สรุปงบล่าสุด UEC
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทความสรุปผลประกอบการของ หุ้น UEC บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3 ปี 2568**
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากสัญญากับลูกค้าอยู่ที่ 182.56 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (208.91 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 5% เป็น 27.73 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลง แต่การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนหรือการมีโครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (หน้า 1)
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
บริษัทฯ บันทึกค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของลูกหนี้การค้ารายหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท เนื่องจากลูกหนี้ดังกล่าวประสบปัญหาสภาพคล่องและได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนตุลาคม 2568 (หน้า 1)
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
ต้นทุนขายและให้บริการลดลง 18% สอดคล้องกับการลดลงของรายได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานค่อนข้างคงที่ (+5%) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 36.54 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 65% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจำนวน 40 ล้านบาท แม้ว่ากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะลดลง (หน้า 1)
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ลดลงเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ในขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 53% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินที่เกิดจากสัญญาของบริษัทย่อยในเมียนมาร์ ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 9% เนื่องจากการขาดทุนที่เกิดขึ้นในงวดปัจจุบัน อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้น (หน้า 2)
**ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม:**
* **โครงการขนาดใหญ่:** รายได้ที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากการที่โครงการขนาดใหญ่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ภาชนะความดันได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นและส่งมอบให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว (หน้า 1)
* **ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต:** การตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจำนวน 40 ล้านบาทส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ (หน้า 1)
* **บริษัทย่อยในเมียนมาร์:** หนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้สินที่เกิดจากสัญญาของบริษัทย่อยในเมียนมาร์ ซึ่งอาจต้องมีการติดตามและบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด (หน้า 2)
(22.38%)
(12.74%)
(78.57%)
(33.18%)
(45.95%)
(52.72%)
(1.94%)
(5.29%)
(107.02%)
(64.54%)
(90.38%)
(11.72%)