สรุป OPPDAY หุ้น TOA

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday TOA: ผลกระทบ, โอกาส, ความเสี่ยง และแนวโน้มธุรกิจสีปี 2567
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
เศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง การก่อสร้างชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มหมู่บ้าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ถึงแม้จะมีการจัดกิจกรรมและได้รับรางวัล แต่ก็ไม่สามารถฝืนกระแสเศรษฐกิจที่ถดถอยได้
ปีที่แล้ว TOA เริ่มทำเกี่ยวกับฉลากและผลิตภัณฑ์ Custom Paint โดยมีผลิตภัณฑ์กว่า 130 ตัวที่ได้ CFR และ 320 ตัวที่ได้ CFP
ยอดขายรวมของทั้งปีตกลง 5% โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเหนือ และการชะลอตัวของการก่อสร้างในช่วงปลายปี
อัตรากำไรขั้นต้น (GP) ทั้งปีอยู่ที่ 34.6% วัตถุดิบหลักอย่างไทเทเนียมไดออกไซด์มีราคาต่ำลงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความต้องการลดลง ทำให้วัตถุดิบที่นำเข้าจากฝั่งตะวันตกลดลง ส่วนจีนเองก็ส่งออกไทเทเนียมเกิน 50% ทำให้ราคาถูกอยู่ เศรษฐกิจจีนยังไม่ฟื้นตัว
ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการจ่ายค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปแล้วแต่ยังไม่ได้ขาย รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของพนักงานส่งเสริมการขาย
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (Admin Expense) เพิ่มขึ้นจากการยกเลิกกิจกรรมบางอย่าง และการขาดทุนจากการนำเงินออกจากประเทศเมียนมา รวมถึงการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
EBITDA อยู่ที่ 17.7% และ Net Profit อยู่ที่ 10.6% ยอดขายในประเทศ (Dex) และต่างประเทศ (Non-Dex) ตกลง โดย Dex ตกลง 4.8% (มีรายละเอียดเพิ่มเติม) และ Non-Dex ตกลง 4% ประเทศไทยตกลง 4.3% เวียดนามตกลง 25% เนื่องจากการปรับทีมบริหาร และการสื่อสารที่ไม่ดีระหว่าง TOA กับบริษัทลูกในต่างประเทศ
ยอดขาย Retail Product ลดลง 5% เมื่อเทียบกับ 6% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์ใหม่จากคู่แข่ง รวมถึงการชะลอการสั่งซื้อในช่วงปลายปี แต่ TOA ได้แก้ไขปัญหาและกู้ Market Share กลับคืนมาได้บ้างแล้ว
ในส่วนของ Decorative Paint พบว่าสินค้า Premium ยังคงขายได้ดี แต่สินค้า Medium ตกลงไปมากเนื่องจากงานหมู่บ้านลดลง ส่วน Non-Dex สินค้าเคมีก่อสร้างยังเติบโตได้ดี กลุ่ม Heavy Duty เติบโตจากกิจกรรมของโรงงาน กลุ่มกระเบื้องตกลงเนื่องจากการขายส่งที่หายไป กลุ่มฝ้าเพดานยังมีการเติบโต
Gross Profit ยังคงใกล้เคียงเดิม เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที ตัว Financial Position ปีนี้ลดลงเล็กน้อยจากการจ่ายปันผลและซื้อหุ้นคืน ทำให้เงินสดในบริษัทลดลงเล็กน้อย
Inventory Day เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการ Stock สินค้ามากขึ้น Account Payable เพิ่มขึ้นเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้รับส่วนลดจากการจ่ายเงินล่วงหน้า แต่ปีนี้ส่วนลดนี้หายไป ทำให้ Account Payable เพิ่มขึ้นมา 25 ล้าน
กิจกรรมการลงทุนปีที่แล้วอยู่ที่ 681 ล้านบาท มีส่วนน้อยที่ยกยอดมาปีนี้ ปีนี้คาดว่าจะลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสองปีที่ลงทุนเยอะ หลังจากนี้การลงทุนจะน้อยลง มีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องจักรระยะยาวเพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้นและผลิตได้ใน Batch ที่ใหญ่ขึ้น มีการลงทุนในเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น การติด Solar Cell และระบบกำจัดกลิ่น รวมถึงการปรับปรุงอุปกรณ์ดุดฝุ่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปีที่ผ่านมา TOA มี Shop เพิ่ม หลังจากต่อสัญญาระยะยาวอีก 30 ปี จึงลงทุนสร้างตึกเพิ่มที่โรงงานแถวสำโรง เพื่อย้ายสำนักงานจากอาคารผลิตมาอยู่ที่ตึกใหม่
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
TOA ยังคงคิดว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น โครงการต่างๆ น้อยลง แต่ยังประคองตัวไปได้ด้วยงาน Repaint และสินค้าใหม่ที่จะนำมาขาย
TOA พยายามประคองยอดขายปีนี้ไม่ให้ตกลงไปจากปีที่แล้ว โดยคาดว่ายอดขายในประเทศอาจจะลดลงเล็กน้อย แต่จะได้ยอดขายจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน
ตลาดต่างประเทศน่าจะ Bottom แล้ว โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่เป็นประเทศสุดท้ายที่ยังต้องใช้เวลา แต่ประเทศอื่นๆ ได้เริ่มดำเนินการปรับ Operation ให้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว คาดว่าปีนี้น่าจะดีขึ้น
ปัญหาหลักของตลาดต่างประเทศเกิดจากการ Operation ซึ่ง TOA ได้แยกทีมออกไปต่างหาก และให้ทีมในประเทศ Support คาดว่าจะดีขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
TOA เผชิญกับความเสี่ยงด้านการแข่งขันที่อาจทำให้ GP ลดลง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจาก Mix ของสินค้าที่ขายได้
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดสีทาบ้าน และการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ โดยเฉพาะจากจีน
ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงาน
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
TOA จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด โดยเน้นการแยกสินค้าที่ขายใน Modern Trade และร้าน TT เพื่อลดการแข่งขันระหว่างช่องทางและเพิ่มกำไร
การปรับ Operation ในต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแยกทีมต่างประเทศออกมา และให้ทีมในประเทศ Support
การลงทุนในเทคโนโลยีและเครื่องจักรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
TOA ยังคงมุ่งเน้นการเป็น Sustainable Organization และมีเป้าหมายที่จะลดคาร์บอนให้เหลือ 50% ใน 5 ปี ซึ่งได้ลงทุนไปแล้ว 1 ใน 5 ส่วน
แนวโน้มในอนาคตคือรัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
TOA จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น พม่า, เขมร, ลาว, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, และมาเลเซีย โดยจะใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อให้ตลาดเหล่านี้อยู่ในสภาพที่พร้อมรับโอกาสที่จะเข้ามา
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:45:47]
- แนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปีนี้
ไตรมาส 1 น่าจะทรงๆตัว ต้องประคองให้ผ่านพ้นฝนฟ้าคะนองไปให้ได้ ตอนนี้อยู่ในยุคที่ใครมีเงินสดมากกว่าได้เปรียบ บริษัทมีเงินสดพอสมควร และยังไม่มั่นใจในเศรษฐกิจโลกที่อาจโดน Disrupt จากนโยบายต่างๆ
- การ Rebrand หรือ Reposition สินค้า
ตอนนี้เน้นสินค้าอยู่ไม่กี่ตัว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำ Communication ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจน ถ้าคนอยู่ในธุรกิจจะเข้าใจดี เวลาลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าสีมีอะไรบ้าง ต้องอาศัยพนักงานขายที่ช่วยแนะนำ
- แผนการปรับราคา
ปี 2024 มีการปรับราคาในกลุ่มสินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่สี เช่น กลุ่มฝ้า ตามวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ปี 2025 สินค้าเคมีก่อสร้างประเภทปูนผงอาจต้องปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาปูนที่ปรับเพิ่มขึ้น ปีที่แล้วหลักๆที่ตกลงคือ Volume ราคาจะปรับลงนิดหน่อย 1% ที่เหลือดรอปจาก Volume งาน Repaint ตอบไม่ได้ชัดเจนว่าลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะเราไม่ได้ขายตรงกับผู้ใช้
- โรงงานผลิตแห่งใหม่
ถ้าถามเรื่องการปรับปรุง ก็ปรับปรุงไปพอสมควร แต่ถ้าถามเรื่องโรงงานใหม่เลย อาจจะชะลอไปบางส่วนตามยอดขายที่ชะลอลง อาจจะอยู่ในช่วงของการทำ EIA ด้วย อีกอันคือปีนี้จะมีคู่แข่งเข้ามาในส่วนของตลาดสีฝ้า มีแบรนด์เบอร์หนึ่งจากจีนมาเปิด ประมาณปลายไตรมาส 3 ต้นไตรมาส 4 ต้องรอดูว่าเปิดแล้วจะเป็นอย่างไร
- การลงทุน
การลงทุนไม่ได้เพิ่มกำลังการผลิตมาก แต่จะเป็นส่วนเล็กๆของการลดต้นทุนการผลิตมากกว่า จะมีการปรับปรุงเครื่องจักรให้ใช้ไฟฟ้าลดลง หรือเพิ่ม Batch Size ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อผลิตครั้งละมากๆ ลดต้นทุนต่อหน่วยในการผลิต และเพื่อให้ผลิตทันด้วย จากที่เคยเปิด OT ก็อาจจะไม่ต้องเปิด ที่ลงทุนส่วนมากน่าจะ Cover ไป 70-80% ของสิ่งที่ควรจะทำแล้ว อาจจะมีสินค้าอีก 2-3 กลุ่มที่ Demand เพิ่มขึ้นจากในอดีต ที่อาจจะไม่สามารถใช้เครื่องจักรเดิมได้ ก็อาจจะมีการปรับปรุงเครื่องจักรเดิมบางส่วนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แค่นั้นเอง
- Mega Project ของรัฐบาล
Mega Project จริงๆอาจจะมีสีนิดเดียว แต่สิ่งที่เราจะได้คือพอ Mega Project มา รัฐบาลจะเปิดแหล่งชุมชนใหม่ ในรอบ Mega Project จะมีชุมชนเกิดขึ้น จะเป็นสิ่งที่สีเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น จะมีหมู่บ้าน มีร้านค้า มีชุมชนเปิดเพิ่ม
- แนวโน้มตลาดต่างประเทศ
ปีนี้ตลาดต่างประเทศน่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ก็จะเห็นผลจริงๆประมาณไตรมาส 3 ตอนนี้กำลังปรับในเรื่องของ Operation อยู่ เพื่อให้ตอบสนองกับร้านค้าที่ดีขึ้น กับลูกค้าที่ดีขึ้น
- Fix and Build
ตอนนี้มีเปิดสาขาเพิ่ม แต่ก็คงไม่ได้เปิดอย่างที่เราต้องการ อาจจะตอนนี้ได้ประมาณเดือนละสาขา เป็นการลงทุนของเราเอง ส่วนสาขาที่เป็นในรูปของกึ่ง Franchise ก็เปลี่ยนไป คือเป็นรูปของการให้เขา สั่งซื้อไปขาย เพื่อลดต้นทุนของร้านค้า เพราะธุรกิจนี้กำไรไม่ได้เยอะ ก็จะเป็นในลักษณะนั้น การคืนทุนคงไม่ต่างกับร้าน Retail ทั่วไป ต้องมียอดขายระดับนึงถึงมาชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนกลางถึงจะมีกำไร
- เงินสดในมือ
เงินสดในมือเราก็มองว่าต้องเผื่อไว้ เพราะเศรษฐกิจ ณ วันนี้ก็ไม่ต่างกับปี 40 เลย เพียงแต่ว่าคนที่โดนผลกระทบจริงๆไม่ใช่บริษัทใหญ่ แต่เป็นบริษัทเล็กๆกับพวกพ่อค้ารายย่อย ที่มีผลกระทบ เราก็คงต้องเก็บเงินไว้ เผื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ซึ่ง ซึ่งคาดเดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คาดเดาไม่ถูกแต่ว่าก็ต้อง เผื่อไว้ดีกว่า
โดยสรุป TOA เผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การปรับปรุง Operation และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ