนื่อง

P/E 3.78 YIELD 6.42 ราคา 4.66 (0.00%)

TFG โชว์ผลงาน Q2/2568 สุดปัง! กำไรโต 25% พร้อมลุยขยายสาขาต่อเนื่อง

บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ได้จัดงาน Opportunity Day เพื่อนำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 และแนวโน้มธุรกิจในอนาคต โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมให้ข้อมูล ได้แก่ คุณเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณศิริลักษณ์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ CFO

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ของ TFG มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้:

  • รายได้จากการขาย 18,700 ล้านบาท เติบโต 6% จากไตรมาส 1 ปี 2568
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin) สูงถึง 24% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • กำไรสุทธิ 2,500 ล้านบาท เติบโต 25% จากไตรมาส 1 ปี 2568

สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 36,500 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมี GP Margin อยู่ที่ 22.65% กำไรสุทธิอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท เติบโต 350% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจ ได้แก่:

  • ธุรกิจสุกร: ราคาขายสุกรในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณการขายสุกรในเวียดนามมีการขยายตัว
  • การบริหารจัดการต้นทุน: บริษัทสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

TFG มองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ ดังนี้:

  • การขยายสาขาร้านค้าปลีก: บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาร้านค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะมี 600 สาขา ณ สิ้นปี 2568 และ 850 สาขาในปี 2569 เน้นขยายตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคกลางตอนบน
  • การส่งออก: บริษัทมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม EU ญี่ปุ่น และฮ่องกง
  • ตลาดเวียดนาม: ธุรกิจสุกรในเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้:

  • การแข่งขัน: การแข่งขันในตลาดอาหารมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
  • ความผันผวนของราคา: ราคาวัตถุดิบและราคาขายอาจมีความผันผวน
  • สถานการณ์โลก: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

TFG มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:

  • การบริหารจัดการต้นทุน: บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การกระจายความเสี่ยง: บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจต่างๆ และตลาดต่างๆ
  • การปรับตัว: บริษัทมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

TFG ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือธุรกิจร้านค้าปลีกและการส่งออก บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร โดยมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัย

  • การเติบโตของรายได้: บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 10-15% ต่อปี
  • การควบคุมต้นทุน: บริษัทมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การขยายธุรกิจ: บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 54:40]

  1. ประเด็น: อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) หากหยุดขยายสาขาร้านค้าปลีก

    คำตอบ: หากหยุดขยายสาขา คาดการณ์ Net Profit Margin จะอยู่ที่ 4-6% จากข้อมูลสาขาที่ Mature แล้ว

  2. ประเด็น: แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2568

    คำตอบ: คาดว่ายังคงมีทิศทางที่ดี แม้ราคาเนื้อสัตว์อาจลดลง แต่ราคาวัตถุดิบก็ลดลงเช่นกัน มั่นใจว่าจะยังสามารถทำกำไรได้ดี

  3. ประเด็น: กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี

    คำตอบ:

    • ผลักดันการเติบโตของธุรกิจ Thai Foods Fresh Market (ร้านค้าปลีก)
    • มุ่งเน้นการส่งออกไก่ เพื่อให้ได้ Value มากที่สุด
    • บริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ
  4. ประเด็น: ประมาณการรายได้ปี 2568

    คำตอบ: คาดว่าจะเติบโต 10-15% หรือประมาณ 72,500-75,000 ล้านบาท

  5. ประเด็น: ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ (Geopolitics, เศรษฐกิจชะลอตัว, กำลังซื้อเปราะบาง)

    คำตอบ: TFG ออกแบบองค์กรให้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูง มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตได้ และมองว่าธุรกิจอาหารเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนต้องบริโภค แม้ในภาวะที่โลกมีความผันผวนสูง

  6. ประเด็น: สิ่งสำคัญในการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน

    คำตอบ: การบริหารความเสี่ยงและการจัดการองค์กรให้มีความยืดหยุ่น

  7. ประเด็น: แผนการนำเข้าข้าวโพด DDGS และกากถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ หากเปิดให้มีการนำเข้า

    คำตอบ: หากเปิดให้นำเข้า จะนำเข้าแน่นอน คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากต้นทุนข้าวโพดที่ลดลงประมาณกิโลกรัมละ 1 บาท และกากถั่วเหลืองประมาณ 2% ส่วน DDGS เป็นกากข้าวโพดที่เหลือจากการหมักเอทานอล ซึ่ง TFG เคยใช้ แต่มีข้อจำกัดในการนำเข้า หากมีการเจรจาเรื่องภาษี (Tariff) จะทำให้กระบวนการนำเข้าสะดวกขึ้น

  8. ประเด็น: แนวโน้มราคาขายเนื้อไก่และเนื้อหมู

    คำตอบ: (ตอบไปแล้วก่อนหน้านี้)

  9. ประเด็น: การเติบโตของธุรกิจ Retail ในครึ่งปีหลัง และสัดส่วนการเติบโตของ Same Store Sales Growth (SSSG) ในช่วงครึ่งปีแรก มาจากราคาหรือปริมาณ

    คำตอบ: คาดว่าการเติบโตในครึ่งปีหลังจะมาจากจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น (120 สาขา) และ SSSG ประมาณ 15% SSSG ในช่วงครึ่งปีแรกมาจากราคาส่วนหนึ่ง (3-5%) และปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น รวมถึง Ticket Size ที่ใหญ่ขึ้น

  10. ประเด็น: ธุรกิจ Retail มองการเติบโตของปี 2569 อย่างไร ยัง Aggressive อยู่หรือไม่

    คำตอบ: ยังคง Aggressive โดยปรับเป้าหมายจาก 750 สาขา เป็น 850 สาขา เน้นขยายตลาดต่างจังหวัด (ภาคอีสานและภาคกลางตอนบน)

  11. ประเด็น: มุมมองต่อการที่ Hypermarket เจ้าใหญ่ในไทยหันมาเน้นขายอาหารสดและเนื้อสัตว์

    คำตอบ: มองว่าเป็น Trend และ TFG เป็นเจ้าแรกๆ ที่บุกตลาดนี้ คู่แข่งโดยตรงคือตลาดสดมากกว่า Hypermarket แต่ก็อาจมีผลดีในแง่ของการช่วยกันโฆษณาและส่งเสริมให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม

  12. ประเด็น: ผลกระทบจากการที่แรงงานกัมพูชากลับประเทศ

    คำตอบ: มีผลกระทบบ้างในแง่ของ Shortage แรงงาน แต่ปัจจุบันกลับสู่ภาวะปกติแล้ว และใช้แรงงานเมียนมาและลาวทดแทน โดยแรงงานกัมพูชามีสัดส่วนเพียง 10-15% ของแรงงานทั้งหมด

  13. ประเด็น: โอกาสในการขยายสาขา Retail ไปทางภาคเหนือและภาคใต้

    คำตอบ: ในเบื้องต้นจะยังไม่ขยายเกินพิษณุโลกทางเหนือ และไม่ต่ำกว่าประจวบคีรีขันธ์ทางใต้ เนื่องจาก Logistic Cost แต่ในอนาคตก็ไม่ปิดโอกาสที่จะ Explore

  14. ประเด็น: สัดส่วนลูกค้า B2B และ B2C

    คำตอบ: ปริมาณลูกค้า B2C ประมาณ 70% และ B2B ประมาณ 30% แต่ในแง่ของยอดขาย B2B มีสัดส่วนประมาณ 70% โดยลูกค้า B2B ส่วนใหญ่เป็น Street Food และร้านอาหารรายย่อย

โดยสรุป TFG มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปี 2568 และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยมีธุรกิจร้านค้าปลีกและการส่งออกเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก บริษัทมีความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ และมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โพสต์ล่าสุด