สรุป Oppday NER: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจยางพารา

P/E 4.38 YIELD 8.22 ราคา 4.38 (0.00%)

สรุป Oppday NER: เจาะลึกผลประกอบการ Q2/2568 พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจยางพารา

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายละเอียดดังนี้:

  1. กำลังการผลิตยังคงที่ 515,600 ตัน
  2. ยอดขายอยู่ที่ 111,800 ตัน ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (Q on Q) 15,200 ตัน หรือ 11.97% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year on Year) 21,400 ตัน หรือ 23.69%
  3. รายได้จากการขาย 7,585 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 1,113 ล้านบาท หรือ 12.79% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 1,776 ล้านบาท หรือ 30.57%

ผลิตภัณฑ์ที่ขายได้มากที่สุดคือ STR20 รองลงมาคือ SR Compound และ RSS

  • ยอดขายในประเทศคิดเป็น 75% และต่างประเทศ 25%
  • รายได้ในประเทศคิดเป็น 75% และต่างประเทศ 25%

อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.54% สำหรับไตรมาส 2 และ 10.61% สำหรับงวด 6 เดือน

ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย 85 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 34.65 ล้านบาท หรือ 29% แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 32 ล้านบาท หรือ 60%

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 6.57 ล้านบาท หรือ 14.07%

EBITDA ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 775 ล้านบาท หรือ 10.21% และงวด 6 เดือนอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท หรือ 9.82%

ต้นทุนดอกเบี้ย 137 ล้านบาท หรือ 1.81% สำหรับไตรมาส 2 และ 276 ล้านบาท หรือ 1.70% สำหรับงวด 6 เดือน

กำไรสุทธิ 554 ล้านบาท หรือ 7.30% ของยอดขาย สำหรับไตรมาส 2 และ 1,163 ล้านบาท หรือ 7.14% ของยอดขาย สำหรับงวด 6 เดือน

กำไรต่อหุ้น 0.30 บาทต่อหุ้น สำหรับไตรมาส 2 และ 0.63 บาทต่อหุ้น สำหรับงวด 6 เดือน

สินทรัพย์รวม 20,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 จำนวน 569 ล้านบาท

ROA (ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์) อยู่ที่ 12.18% และ ROE (ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น) อยู่ที่ 27.38%

DE Ratio อยู่ที่ 1.21 เท่า แต่หากคิดเฉพาะหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย จะอยู่ที่ 1.15 เท่า

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากความต้องการยางพาราที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

  • บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรม EV สูง
  • บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า
  • บริษัทได้เชิญโรงงานล้อยางในอินเดียเข้ามา Approve โรงงานเรียบร้อยแล้ว และมีลูกค้าอินเดียอยู่ในมือ 3 เจ้า
  • กำลังทดลองส่งสินค้าไปให้ลูกค้าอินเดียใช้ในกระบวนการผลิต
  • อยู่ระหว่างเชิญ Top 5 โรงงานล้อยางมา Approve เพิ่มเติม

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

บริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน ได้แก่:

  • ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
  • การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด
  • ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจโลก
  • เหตุอัคคีภัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและค่าใช้จ่าย

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:

  • การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างๆ
  • การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม
  • มีการทำประกันอัคคีภัยและวางแผนป้องกันอัคคีภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการจัดซื้อรถดับเพลิงฉีดโฟม และเพิ่มป้อมยามเพื่อเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทคาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจในอนาคตจะยังคงเติบโตต่อไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการยางพาราที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

  • บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ยางพาราที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน
  • มองว่า Supply ยางพาราจะไม่เป็นปัญหาในอนาคต
  • คาดการณ์ว่า Demand จะยังคงมากกว่า Supply ในช่วงแรก แต่จะกลับสู่สมดุลใน 3-4 ปีข้างหน้า

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 31:57]

  1. แนวโน้มไตรมาส 3 ปี 2568 (Q on Q, Year on Year)
    • แนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามเป้าการขายที่ตั้งไว้
  2. ปัจจัยบวก/ลบ ในช่วงที่เหลือของปี
    • ครึ่งปีแรกมาค่อนข้างสูง ปัจจัยบวก/ลบ เริ่มคลี่คลายขึ้นเรื่อยๆ
    • ปัจจัยบวก: เรื่องภาษีที่อเมริกาตั้งขึ้นมาได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกือบทั้งหมดแล้ว
    • ปัจจัยลบ: ปัญหาชายแดน (NER อยู่บุรีรัมย์) ทำให้กังวลเรื่อง Supply วัตถุดิบ แต่ NER มีการจัดการโดยหาแหล่ง Supply เพิ่มเติมทั่วประเทศ และเพิ่มสัดส่วนการซื้อจากอีสานเหนือ
  3. เป้าหมายยอดขายปีนี้
    • ปรับเป้าจาก 500,000 ตัน เป็น 470,000 ตัน (ลดลง 30,000 ตัน) จากปัจจัยเรื่องสงครามชายแดน
  4. เป้าหมายรายได้ปีนี้
    • เป้าเดิมที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว หากนับเป้าปี 2567 กับเป้าใหม่ปี 2568 ต่างกันแค่ 30,000 ตัน
    • ปัจจัย: มีลูกค้าเพิ่ม และมีความต้องการยางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
  5. ยอดรายได้ใน Q3 และ Q4 เทียบกับ Q1 และ Q2
    • ตอบเจาะจงยาก เพราะจะเป็นการชี้นำ ให้ดูผลประกอบการ NER ในปีที่ผ่านมา
  6. แนวทางป้องกันเหตุอัคคีภัยในอนาคต
    • ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
    • วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว: สั่งซื้อรถดับเพลิงฉีดโฟมใช้ภายในหน่วยงาน
    • เหตุการณ์ล่าสุดประเมินว่าถ้ารถดับเพลิงฉีดโฟมได้ จะระงับเหตุได้ตั้งแต่ต้น
    • ใช้ยามมา Monitor เรื่องอัคคีภัย โดยทำป้อมยามใหม่ให้ยาม Monitor 100% ตลอด 24 ชั่วโมง
  7. ค่าเสียหายจากอัคคีภัย 200 ล้าน จะลงบัญชีอย่างไรในไตรมาสถัดไป
    • ลงค่าเสียหายตามความเป็นจริง (เช่น ค่าสินค้าที่ถูกไฟไหม้)
    • สินทรัพย์ถาวร (เช่น รถ หรืออุปกรณ์ต่างๆ) จะลงบัญชีตาม Book Value
    • ส่วนที่ทดแทนจากประกัน: หากตกลงกับประกันได้ชัดเจน จะ Book เป็นรายการเคลมจากประกัน โดยอาจ Book เป็นส่วนหนึ่งของรายได้ครั้งรับไว้
  8. การเลื่อนบังคับใช้ยาง EUDR ออกไป 1 ปี ส่งผลบวก/ลบ อย่างไร
    • มีการเลื่อนมา 1 ปี และจะครบกำหนด 1 มกราคม 2569
    • เริ่มมีบริษัทล้อยางถามเรื่องยาง EUDR เข้ามา และมีการขายออกไปบ้างแล้ว
  9. เทรนด์การโค่นต้นยางไปปลูกทุเรียน
    • ถือว่านิ่งแล้ว ตอนนี้ทุเรียนก็เริ่มมีปัญหา
  10. หากเกษตรกรยังเปลี่ยนไปปลูกทุเรียนมากขึ้น จะกระทบ Supply ยางของบริษัทหรือไม่
    • กระทบบ้าง แต่หลักๆ ถ้าเกษตรกรจะเปลี่ยน จะเปลี่ยนจากไม้ล้มลุก ไม่ใช่ไม้ยืนต้น ยางจะเป็นสิ่งที่เกษตรกรตัดสินใจช้าที่สุด
    • ส่วนมากจะโค่นยางบางส่วน และปลูกพืชอื่นบางส่วน (เช่น ครึ่งหนึ่งเป็นทุเรียน ครึ่งหนึ่งเป็นยาง)
    • ผลกระทบมีบ้าง แต่ไม่เยอะมากเหมือนที่คิด
  11. มุมมองผู้บริหารต่อการเจาะยางแทนการกรีดยาง
    • เป็นนวัตกรรมใหม่ แต่ยังส่งผลกระทบจากการทำงานของเกษตรกร
    • ท่อที่เจาะเอาแก๊สเข้าไปในต้น เกษตรกรยังดูแลได้ไม่ดี ยังตกลงไปในถ้วยยางคืน ทำให้ปนเปื้อนในสวนยาง
    • NER ยังไม่สามารถบอกได้ว่าดีหรือไม่ดี
    • ฝากเรื่องท่อน้ำ/ท่อแก๊สที่เอาเข้าไปในต้นยาง ต้องช่วยกันระวังดีๆ ไม่เช่นนั้นเกษตรกรจะถูกปรับได้เยอะ
  12. เหตุอัคคีภัยเกิดจากการทำงาน จะเคลมประกันได้หรือไม่
    • เคลมได้ 100% เพราะเป็นอุบัติเหตุ
  13. เป้าหมายรายได้ปีนี้
    • เดิม 34,000 ล้าน ปรับลงเหลือ 32,500 ล้านบาท
  14. สาเหตุที่ปรับเป้าลงจาก 500,000 ตัน เป็น 470,000 ตัน
    • ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการซื้อวัตถุดิบ
  15. มีการขายล่วงหน้า 3 เดือน สินค้าที่ขายไปแล้วแต่ไฟไหม้ มีแนวทางจัดการอย่างไร เคลมประกันใช้เวลากี่เดือน
    • สินค้าที่ถูกไฟไหม้มีมูลค่า/ปริมาณประมาณ 2-3 พันตัน
    • สิ่งที่ทำคืนมาได้: สามารถจัดการคืนได้แล้วภายใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
    • การเคลมประกัน: ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าใช้เวลากี่เดือน
    • ราชการเข้ามาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว น่าจะได้ผลตรวจภายในอาทิตย์นี้
    • ส่วนการเคลมประกันขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
  16. ความคืบหน้าของโรงงานยางแท่งแห่งที่ 3
    • กลับมามีแนวคิดที่จะมีโรงงานแห่งที่ 3
    • ทุกครั้งที่ประกาศสร้างโรงงาน จะเกิดปัญหา/วิกฤตของโลก/พื้นที่
    • ในใจยังอยากสร้างเหมือนเดิม จะเอาเข้าบอร์ดใน Q3 ปีนี้ เพื่อให้บอร์ดทราบเรื่อง และดูว่าบอร์ดมีความเห็นอย่างไร
    • กำลังการผลิต 800,000 ตันต่อปี: Supply ที่เห็นอยู่ตอนนี้ มั่นใจว่าไม่ขาดแคลนในโรงงาน
  17. ปัจจุบันยังมีประเทศที่หันมาปลูกยางแบบ Ivory Coast ที่เริ่มปลูกยางอย่างจริงจังเพิ่มบ้างไหม
    • เห็น Ivory Coast ปลูกอย่างจริงจัง
    • แอฟริกายังมีไนจีเรีย เคนย่า และอีกหลายประเทศปลูกยาง แต่ยังไม่จริงจังเท่า Ivory Coast
    • มองว่าในแอฟริกาในอนาคตน่าจะมี Supply ยางเพิ่มขึ้นได้
    • อีกประเทศคือกัมพูชา ที่มีพื้นที่ว่างเยอะ ก็มีการเอามาปลูกยางพาราเยอะเหมือนกัน
    • ประเทศไทย: มีการปลูกยางใหม่ทดแทนบ้างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
    • Supply ที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาในอนาคต กลับไปกลับมาน่าจะไม่ใช่ปัญหาแล้ว
    • Demand: มีอัตราการเพิ่มทุกปีประมาณ 2% ตามสถิติที่ผ่านมา ถ้าปี 2569 หรือ 2570-71 ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ถ้า Demand ยังเป็นแบบที่คิด (เศรษฐกิจโลกดี ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ) ช่วงแรกๆ Demand ยังจะมากกว่า Supply ที่เพิ่มขึ้น แต่ช่วงถัดๆ ไปมองว่าความ Balance ระหว่าง Demand กับ Supply จะมีขึ้นในอนาคต 3-4 ปีข้างหน้า
  18. ขอทราบเรื่องโรงงานที่ 3 กำลังการผลิต 3 โรงรวมกัน 800,000 ตันต่อปี จะกังวลเรื่อง Supply ไหม
    • ตอบไปแล้วว่าใจอยากสร้าง จะเอาเข้าบอร์ด Q3
    • กำลังการผลิต 800,000 ตัน: Supplier ที่คบค้าอยู่ มั่นใจว่าจะไม่ขาดแคลน

โดยสรุป, NER มีผลการดำเนินงานที่เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า บริษัทกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน แต่มีแผนการรับมือที่ชัดเจน และยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะจากตลาดยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม

โพสต์ล่าสุด