สรุปด้วย AI(O) BOT

## สรุปผลประกอบการและวิเคราะห์บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ปี 2567

บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ด้วยกำไรสุทธิ 172.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.1% จากปี 2566 รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 2,884.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% การเติบโตนี้มาจากรายได้จากแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ทดแทน แม้ว่ารายได้จากตลาดผู้ประกอบการยานยนต์ในประเทศและส่งออกจะลดลง ต้นทุนขายลดลงเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนต่อรายได้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 23.83% บริษัทได้ดำเนินการโครงการปรับปรุงกำลังการผลิตและลดการใช้พลังงานสำเร็จ

สินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,813.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า สินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากเงินสดที่เพิ่มขึ้น หนี้สินรวมอยู่ที่ 593.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่า 1,220.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวกที่ 458.90 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรจากการดำเนินงาน และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2566 เนื่องจากการปรับปรุงด้านต้นทุนการผลิต ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยลดลงเป็น 48 วัน เนื่องจากการติดตามลูกหนี้การค้าของบริษัท ระยะเวลาการจ่ายชำระหนี้เฉลี่ยลดลงเพื่อให้ได้ราคาวัตถุดิบที่ถูกลง

**การวิเคราะห์โอกาสในการลงทุน:**

* **ด้านบวก:**
* ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง อัตรากำไรดีขึ้น และกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
* ค่า P/E ต่ำ (6.39) และ P/BV ต่ำ (0.88) บ่งชี้ว่าราคาหุ้นอาจยังไม่แพง
* YIELD สูง (4.27%) ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล
* **โอกาส:**
* การเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์และรถยนต์
* การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
* การขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่
* **ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
* การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีแบตเตอรี่
* ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและการเมือง

**สรุป:**

YUASA มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและผลประกอบการที่เติบโต อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนลดลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น แต่อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็วเพิ่มขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 0.49 เท่า อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ยลดลง แต่อัตราส่วนความสามารถชำระภาระผูกพันเพิ่มสูงขึ้น การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงและศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว