สรุปงบล่าสุด UMI
บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ UMI รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยมีรายได้จากยอดขายสินค้าลดลง 53 ล้านบาท หรือ 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2566 สาเหตุหลักมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้กระเบื้องปูพื้นและบุผนังลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่ลดลง 15% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 27% จาก 21% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท จากการลดกำลังการผลิตลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท
ในขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานงวดหกเดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้จากยอดขายสินค้าลดลง 71 ล้านบาท หรือ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่ลดลง 26% ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 26% จาก 19% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายขายลดลง 7 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น 53 ล้านบาท
จากผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด บริษัทมีกำไรสุทธิเป็นบวก 3 ล้านบาท หลังจากขาดทุนต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจอย่างเช่น P/E ล่าสุดอยู่ที่ 27.09 P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.39 D/E ที่ 1.04 และ อัตรากำไรสุทธิ 4.74% ในปี 2565 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปี 2566 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิติดลบ 15.64 ล้านบาท แม้ว่าจะมีรายได้รวม 2,748.75 ล้านบาท และมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 133.38 ล้านบาท ก็ตาม อย่างไรก็ตาม การมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ -28.88 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบวกในระยะยาว แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ บริษัทมี YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 4.35% ซึ่งถือว่าไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล โดยสรุป UMi อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว แต่ต้องติดตามความผันผวนของเศรษฐกิจและการแข่งขันในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด
**โอกาส**
- บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี D/E ที่ 1.04
- อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- มีการลงทุนต่อยอดธุรกิจ
- บริษัทอาจจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร
**ความเสี่ยง**
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรง
- ราคาขายสินค้าอาจลดลง
- ต้นทุนพลังงานอาจเพิ่มขึ้น
- บริษัทอาจไม่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับเดิม
- บริษัทอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
- บริษัทอาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจสำหรับนักลงทุน
(7.07%)
(6.95%)
(1.88%)
(15.19%)
(5.60%)
(23.79%)
(3.10%)
(14.43%)
(54.29%)
(125.07%)
(33.85%)
(5.08%)