สรุปงบล่าสุด TSI

บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) (TSI) ปี 2567
**สรุปสั้น:**
บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) (TSI) รายงานผลประกอบการปี 2567 โดยมีกำไรสุทธิ 3.15 ล้านบาท พลิกฟื้นจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 159.48 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 101.98% ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิจากการประกันภัยต่อ และรายได้จากการลงทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าค่าใช้จ่ายรวมจะเพิ่มขึ้นตามยอดขาย แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการจนพลิกกลับมาทำกำไรได้ สำหรับตัวเลขสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยนั้น ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุค่า NIM (Net Interest Margin), NPL (Non-Performing Loans) และ Coverage Ratio ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ผลประกอบการของธุรกิจประกันภัย
**เศรษฐกิจ:**
ในช่วงปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของธนาคารกลางเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจการเงินโดยรวม รวมถึงธุรกิจประกันภัยด้วย เนื่องจากมีผลต่อการลงทุนและต้นทุนทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุถึงการเปิดสาขาใหม่ของ TSI ในช่วงปีที่ผ่านมา
**การเปลี่ยนแปลงของกำไร:**
กำไรของ TSI พลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิ 159.48 ล้านบาท ในปีก่อนหน้า เป็นกำไรสุทธิ 3.15 ล้านบาท ในปี 2567 การเปลี่ยนแปลงนี้มีปัจจัยหลักมาจาก:
* **รายได้จากเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิจากการประกันภัยต่อ:** เพิ่มขึ้น 71.94% เป็น 680.97 ล้านบาท เนื่องจากการขยายตลาดประกันภัยเบ็ดเตล็ด
* **รายได้จากการลงทุนสุทธิ:** เพิ่มขึ้น 197.42% ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น
* **ค่าใช้จ่ายรวม:** เพิ่มขึ้น 15.05% เป็น 828.93 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของยอดขาย
การเพิ่มขึ้นของรายได้จากเบี้ยประกันภัยและการลงทุนสุทธิ สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้บริษัทพลิกกลับมาทำกำไรได้
**สินเชื่อและสัดส่วน:**
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อของบริษัท เนื่องจาก TSI เป็นบริษัทประกันภัยไม่ใช่สถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อรวม, สัดส่วนสินเชื่อสูงสุด, NIM, NPL และ Coverage Ratio
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสการลงทุน:**
**ปัจจัยความเสี่ยง:**
* **ความผันผวนของเศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการในการทำประกันภัย และความสามารถในการลงทุนของบริษัท
* **การแข่งขันในอุตสาหกรรม:** ธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
* **ความเสี่ยงด้านการลงทุน:** ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น และตราสารหนี้
**โอกาสในการลงทุน:**
* **การเติบโตของตลาดประกันภัย:** ตลาดประกันภัยในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประกันภัยเบ็ดเตล็ด
* **การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่:** การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า สามารถช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและรายได้ของบริษัท
* **การใช้เทคโนโลยี:** การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน สามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
**สรุปสั้นท้ายสุด:**
ผลประกอบการของ TSI ในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการพลิกฟื้นที่น่าประทับใจ โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากเบี้ยประกันภัยและการลงทุนสุทธิ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจ แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการจนพลิกกลับมาทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ให้มายังขาดรายละเอียดที่สำคัญ เช่น NIM, NPL และ Coverage Ratio ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับธุรกิจประกันภัย การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวชี้วัดเหล่านี้ และการจัดการความเสี่ยงของบริษัท จะช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งและความสามารถในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ของ TSI ในอนาคต
(5.76%)
(45.35%)
(2.95%)
(1,227.52%)
(2.98%)
(813.20%)
(0.50%)
(12.57%)
(0.00%)
(100.00%)
(128.02%)
(106.04%)