สรุปงบล่าสุด UKEM
บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## ผลประกอบการ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) (UKEM) ไตรมาส 3/2567
บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) (UKEM) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 723.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.80 ซึ่งเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยของสินค้าทุกกลุ่มมีราคาตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นการขายสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ทั่วไป (Commodity Solvent) กลุ่มสินค้าเม็ดพลาสติกและอุตสาหกรรมอื่น บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 61.00 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 83.36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.82 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่จัดหามามีต้นทุนสินค้าโดยเฉลี่ยที่มีอัตราการเพิ่มน้อยกว่าราคาขายเฉลี่ย ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นในช่วงสามเดือนของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ทั่วไป (Commodity Solvent) และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมอื่น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 6.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.97 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 149.02 เนื่องจากในช่วงสามเดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีต้นทุนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมในช่วงสามเดือน บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ
สำหรับงบดุล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 1,799.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 115.33 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.85 โดยสาเหตุหลักเกิดจากลูกหนี้การค้าและลูกหนี้ยิน เพิ่มขึ้น 18.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.73 ซึ่งสอดคล้องกับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และอายุของลูกหนี้การค้าส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ครบกำหนดชำระและชำระไม่เกิน 3 เดือน รวมถึงสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 9.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.57 ซึ่งเป็นสินค้าระหว่างทาง และที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้น 182.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 185.12 เกิดจากการซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดชลบุรีจำนวน 18 ไร่ 44.5 ตารางวา มูลค่าตามสัญญาทีจะซื้อจะขายที่ดิน 124.97 ล้านบาท และบริษัทฯ ได้จ่ายชำระพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ในเดือนมกราคม 2567 รวมถึงการก่อสร้างสำนักงาน 3 ชั้น และคลังสินค้าเคมีพร้อมงานระบบ บนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ บริษัทฯ มีหนี้สินรวม 1,059.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 195.02 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.57 โดยมีสาเหตุมาจากเงินยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 118.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.77 ล้านบาท เนื่องจากมีการซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อการบริหารคลังสินค้าให้สอดคล้องกับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้ยิน เพิ่มขึ้น 37.47 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.43 ล้านบาท เนื่องจากมีการซื้อสินค้าจากตัวแทนผู้ขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากรายได้ในการขายที่เพิ่มขึ้น และหนี้สินไม่หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 12.39 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.43 ล้านบาท เนื่องจากมีหนี้สินตามสัญญาเช่าที่ครบกำหนดภายใน 1 ปี และหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น
## โอกาสและความเสี่ยงการลงทุน
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 6.90 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้น แต่กำไรขั้นต้นลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีปัญหาในการควบคุมต้นทุนสินค้า P/E ล่าสุดอยู่ที่ 30.87 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2560-2566 ที่ 10.09 สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของนักลงทุนในอนาคตที่สูง อาจเป็นผลจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในช่วงที่ผ่านมา P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.98 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2560-2566 ที่ 1.16 แสดงถึงมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทฯ ที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาหุ้น YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 1.58 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปี 2560-2566 ที่ 2.33 ซึ่งไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล บริษัทฯ มี D/E อยู่ในระดับที่สูงกว่า 1 โดยค่าเฉลี่ยของปี 2560-2566 อยู่ที่ 1.05 แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีภาระหนี้สินที่สูง ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องพิจารณา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 105.698791 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน 228.014582 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน
โดยรวมแล้ว บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตจากการขยายธุรกิจและการลงทุนในโครงการใหม่ๆ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากการควบคุมต้นทุนและภาระหนี้สินที่สูง
**โอกาส**
* บริษัทฯ มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน
* โครงการลงทุนใหม่ๆ อาจนำไปสู่การเติบโตในอนาคต
**ความเสี่ยง**
* บริษัทฯ มีปัญหาในการควบคุมต้นทุนสินค้า
* ภาระหนี้สินของบริษัทฯ สูง
UKEM อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น หรือ นักลงทุนที่มองเห็นโอกาสการเติบโตในอนาคตจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆ แต่ควรพิจารณาความเสี่ยงจากการควบคุมต้นทุนและภาระหนี้สินที่สูง
(15.03%)
(2.28%)
(12.09%)
(26.82%)
(3.46%)
(28.46%)
(10.64%)
(0.20%)
(4.34%)
(149.05%)
(169.76%)
(154.18%)