สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ไทยโพลีอะคริลิค จำกัด (มหาชน) หรือ TPA เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นอะคริลิคและผลิตภัณฑ์แผ่นพลาสติกอื่นๆ ในระบบเครื่องรีดชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศไทย ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้รวมลดลง 13.04% จากไตรมาส 3 ปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลง กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2567 มีผลขาดทุน 16.89 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างมากจากกำไรสุทธิ 3.90 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2566 สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลงและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

แผนธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และมีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2568 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยอาศัยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมต้นทุน

TPA มี P/E เท่ากับ 52.48 ซึ่งสูงมาก แสดงถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการในอนาคต P/BV เท่ากับ 1.3 บ่งบอกว่าราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับที่สูง และ YIELD อยู่ที่ 5.9% ซึ่งถือว่าไม่น่าสนใจในการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล D/E ของ TPA อยู่ที่ 0.63 ซึ่งต่ำกว่า 1 แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน อยู่ที่ 35.19 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ 3.74 ล้านบาท แสดงว่าบริษัทนำเงินสดไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ

**โอกาส**
* **การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ**: TPA มีศักยภาพในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรในระยะยาว
* **การพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่**: บริษัทฯ มีการลงทุนในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

**ความเสี่ยง**
* **การแข่งขันในอุตสาหกรรม**: ตลาดแผ่นอะคริลิคมีการแข่งขันสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาขายและกำไรของ TPA
* **การผันผวนของราคาวัตถุดิบ**: ราคาวัตถุดิบ มีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกำไรของ TPA
* **การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน**: การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรจากการส่งออกของ TPA

TPA เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง แต่ควรติดตามผลประกอบการและแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด นักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผลอาจพิจารณาหุ้นตัวอื่น เนื่องจาก YIELD ของ TPA ต่ำ