สรุปงบล่าสุด TOP
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) : ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 และ 9 เดือนแรกของปี 2567
ผลประกอบการของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) ในไตรมาสที่ 3/2567 สะท้อนถึงความท้าทายในอุตสาหกรรมพลังงาน โดยมีรายได้รวม 110,018 ล้านบาท ลดลง 9,621 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลง ส่งผลต่อกำไรขั้นต้น โดยส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงจากอุปสงค์การใช้น้ำมันช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐฯ น้อยกว่าคาดการณ์ ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการเริ่มดำเนินการของโรงกลั่นเกิดใหม่และความไม่คุ้มค่าของการขนส่งน้ำมันดีเซลจากภูมิภาคเอเชียไปยังยุโรป ประกอบกับเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และจีนที่ยังคงอ่อนแอส่งผลกดดันต่ออุปสงค์การใช้น้ำมัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,380 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 7.0 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากไตรมาสก่อน เมื่อรวมกับการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 2.097 ล้านบาท ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาส 3/2567 กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนสุทธิ 4,218 ล้านบาท หรือ 1.89 บาทต่อหุ้น เทียบกับกำไรสุทธิ 5,547 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567
ใน 9 เดือนแรกของปี 2567 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 343,895 ล้านบาท ลดลง 171 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 7.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 3.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 9 เดือนแรกของปีก่อน กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 3,903 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 6.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 9 เดือนแรกของปีก่อน ผลประกอบการโดยรวม 9 เดือนแรกของปี 2567 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 7,192 ล้านบาท ลดลง 9,307 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ของไทยออยล์ในอนาคตมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความยั่งยืน การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาดพลังงาน เป้าหมายสำคัญคือการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานโลกและอุปสงค์ภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยออยล์มั่นใจในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมที่จะปรับตัวต่อความท้าทาย โดยการลงทุนในเทคโนโลยี และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง ไทยออยล์ถือว่าเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ แต่ต้องพิจารณาปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะอัตราส่วนกำไรสุทธิและ P/E ที่ปรับลดลง แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของอุตสาหกรรม และความคาดหวังของนักลงทุนที่ปรับลดลง อัตราส่วน D/E ที่ 1.55 แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการชำระหนี้ ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงจรเงินสด 16.46 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและการเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนที่ติดลบ แสดงให้เห็นว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อผลประกอบการในระยะสั้น ส่วนข้อมูล YIELD ที่ 8% ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล โดยสรุป การลงทุนในไทยออยล์เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ และมองหาโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
**โอกาส:**
* ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง (D/E ต่ำ)
* อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (YIELD) สูง
* โอกาสเติบโตจากการลงทุนในพลังงานทดแทน
* การควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาพลังงานโลก
* อุปสงค์ภายในประเทศที่อาจลดลง
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง
* การเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาล
**ข้อมูลเพิ่มเติม:**
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบดูไบ** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 78.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
* **ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Murban และ Arab Light** กับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงในไตรมาส 3/2567 เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ส่งออกน้ำมันดิบชนิดเบาเพิ่มขึ้น
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันเบนซิน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 89.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาของน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงจากอุปสงค์การใช้น้ำมันเบนซินช่วงฤดูขับขี่ในสหรัฐฯ ที่น้อยกว่าคาดการณ์
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันดีเซล** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 91.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงจากปริมาณดีเซลคงคลังที่อยู่ในระดับสูง
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันเตากำมะถันสูง** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 84.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันสูงกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ในทะเลแดง
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันเตากำมะถันต่ำ** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 84.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากอุปสงค์ในการนำน้ำมันเตากำมะถันต่ำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าในตะวันออกกลาง
* **ราคาเฉลี่ยของสารพาราไซลีน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1,073 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนต่างราคาของสารพาราไซลีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลงเนื่องจากแรงกดดันจากเศรษฐกิจภายในประเทศของจีนที่ยังเปราะบาง
* **ราคาเฉลี่ยของสารเบนซีน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 899 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนต่างราคาของสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณสารเบนซีนคงคลังของจีนที่อยู่ในระดับต่ำ
* **ราคาเฉลี่ยของสารโทลูอีน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 951 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนต่างราคาของสารโทลูอีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลงจากความต้องการใช้สารโทลูอีนไปผสมในน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับต่ำ
* **ราคาเฉลี่ยของสาร LAB** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 1,563 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนต่างราคาของสาร LAB กับน้ำมันอากาศยาน และสารเบนซีนปรับตัวลดลงจากอุปสงค์สารผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ถูกกดดันในช่วงฤดูมรสุม
* **ราคาเฉลี่ยของน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน 500SN** ในไตรมาส 3/2567 ยังคงทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน 500SN กับน้ำมันเตาในไตรมาส 3/2567 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
* **ราคาเฉลี่ยของยางมะตอย** ในไตรมาส 3/2567 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนต่างราคายางมะตอยกับน้ำมันเตาในไตรมาส 3/2567 ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
* **อัตราการผลิตของโรงกลั่นน้ำมัน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 113% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
* **อัตราการผลิตสารอะโรเมติกส์** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 83% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
* **อัตราการผลิตสาร LAB** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 125%
* **อัตราการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 86%
* **อัตราการผลิตไฟฟ้า** ของ TOP SPP ในไตรมาส 3/2567 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
* **อัตราการผลิตสารละลาย** ของกลุ่มธุรกิจสารละลายและเคมีภัณฑ์ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 97%
* **อัตราการผลิตเอทานอล** ของ บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 77%
* **อัตราการผลิตโอเลฟินส์** ในไตรมาส 3/2567 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
* **อัตราการผลิตของ บริษัท ลาบิกซ์** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 125%
* **อัตราการผลิตของ บริษัท ไทยลับเบส** ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 86%
(9.98%)
(10.48%)
(56.73%)
(61.52%)
(74.19%)
(57.02%)
(3.24%)
(7.42%)
(176.04%)
(138.95%)
(144.21%)
(250.75%)