บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SAK สรุปผลประกอบการปี 2568 ครึ่งปีแรก พอร์ตสินเชื่อโตต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์คุมเข้มคุณภาพหนี้
P/E 7.82 YIELD 5.36 ราคา 3.36 (0.00%)
SAK สรุปผลประกอบการปี 2568 ครึ่งปีแรก พอร์ตสินเชื่อโตต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์คุมเข้มคุณภาพหนี้
สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 วันนี้ผม ศิวพงษ์ บุญสาลี และคุณเรณู วิราศรี จะรับหน้าที่ในการให้ข้อมูลผลการดำเนินงานประจำรอบ 6 เดือนของปี 2568 ครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 และรอบครึ่งปีนี้ พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น มาจบอยู่ที่ 14,900 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 11.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว และเติบโตขึ้นมา 3.3% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 1
ในส่วนของรายได้รวม 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,686 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และโตขึ้นมา 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 สำหรับกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 439 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นมา 11.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในด้านของพอร์ตสินเชื่อ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวน 1,582 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นมา 11.9% ส่วนที่เพิ่มขึ้นมามากที่สุดคือสินเชื่อที่ดิน อยู่ที่ 1,050 ล้านบาท ส่วนที่รองลงมาคือสินเชื่อทะเบียนรถ เพิ่มขึ้นมาประมาณ 216 ล้านบาท โดยรวมแล้วพอร์ตสินเชื่อของบริษัทมีสินเชื่อที่มีหลักประกันประมาณ 90% และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน 10% ในจำนวนนี้จะเป็นรถกระบะประมาณ 5,200 ล้านบาท รถเพื่อการเกษตรประมาณ 2,660 ล้านบาท เป็นรถจักรยานยนต์ประมาณ 1,900 ล้านบาท เป็นโฉนดที่ดิน 1,700 ล้านบาท และเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท เป็นส่วนที่เป็นรถเก๋งประมาณ 1,200 ล้านบาท นอกจากนั้นก็เป็นสินเชื่อประเภทอื่นๆ รวมถึงพวกโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์แอร์
บริษัทมีรายได้จากรายได้หลักมาจากสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นสัดส่วนประมาณ 87.7% ของรายได้รวมทั้งหมด รายได้รวมทั้งหมดนั้นอยู่ที่ 1,631 ล้านบาท มีการเพิ่มขึ้นมา 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมในการให้สินเชื่อจำนวน 1,631 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายบริการและบริการอื่นๆ อีกจำนวน 55 ล้านบาท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.6% มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 26.5% อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.6% และ 13.8% ตามลำดับ ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 18.2% โดยมีอัตราดอกเบี้ยรับโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22.6% และอัตราดอกเบี้ยจ่ายโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4.4%
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 บริษัทมีคุณภาพของพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่ใน Stage 1 หรือเป็นพอร์ตลูกหนี้ที่ดีอยู่ที่ 93.2% อยู่ที่ Stage 2 หรือเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าจับตาระวังอยู่ที่ 4.2% และเป็น Stage 3 หรือ NPL อยู่ที่ 2.6% มีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หรือ ECL นโยบายคือจะต้องตั้งเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 100% ของบริษัท บริษัทได้ตั้งเอาไว้ประมาณ 2.7% ของพอร์ตสินเชื่อ
ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน หรือที่เรียกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เป็นสัดส่วนอยู่ที่ 74.4% ของพอร์ตสินเชื่อโดยรวมทั้งหมด ส่วนที่ 2 ที่เป็นสัดส่วนที่มากคือสินเชื่อที่ดิน ประมาณ 11.8% ของพอร์ตสินเชื่อโดยรวม ถัดมาจะเป็นสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เน้นไปในเรื่องของการนำไปใช้ประกอบอาชีพ เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน อันนี้จะอยู่ที่ 8.5% ของพอร์ตสินเชื่อโดยรวมทั้งหมด นอกจากนี้ก็จะมีสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์อยู่ที่ประมาณ 4.1% ส่วนที่เหลือจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 1.2% และสินเชื่อพวกโซลาร์รูฟ สินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร ซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก
สำหรับปีนี้ บริษัทได้มีการดำเนินการเพิ่มจำนวนสาขาขึ้นมา 50 แห่ง ดำเนินการแล้วเสร็จไปเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และมีเพิ่มขึ้นมาอีก 2 แห่งในเดือนมิถุนายน ดำเนินการไปครบถ้วน ทำให้ตอนนี้มีสาขาทั้งหมด 1,079 แห่ง
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
เป้าหมายในการดำเนินงานและโดยเฉพาะในเรื่องของการขยายพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 14,600 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 ได้มีการทบทวน เพราะว่ามันผ่านมาแล้วถึง 2 ไตรมาส ได้มีการทบทวนก็คิดว่าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อที่จะเติบโตได้ของปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8-10% ในขณะที่จะยังสามารถรักษาอัตราส่วนของ NPL ต่อพอร์ตสินเชื่อโดยรวมเอาไว้ได้ที่ 2.5%
พัฒนาการที่สำคัญในไตรมาสที่ 2 นี้ก็ยังไม่มี ได้มีการดำเนินการในด้านที่จะปิดบริษัทย่อยแห่งหนึ่งก็คือศักดิ์สยาม เมกะโดน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมาส่วนหนึ่ง ดำเนินการได้เรียบร้อยไปแล้ว โครงสร้างผู้ถือหุ้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของผู้ถือหุ้น กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของครอบครัวบุญสาลี และผู้ถือหุ้น รายลำดับรองๆ ลงมา
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ได้มีการทบทวนตัวเลขประมาณการเติบโต คือเมื่อตอนต้นปีนี้แจ้งไว้ว่าน่าจะเติบโตขึ้นมาได้ประมาณ 15% พอผ่านมาแล้วครึ่งปีเห็นว่าจากสิ่งที่เราทำได้และดูจากสภาวะในเรื่องของด้าน ลูกหนี้ก็ดี ในเรื่องของด้านเครดิต การสนับสนุนจากทางสถาบันการเงินที่เราได้รับอยู่ก็ดี คิดว่าการเติบโตที่ทำได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8-10% มีการปรับประมาณการลดลง ส่วนที่ 2 คือจะมีการควบคุม บริษัทจะเพิ่มการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของการให้สินเชื่อ เรื่องของวงเงินต่างๆ ก็ดี เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าตัวเลขสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเป็นสินเชื่อที่ไม่มาสร้างเป็นปัญหา เพราะว่าเราต้องการที่จะควบคุมในเรื่องของคุณภาพหนี้ ทั้ง Stage 1, Stage 2, Stage 3 ควบคู่กันไปด้วย
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:25:50]
-
**ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น:** ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ ทั้งที่ไม่ได้มีการขยายสาขาในไตรมาสนี้
- **คำตอบ:** ส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินการเรื่องของการปิดบริษัทย่อย ทำให้มีการบันทึกด้อยค่าของเงินลงทุน ซึ่งในไตรมาส 2 บันทึกไปเพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท รวมกับไตรมาสแรก ตอนนี้ก็บันทึกไปได้ประมาณ 23 ล้านบาท น่าจะเหลืออีกประมาณ 10 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 หากนำตัวค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำไปหักจากตัวที่เป็นกำไรปกติ จะทำให้ตัวกำไรนั้นเพิ่มขึ้นและคิดเป็นการเติบโตอยู่ประมาณ 16%
-
**ผลกระทบจากปัญหาชายแดนกัมพูชา:** ปัญหาชายแดนกัมพูชาจะส่งผลอย่างไรต่อบริษัท ถ้ามองไปถึงสิ้นปี
- **คำตอบ:** ครั้งที่ผ่านมานี้ไม่ได้มีผลกระทบ เพราะว่าบริษัทก็มีสาขาอยู่ 4 จังหวัดที่ติดกับชายแดนกัมพูชาบ้าง แต่ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้ง หรือว่าปัญหาของผู้อพยพ
-
**ราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ:** ราคาผลผลิตเกษตรที่ตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าว จะทำให้หนี้เสียเพิ่มขึ้น หรือว่ามีแนวโน้มเร่งตัวที่จะเป็นหนี้เสียเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
- **คำตอบ:** เป็นคำถามที่ตรงกับความ เป็นห่วงของทางฝ่ายจัดการเหมือนกัน คือเราก็ไปดูในเรื่องของดัชนีราคาผลผลิต และดัชนีปริมาณผลผลิตทางการเกษตร อันนี้ก็ เท่าที่ดูจากสถิติของทางภาครัฐ ซึ่งเขาก็อัปเดตทุกเดือนอยู่แล้ว คือปีนี้นี่ราคา ผลผลิตของพืชที่เป็นหลัก โดยเฉพาะพืชไร่เนี่ยแล้วก็ข้าว ก็ลดลง แต่ว่ามันก็ถูก offset กันด้วยปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ท้องตลาด ที่เพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นโดยรวม รายได้ของของเกษตรกรเนี่ย ก็อาจจะ จะไม่ได้ลด ลงมาก แต่ก็อาจจะมีบางรายที่ได้รับผลกระทบ จริงๆ อันนี้เราก็ เราก็ดูอยู่ ก็ว่ากันเป็น เป็นกลุ่มๆ เป็นส่วนๆ ไป
-
**ผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าน:** น้ำท่วมหนักที่จังหวัดน่าน ช่วงเดือนกรกฎาคมมีผลต่อบริษัทอย่างไรบ้าง
- **คำตอบ:** อย่างแรกเลยก็คือจะมีสาขาประมาณเกือบ 20 แห่งที่ได้รับผลกระทบ แล้วก็มีที่ว่าน้ำเข้ามาท่วมขัง แล้วก็ท่วมสูงน่ะก็อยู่ประมาณเกือบ 10 แห่ง มีพนักงานบ้านเรือนพนักงานได้รับผลกระทบก็ หลายสิบหลังคา ก็เกิน เกิน เกิน 60-70 หลังคาเรือน อันนี้ก็ บริษัทก็ต้อง ดูแล ให้ความช่วยเหลือ อาจจะต้องมีการหยุด ปิดที่ทำการ แล้วก็ให้พนักงานหยุด หยุดงานไป เพื่อดูแล ทรัพย์สิน ที่เป็นบ้านช่อง คือเดินทางมาทำงานไม่ได้ กับลูกค้าก็จะ มีบางกลุ่มที่ ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ ใกล้กับ ใกล้กับแม่น้ำ น้ำเป็นน้ำที่ว่า น้ำน่ะเป็นน้ำป่าแล้วก็ไหลมาเยอะ ทำให้น้ำที่มาตาม ตาม ตามแม่น้ำ ก็จะเรียกว่าล้นตลิ่งขึ้นมา
-
**ไตรมาสที่รายได้สูงสุด/ต่ำสุด:** ปกติบริษัทจะมีรายได้สูงสุด ต่ำสุดในไตรมาสไหนของปี
- **คำตอบ:** จริงๆ แล้วเนี่ยคือพอร์ตสินเชื่อเนี่ยของเรานี่มันโตขึ้นมาทุกๆ ไตรมาส ตราบใดที่พอร์ตสินเชื่อยังมีการเพิ่มขึ้น ในรายได้ในไตรมาสต่อๆ ไปก็จะ มัก มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะไม่ได้ต่ำกว่าเดิม ถ้าสมมุติเป็นกรณีพอร์ตสินเชื่อ พอร์ตสินเชื่อเนี่ยมันจะ มันจะเพิ่มมากที่สุดก็ในช่วง ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 3 ของปี จริงๆ แล้วก็คือ ก็ก็จะเพิ่มทุกไตรมาสแหละ แต่ว่าไตรมาส 2 ไตรมาส ไตรมาส 3 เนี่ย พอร์ตจะเติบโตขึ้นมาเร็วที่สุด
-
**ควบคุมคุณภาพลูกหนี้ควบคู่ขยายสาขา:** บริษัทมีวิธีการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ อย่างไร ควบคู่กับกลยุทธ์การเพิ่มสาขา เพราะตอนนี้เปอร์เซ็นต์ NPL เกิน เกินกรอบที่บริษัทวางไว้แล้ว
- **คำตอบ:** สำหรับปีนี้เนี่ยเราก็ได้สังเกตเห็นว่ามันมีแนวโน้ม ของหนี้ในกลุ่ม Stage 2 ที่ เริ่มขึ้นมาแตะเพดานที่ตั้งเอาไว้ก็คือประมาณ 5% ซึ่งหนี้ Stage 2 น่ะถ้าสูงขึ้นมันก็จะไหลลงมา ในที่สุดก็ส่วนหนึ่งก็จะลงมาเป็นหนี้ Stage 3 หรือ NPL ด้วย อันนี้ก็บริษัทก็ได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ ในไตรมาสที่ 1 ในการที่จะจำกัดและควบคุม เช่นควบคุมในเรื่องของวงเงิน การให้สินเชื่อ ควบคุมในเรื่องของอำนาจอนุมัติ แล้วก็เราก็ปรับ ทำการควบคุมให้ ให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดูว่าในพื้นที่ไหนหรือว่าสาขาไหนที่ยัง ยังไม่ ยัง ยัง perform ไม่ดี แล้วก็ต้องให้เข้าไปแก้ไขปัญหาก่อน อันนี้พอดำเนินการมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ผ่านมา 3 เดือนนะครับ มาถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 นะครับ ก็พบว่า มันทำให้ตัวเลขของหนี้ใน Stage 2 เนี่ยก็มีการปรับตัวที่ดีขึ้น ดีขึ้นก็คือหมายความว่ามันก็ลดลงจากประมาณ 5% เนี่ยมันก็เหลือประมาณ 4% ต้นๆ นะครับ อันนี้เราก็เชื่อว่า ถ้า ถ้าการควบคุมเนี่ยถ้ามันได้ผล มันจะทำให้ตัวเลข NPL ในไตรมาสต่อๆ ไปมันก็น่าที่จะไม่เพิ่มขึ้น แล้วก็มีโอกาสที่จะลดลงด้วย
-
**เน้นปล่อยสินเชื่อที่ดินมากขึ้น:** บริษัทเน้นปล่อยสินเชื่อที่ดินมากขึ้น หากดู หากลูกหนี้นะคะชำระไม่ได้ มีปัญหาในการ มี จะมีปัญหาในการขายหลักทรัพย์นั้นหรือเปล่าคะ เพราะว่าช่วงนี้ก็เศรษฐกิจไม่ดี
- **คำตอบ:** ท่าน ท่านผู้ถามก็เป็นห่วงว่า ในการ ถ้าหากว่าเป็นหนี้เสียขึ้นมา แล้วก็ หากต้องการขายหลักประกันเพื่อชำระหนี้จะทำให้มีปัญหาหรือไม่ สินเชื่อที่ดินปกติมันจะใช้เวลาในการที่กว่าที่จะประกาศ ขายนะครับ ถ้าหากว่าเป็นปัญหาขึ้นมา แล้วก็ผมคิดว่ามันจะนานกว่าสินเชื่อทะเบียนรถโดยทั่วๆ ไปอยู่ ใช้เวลาอาจจะประมาณปีหนึ่งนะ กว่าที่จะนั่นได้ แต่ว่าของเรานี่ก็ ทำการป้องกัน โดยการที่เราไม่ได้ให้ ให้ สินเชื่อเต็มมูลค่าที่ดิน แล้วก็เต็มราคาประเมิน แล้วก็ เป็นวงเงินที่มองแล้วก็ไม่ได้สูงมากนะครับ ทำให้ลูกค้าน่ะมีโอกาสที่จะ มีช่องทางที่จะนำเงินมาปิด ปิด หนี้ที่ ค้างชำระบริษัทอยู่ได้ ดูจากสถิติที่ผ่านมาเนี่ย สินเชื่อที่ดินเราทำมาประมาณ 2 ปี ก็ยังมีกรณีที่ ที่เป็นหนี้เสียอยู่ แล้วก็ที่ยังเป็นหนี้เสียที่ ที่ต้องใช้เวลาในการจัดการค่อนข้างมากเนี่ยมีอยู่ไม่มากนัก
-
**แผนของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง:** ขอให้สรุปแผนของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง ว่าจะมีทิศทางเป็นยังไงบ้าง
- **คำตอบ:** ได้มีการทบทวนตัวเลขประมาณการเติบโต คือเมื่อตอนต้นปีนี้จำได้ว่าแถลงไว้ว่ามันน่าจะเติบโตขึ้นมาได้ประมาณ 15% พอผ่านมาแล้วครึ่งปี เราก็เห็นว่าจากสิ่งที่เราทำได้แล้วก็ดูจากสภาวะในเรื่องของด้าน ลูกหนี้ก็ดี ในเรื่องของด้านเครดิต การสนับสนุนจากทางสถาบันการเงินที่เราได้รับอยู่ก็ดี คิดว่าการเติบโตที่ทำได้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8-10% มีการปรับประมาณการลดลง ส่วนที่ 2 ก็คือจะมีการควบคุม บริษัทจะเพิ่มการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของการให้สินเชื่อ เรื่องของวงเงินต่างๆ ก็ดี เพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าตัวเลขสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเป็นสินเชื่อที่ ไม่ ไม่มาสร้างเป็นปัญหา เพราะว่าเราต้องการที่จะควบคุมในเรื่องของคุณภาพหนี้ ทั้ง Stage 1, Stage 2, Stage 3 ควบคุมกันไปด้วย
-
**LTV ในสินเชื่อแต่ละประเภท:** บริษัทมี LTV ในสินเชื่อแต่ละประเภทเป็นอย่างไรบ้าง
- **คำตอบ:** ถ้าเป็นสินเชื่อ ถ้าเป็นสินเชื่อทะเบียนรถเนี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 80-90% อยู่ในระหว่างนี้ แล้วก็จะมีการปรับลดลงมาเรื่อยๆ ตาม ตาม ตามรอบ การบัญชี ถ้าเป็นสินเชื่อที่ดินจะอยู่ที่ประมาณ 50-60% เป็นราคาที่ประเมินตาม ตาม ตามข้อมูลของทางกรมที่ดิน สินเชื้อมอเตอร์ไซค์อันนี้จะอยู่ที่ประมาณ 90% ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ใหม่
-
**ดอกเบี้ยลดลง:** ดอกเบี้ยที่ กนง. ประกาศลดลง จะส่งผลดีต่อ อัตรา อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยจ่าย หรือ ผลต่างอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ซึ่ง บริษัท จะได้รับผลดีนี้อย่างไร
- **คำตอบ:** ในปัจจุบันทุกๆ ธนาคารก็ประกาศลดลง ทั้งหมด ก็จะทำให้ ดอกเบี้ยของเราเนี่ยก็คือได้รับลดลงทันที โดยประมาณว่าสิ้นปีนะคะ ก็คือเมื่อสักครู่ที่รายงานไปเนี่ย อัตราดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 4.4 นะคะ ก็คาดว่า สิ้นปีเนี่ยก็จะอยู่ที่ประมาณ 4.2 ค่ะ มันเหมือนกับว่าลด การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เนี่ยของ กนง. เสร็จแล้วปุ๊บทางสถาบันการเงินที่เรา ใช้บริการอยู่ก็ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ในอัตราที่เท่าๆ กันนะ คือ 0.25% แล้วก็มีผลแทบจะโดยทันทีด้วย ก็ทำให้ในในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้บริษัทก็จะได้รับอานิสงส์จากส่วนนี้เข้าไปด้วย มีผลโดยทันทีเนาะ ใช่ค่ะ เพราะว่าของเราที่กู้จะเป็น MLR ค่ะ ก็ ก็ได้ผล อ่า ได้ ได้ ประโยชน์ทันทีนะคะ
-
**แนวโน้ม NPL ครึ่งปีหลัง:** แนวโน้ม NPL ครึ่งปีหลัง จะยังเป็นปกติหรือเปล่า
- **คำตอบ:** เราจะพยายามควบคุมให้อยู่ในกรอบที่ตั้งเอาไว้ก็คือที่ 2.5% ก็โดยวิธีการที่ได้เรียนไปจากคำถามในข้อ ข้อก่อนหน้านี้นะครับว่า ก็ตั้งใจที่จะคุมนะหนี้ Stage 2 ให้ ให้ดีขึ้นนะครับ ก็เพื่อที่ว่า มันจะได้ไหลลงมาอยู่ที่ Stage 3 น้อยลง
-
**ลูกหนี้ Stage 2 ลดลง:** ลูกหนี้ Stage 2 ลดลงค่อนข้างเยอะ อยากให้ช่วยขยายความว่าบริษัทได้ ทำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
- **คำตอบ:** สังเกตว่าจาก ลดลงจาก 5% ในไตรมาสที่ 1 เหลือ 4% 4.2% ในไตรมาสที่ 2 อันนี้มันก็ มันก็เกิดจากการดำเนินงานที่ ที่ตั้งแต่ไตรมาสที่แล้วอะนะครับ คือพอเราเห็นว่านี่ Stage 2 มันเริ่ม มาที่จะขึ้นไปแตะเรียกว่าเพดานที่มันเป็นนโยบายของเรา เราก็เริ่มมีการ เข้ามาควบคุมแล้วก็บริหารหนี้นะครับชั้นหนี้ ในส่วน ในส่วนนี้นะครับ ตั้งใจทำเป็นพิเศษ ตั้งแต่ก่อนจะสิ้นไตรมาสที่ 1 ทีนี้พอมันผ่านระยะเวลา เค้าเรียกมันต้องมีระยะเวลาดูใจนะ ประมาณ 3 เดือนนะ พอมาถึงสิ้นไตรมาสที่ 2 เนี่ย มันก็ปรับตัวขึ้นมา ดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.2%
-
**ขยายสาขาไปภาคใต้:** บริษัทมีแผนขยายสาขาไปทางภาคใต้บ้างไหม
- **คำตอบ:** ปีนี้ยัง เปิด 50 สาขา เพิ่มขึ้นมานี่ก็อยู่ในพื้นที่ที่เรา คิดว่าดูแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสร้างลูกค้า ขึ้นมาได้ ได้ ได้ โดยเร็ว ได้เร็วที่สุด
-
**Worsecase NPL ปีนี้:** Worst case NPL ปีนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่
- **คำตอบ:** มันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2. 2.7% ไม่เกินนี้ อันนี้น่าจะเป็น worst case แต่ว่า 2.6 นี่เราก็ ผมคิดว่า 2.5 นี่ก็คง ก็น่า น่าจะมีโอกาสทำได้ ในช่วงปลายปี
-
**เรื่องของราคาลด:** เรื่องของราคารถ ในกลุ่มสินเชื่อทะเบียนรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แล้วก็มีโอกาสในการที่จะตั้งสำรองมากน้อยแค่ไหน
- **คำตอบ:** ราคา รถเนี่ย มัน เท่าที่ดูนะ คือเรามีการ ปกติแล้วถ้าต้องยึดรถมาขายเนี่ย ก็ ที่ผ่านมามันจะต้องขาย ขายแล้วจะขาดทุน เพราะว่าถ้ามีส่วน ต่างๆ ของของกำไรเนี่ย เราจะต้องนำไปคืน ให้กับ ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ทีนี้มันมีบางช่วงที่ว่า อย่างในช่วงปีที่แล้ว หรือ 2 ปีก่อนเนี่ย อันเนี้ยราคาเนื่องจากว่ามันมีรถมือสองเข้ามาในท้องตลาดมาก มากเป็นพิเศษ ราคารถมือสองมันตกลง ช่วงนั้นจะขาดทุนจากการขายรถยึดจะมากอยู่ แต่ว่า ในปีนี้นะครับ ก็สังเกตดูเนี่ย การขาดทุนเนี่ยมันลดลง จะอยู่ที่ประมาณ 10% ต้นๆ 12% ไม่เกินนี้ ในขณะที่จะปีก่อนๆ นั้น มันขึ้นมาเกือบประมาณ 20% นะครับ ก็ผมคิดว่าราคา การขาดทุนจากการ จากการขายรถ รถที่ยึดมาได้เนี่ย ก็มีแนวโน้มที่จะค่อนข้างทรงตัว แล้วก็ดูจากจำนวนรถที่ยึดเข้ามาในปีนี้ก็ ไม่ได้มากกว่าปีที่แล้ว ในวันนี้ต้องเรียนว่าไม่ได้มากกว่า แล้วก็มูลค่าการขายขาดทุนก็ ก็ ก็น้อยกว่าปีที่แล้ว
-
**ตัดหนี้สูญออกจากงบ:** ถ้ารight off ตัว bad debt ออกไปแล้ว จะยังเป็น NPL ในไตรมาสหน้าหรือไม่ ถ้ามีการตัดหนี้ศูนย์ออกไปแล้ว ตัดหนี้สูญออกไปแล้วจะเป็น NPL หรือไม่
- **คำตอบ:** ข้อ 20 ถ้าเกิด right off นะคะตัว bad debt ออกไปแล้วเนี่ย เอ่อ จะยังเป็น NPL อยู่ไหม ก็ถ้าตัดหนี้สูญออกไปแล้วก็ไม่ ไม่มี NPL ไม่ได้เป็น NPL แล้วค่ะ แต่ว่าหนี้ศูนย์นี่มันจะ มันจะ เอามาทำยังไงต่อ มันจะมี เราจะไป ก็ยังมีทีมงาน เราก็ยังติดตาม ใช่ค่ะ เราก็ยังมีการติดตามอยู่ค่ะ ก็จะได้ เป็น ลักษณะเป็นหนี้สูญได้รับกลับคืน ก็ยังพอมีบ้างค่ะ
- **แผนซื้อหุ้นคืน:** ทางบริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนหรือไม่ครับ เนื่องจากราคาหุ้น ปัจจุบันค่อนข้าง ค่อนข้างจะถูก อย่างนะครับ ผมคิดว่าเราตอนนี้ เราพยายามที่จะระวัง ในเรื่องการบริหารในเรื่องของเงินสดนะ เงินสดในมือ คือไม่ได้มีเงินสดเก็บเอาไว้มาก ถ้ามีก็ รีบนำไปชำระคืน คืนสถาบันการเงินเพื่อที่จะประหยัด ต้นทุนทางด้านดอกเบี้ย ก็ไม่ได้มีแคชในมือเหลือ เหลืออยู่มาก
สำหรับไตรมาสนี้ขอเรียนว่าในภาพรวม บริษัทก็ พอร์ตสินเชื่อก็ยังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาจากต้นปีแล้วก็จาก ช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ อยู่ประมาณตามตัวเลขที่ ได้ ได้รายงานไปแล้ว มีรายได้และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน เนื่องสถานการณ์ ทางด้าน เครดิตต่างๆ ก็ทำให้เรา ตัดสินใจที่จะทบทวนแล้วก็ปรับประมาณการการเติบโตปลายปีลง จากเดิมที่ตั้งเอาไว้ 15% ก็จะอยู่ที่ประมาณ อยู่ระหว่าง 8-10% คงจะ จะไม่เกินนี้ อันนี้ก็ เป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้ ในขณะเดียวกันในเรื่องของการ ควบคุมในเรื่องของคุณภาพหนี้นะครับ อันนี้ก็จะเริ่ม มีความท้าทายมากขึ้น แต่บริษัทก็จะพยายามทำให้ท่านเห็นนะครับ ในทุกๆ ไตรมาสว่า เรื่องนี้บริษัทยังสามารถที่จะควบคุมได้ดี อย่างน้อยก็ไปจนถึงสิ้นปี โดยการที่เราเข้ามา Active management จัดการอย่าง อย่าง อย่าง ค่อนข้างจะ Active นะครับ ก็เริ่มทำมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ก็เริ่มเห็น ผลนะครับ ในไตรมาสนี้แล้วก็จะทำต่อเนื่องไปนะครับ อย่างน้อยก็ไปจนถึงสิ้นปี
โดยหลักๆ ของ ก็โดยหลักๆ ของ ก็มีคำถามเพิ่มขึ้นมา หรือ อ๋อ ค่ะ ถ้ารight off ตัว bad debt ออกไปแล้ว จะยังเป็น NPL ในไตรมาสหน้าหรือไม่ครับ ถ้ามีการตัดหนี้สูญออกไปแล้ว ตัดหนี้สูญออกไปแล้วจะเป็น NPL หรือไม่ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ก็คำถาม ข้อ 20 นะคะ ถ้าเกิด right off นะคะ ตัว bad debt ออกไปแล้วเนี่ย เอ่อ จะยังเป็น NPL อยู่ไหม ก็ถ้าตัดหนี้สูญออกไปแล้วก็ไม่ ไม่มี NPL ไม่ได้เป็น NPL แล้วค่ะ แต่ว่าหนี้สูญนี่มันจะ มันจะ มันจะ เอามาทำยังไงต่อ มันจะมี เราจะไป ก็ยังมีทีมงาน เราก็ยังติดตาม ใช่ค่ะ เราก็ยังมีการติดตามอยู่ค่ะ ก็จะได้ เป็น ลักษณะเป็นหนี้สูญได้รับกลับคืน ก็ยังพอมีบ้างค่ะ
ทางบริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนหรือไม่ครับ เนื่องจากราคาหุ้น ปัจจุบันค่อนข้าง ค่อนข้างจะถูก ยังนะครับ ผมคิดว่าเราตอนนี้ เราพยายามที่จะระวัง ในเรื่องการบริหารในเรื่องของเงินสดนะ เงินสดในมือ คือไม่ได้มีเงินสดเก็บเอาไว้มาก ถ้ามีก็ รีบนำไปชำระคืน คืนสถาบันการเงินเพื่อที่จะประหยัด ต้นทุนทางด้านดอกเบี้ย ก็ไม่ได้มีแคชในมือเหลือ เหลืออยู่มาก น่าจะ คำถามน่าจะหมดแล้วค่ะ วันนี้รวดเร็วมาก
โดยสรุป SAK ยังคงเติบโตได้ดีในครึ่งปีแรกของปี 2568 โดยมีพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงได้ปรับประมาณการการเติบโตลงเล็กน้อย พร้อมทั้งมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพหนี้อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
**หัวข้อคำถามที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบ:** * ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น * ผลกระทบจากปัญหาชายแดนกัมพูชา * ราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ * ผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าน * ไตรมาสที่รายได้สูงสุด/ต่ำสุด * ควบคุมคุณภาพลูกหนี้ควบคู่ขยายสาขา * เน้นปล่อยสินเชื่อที่ดินมากขึ้น * แผนของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง * LTV ในสินเชื่อแต่ละประเภท * ดอกเบี้ยลดลง * แนวโน้ม NPL ครึ่งปีหลัง * ลูกหนี้ Stage 2 ลดลง * ขยายสาขาไปภาคใต้ * Worsecase NPL ปีนี้ * เรื่องของราคาลด * ตัดหนี้สูญออกจากงบ * แผนซื้อหุ้นคืน