TNITY
บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

` `

TNITY เผยกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมโอกาสลงทุนในตลาดทุนไทย

สวัสดีค่ะท่านนักลงทุนทุกท่าน วันนี้บริษัท Trinity วัฒนาจำกัดมหาชน ได้มีโอกาสมาพบกับท่านในงาน Opportunity Day หลังจากการที่ได้พบท่านไปแล้วเมื่อพฤศจิกายนเมื่อปีที่แล้ว ในวันนี้ได้เรียนเชิญ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบมจ.Trinity วัฒนา มาพูดคุยให้ทุกท่านได้รับทราบถึงผลประกอบการทั้งปีของปีที่แล้ว และกลยุทธ์การลงทุนของ Trinity ภายในปี 2568 ค่ะ

ดร.วิศิษฐ์กล่าวว่า บมจ.Trinity วัฒนาจัดตั้งเมื่อปี 2544 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2545 ปัจจุบันถ้าหากนับอายุของบมจ. Trinity พัฒนา ก็เป็นหนุ่มฉกรรจ์แล้วคือ 25 ปี บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งหมดประมาณ 1,072 ล้านบาท มีสินทรัพย์ทั้งหมด 7,200 ล้านบาท ปัจจุบันมี 4 บริษัทในเครือ บริษัทที่เป็น flagship คือ บล.Trinity หรือ Broker เบอร์ 22 Trinity Intelligent Plus เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวางระบบเตรียมตัวบริษัทก่อนเข้า IPO Trinity One Asset Max Holding ทำเรื่องเกี่ยวกับ Securitization ต่างๆ

นอกจากนี้ยังมี 2 บริษัทร่วมคือ ถือ 28% ในบริษัท Senna ซึ่งทำพวก Digital Asset รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับการบริหาร Wealth Management ต่างๆ การทำพวก Provident Fund ต่างๆ อยู่ใน Senna ถัดมาคือถือ 20% ใน Hightech CBD Smart Farm ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชง

นอกจากนั้นยังมี Joint Venture 1 บริษัทคือถือ 30% ในบริษัท T Money Holding ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเรื่องเกี่ยวกับการให้สินเชื่อบุคคลรายย่อยภายใต้ License ของกระทรวงการคลัง ธุรกิจของ Trinity มี Service ที่เรียกว่าครบวงจร มี Service เรื่อง Equity Derivative, Brokerage, ที่ปรึกษาทางการเงิน, การลงทุน, Underwriting, และ Lending โดยใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกัน หรือ Margin Loan รวมถึงธุรกิจของ Private Fund ซึ่งเห็น AUM ที่เติบโตดีขึ้น

ผู้บริหาร Top 3 ของบริษัทนี้คือ คุณภัควัต หุวะพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการของบมจ. Trinity พัฒนา ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Holding คือ Trinity วัฒนา จำกัดมหาชน และ ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ซึ่งเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มาช่วยขับเคลื่อนในธุรกิจที่เป็น Flagship คือ บล.Trinity

โครงสร้างของ Trinity วัฒนาจะแบ่งเป็นการถือหุ้น 99% ใน บล.Trinity, 99% ใน Trinity Intelligent Plus, 99% ใน Trinity One, 99% ใน Asset Max Holding, 30% ใน T Money Holding, 28% ใน Senna และ 20% ใน Hightech CBD Smart Farm

จุดแข็งของ Trinity คือการตั้งมา 25 ปี สิ่งที่ภูมิใจมากคือเรื่องของการมีชื่อเสียงด้าน Corporate Governance ซึ่งเป็น Trust and Confidence ระหว่างบริษัทกับลูกค้าและ Stakeholder มี Revenue Base ที่ค่อนข้างกระจายไปใน 4-5 ฐาน ทำให้ไม่พึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง มี Full Service License และ Platform ผู้บริหารมีความสามารถและมีประสบการณ์ในตลาดทุน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและ Stakeholder ต่างๆ

Financial Highlight ในปี 2567 รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือรายได้จากการ Trading และค่า Commission ต่างๆ ใน Equity ในหลักทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2566 แต่สิ่งที่เห็นการก้าวกระโดดคือค่าธรรมเนียม Brokerage จาก TFEX ได้ 35 ล้านบาท ซึ่งขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับปี 2566 แสดงให้เห็นว่าในปี 2567 Trinity บุกทางด้านธุรกรรมเกี่ยวกับ TFEX และธุรกรรม Derivative ต่างๆ และเป็นกลยุทธ์ในปี 2568 ด้วย

รายได้จากดอกเบี้ยประมาณ 256 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ 274 ล้านบาท สาเหตุที่ลดลงส่วนหนึ่งมาจากการลดธุรกรรมเรื่อง Margin Lending ซึ่งสอดคล้องกับธุรกรรมของตลาดทุนที่ว่าธุรกิจของ Margin ต่างๆ ก็จะลดลงด้วย Investment ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 โดยได้มา 29 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2566 ขาดทุนอยู่ 232 ล้านบาท

สิ่งที่น่าสนใจคือในธุรกรรมของวาณิชธนกิจมีรายได้ 119 ล้านบาท ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับธุรกิจ Brokerage ในธุรกิจหลักทรัพย์ ค่า Commission จากธุรกิจ Brokerage อยู่ที่ 120 ล้านบาท แต่รายได้จากธุรกรรมของวาณิชธนกิจอยู่ที่ 119 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกัน กลยุทธ์ของ Trinity ต่อไปคือการเน้น Fee Income ซึ่งจะเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม เป้าหมายในปี 2568 คือพยายามรักษาฐานรายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจที่เป็น Fee Income ที่ 100-120 ล้านบาท

เรื่องของ Wealth Management มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการบริหารจัดการกองทุนต่างๆ ในปีที่แล้วอยู่ที่ 30 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ 27 ล้านบาท จะเห็นว่าถ้าดูจากฐานรายได้ รายได้จากค่าธรรมเนียม Brokerage และรายได้จาก Commission ต่างๆ ทั้ง TFEX ทั้งหุ้น จะอยู่ประมาณ 24-25% รายได้จากดอกเบี้ย 39% และรายได้จาก IB ธุรกิจวาณิชธนกิจประมาณ 19% แสดงให้เห็นว่าการขยายฐานรายได้ค่อนข้างที่จะกระจายไปอยู่ 4-5 ธุรกิจหลัก

ในแง่ของผลกำไร ในปี 2567 ได้กำไรอาจจะไม่มากคือประมาณ 500,000 บาท แต่เป็นการ Turn Around จากปี 2566 ถ้าดูรายไตรมาส ในไตรมาส 4 ขาดทุนอยู่ 6.96 ล้านบาท ไตรมาส 1 กำไรอยู่ประมาณ 16 ล้านบาท หรือ 15.86 ล้านบาท แต่จริงๆ แล้วในไตรมาส 4 เป็นตัวเลขที่ต้องตั้งสำรองหลายเรื่อง เช่น ธุรกรรมของหุ้น More มีการตั้งสำรองไป 24.77 ล้านบาท ต้อง Mark to Market ใน Portfolio หุ้นที่ลงทุนไปซึ่งราคาลดลงเมื่อเทียบกับต้นทุน จึง Mark to Market ไป 10.7 ล้านบาท ในวันสัปดาห์สุดท้ายมีลูกหนี้ Credit Balance เจ้าหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทำให้ต้องตั้งสำรองไปประมาณ 9.24 ล้านบาท และมีการตั้งสำรองตัวการด้อยค่าของ Token หนึ่งซึ่งเป็น NFT จึงตั้งการด้อยค่าไปประมาณ 3 ล้านบาท สรุปคือตั้งการด้อยค่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ประมาณ 47 ล้านบาท ซึ่งตอนแรกมั่นใจว่าไตรมาส 4 น่าจะมีกำไรเนื่องจากเห็นธุรกรรมของ IB เข้ามา แต่เนื่องจากการตั้งสำรองที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 4

อย่างไรก็ตามการตั้งสำรองไปหลายอย่างก็เป็น Non-Cash Item ถ้าตลาดทุนกลับมา หรือเรื่อง More ต่างๆ ที่ได้เงินคืนใน 2-3 ปีข้างหน้า การตั้งสำรองนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ในเรื่องของตัวถ้าดูธุรกิจหลักทรัพย์ จะเห็นว่าปัจจุบัน Trinity มี Market Share 0.72% Trinity Volume ทั้งหมดประมาณ 76,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับทั้งตลาดอยู่ที่ประมาณ 10.9 ล้านล้าน ในธุรกรรม TFEX Market Share TFEX ต่างๆ เริ่มดีขึ้น จากเมื่อก่อนอยู่ที่ 0.2% ตอนนี้ขึ้นมา 1% ในส่วนของ Investment ปีที่แล้วมีกำไรประมาณ 29 ล้านบาท มาจากการที่ว่ากำไรจาก Capital Gain 12 ล้านบาท และรายได้จาก Dividend ประมาณ 16 ล้านบาท

ส่วนที่ลงทุนกับบริษัทลูกต่างๆ หรือ Associated Company ตัว T Money Contribution ให้กำไร 9 ล้านบาท Senna ขาดทุนเกือบ 1 ล้านบาท Hightech CBD Smart Farm ขาดทุนประมาณ 60,000 บาท ตัว Bitcoin ปีที่แล้วมีกำไรจากการลงทุนใน Bitcoin ประมาณ 18 ล้านบาท แต่ปัจจุบันไม่มี Position เหลือใน Bitcoin แล้ว ขาย Bitcoin ไปเมื่อประมาณกลางธันวาคม

ในปีที่แล้ว 2567 ประสบความสำเร็จในการนำ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็น 2 IPO Deal มี 9 Deal ที่เป็น Advisory จะเห็นว่าถ้าดูจากการที่ว่าในปี 2567 ตัวรายได้จากธุรกรรม IB อยู่ประมาณ 119 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเรียกว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี เพราะว่าในปี 2565 มีรายได้ 102 ล้านบาท ปี 2566 มี 58 ล้านบาท และปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 119 ล้านบาท เกือบเท่ากับรายได้จากค่านายหน้าของธุรกิจ Brokerage

ส่วนเรื่อง Asset Management มี AUM หรือสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 3,000 ล้านบาท ในปี 2567 จาก 2,500 ล้านบาท ในปี 2566 รายได้ปี 2567 ในธุรกิจ Wealth Management อยู่ประมาณ 30 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 แต่ก็ยังสู้ปี 2565 ไม่ได้ อย่างไรก็ตามรายได้ของแผนกนี้ก็อยู่ในระดับ 30 ล้านบาท ในปีที่แล้วออก Bond และเป็นที่ปรึกษาการออก Bond มีรายได้จากการ Underwriting Bond ต่างๆ ทำสำเร็จไป 37 Deal ปัจจุบันมี 22 Deal ใน Pipeline สำหรับการออก Bond ซึ่ง Bond ต่างๆ อยู่ใน Sector เรื่อง Construction Material, Renewable Energy, AMC และธุรกิจ Insurance

โดยพื้นฐานตั้งใจจะเป็นบริษัทที่มี ROE สูง แต่เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจในตลาดทุนอาจจะลดลง ทำให้ ROE ในปี 2566 ติดลบ ปีนี้ทำ ROE เป็นบวก และตั้งใจที่จะทำ ROE เป็นบวกในปี 2568 ด้วย Trinity มี Development ที่สำคัญคือ Trinity ตั้งแต่ปีในอดีตที่ผ่านมาเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ Dividend Payout Ratio อยู่ระหว่างประมาณ 80-90% จะเห็นว่าปี 2566 Dividend Yield 8% ปี 2562 Dividend Yield 10% ปี 2565 Dividend Yield เกือบ 10% ยกเว้นปี 2566 และ 2567 ที่มีปัญหาเรื่องลูกหนี้ Credit Balance ทำให้ต้องตั้งสำรอง ทำให้ปี 2566 และ 2567 ไม่ได้จ่ายปันผลเลย

Trinity พยายามที่จะกลับเป็นภาพที่จะเป็นบริษัทที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ทางคณะกรรมการบริษัทจึงอนุมัติชดเชยการขาดทุนสะสมจำนวน 86 ล้านบาท โดยการโอนเงินสำรองตามกฎหมายที่มีอยู่ 100 ล้านบาท มาล้างขาดทุนสะสม ทำให้มีเงินสำรองตามกฎหมายปัจจุบันเหลืออยู่ 14 ล้านบาท ถ้าปีนี้มีกำไร เนื่องจากล้างขาดทุนสะสมแล้ว ตั้งใจที่จะจ่ายปันผลเหมือนเดิม ต้องยอมรับว่าในปี 2566-2567 ธุรกิจเรื่อง Credit Balance ต่างๆ ทำให้ต้องตั้งสำรองจนกระทั่งเกิดขาดทุนสะสม ตอนนี้ก็ล้างขาดทุนสะสมนั้นแล้ว

มี Highlight มีการปรับโครงสร้างทุนเล็กน้อยคือทาง Trinity มีการปรับโครงสร้างเงินทุนเอาเงินสำรองมาล้างขาดทุนสะสม และทางบอร์ดได้อนุมัติเรื่องเกี่ยวกับการจ่าย Trinity Warrants 2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม โดยจำนวนหน่วยที่ออก Trinity Warrants 2 ไม่เกิน 53.6 ล้านหน่วย โดยที่ว่ามีอัตราการใช้สิทธิ์อยู่ที่ 4 หุ้นสามัญต่อ 1 Warrant อัตราการอายุของการใช้สิทธิ์อยู่ที่ 2 ปี โดยที่ว่าราคาเสนอขายต่อหน่วยเป็น 0 บาท คือ Warrant ให้กับผู้ถือหุ้นฟรี อัตราการใช้สิทธิ์คือ 5 บาท

Highlight ของปี 2568 ซึ่งเป็น Target คือการปรับโครงสร้างเงินทุน เรื่องของการล้างขาดทุนสะสม รวมทั้งเรื่องของการออก Trinity Warrants 2 จะต้องเข้าประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติ

Target เรื่อง Highlight ในปี 2568 คือเรื่องของ Wealth Management ตั้งใจที่ทำ AUM ให้ได้ 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ต้อง Achieve ให้ได้เพิ่มอีกประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ IPO 2-3 Deal ที่จะพยายามออกในปี 2568 ที่อยู่ใน Target คือเรื่องของโรงพยาบาล 1 โรงพยาบาล และอาจจะเป็นธุรกิจประเภท Service Commerce ของ Consumption และ Finance Security ต่างๆ ที่อยู่ใน Pipeline มี IPO 2-3 Deal ในปีนี้ และ 5-8 Deal ใน Pipeline ส่วนที่น่าสนใจคือเรื่องของ Advisory Fee ซึ่งเป็นรายได้ที่ทำให้ IB มีธุรกิจของวาณิชธนกิจเป็นกอบเป็นกำ เริ่มรุกไปเรื่องของธุรกิจ M&A ที่เป็น Cross Border เช่น มาจาก Middle East เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานรายได้ที่สำคัญ ธุรกิจธุรกรรมของที่ปรึกษาทางการเงิน และที่ปรึกษา M&A จะทำให้ตัวรายได้ปีนี้ของทาง IB มีความมั่นคงขึ้น อยู่แถวประมาณเกือบๆ 100 ล้านบาทที่ตั้ง Target ไว้ เป็นอันหนึ่งที่สามารถ Stabilize ในภาวะตลาดทุนที่ซบเซาไป จากนั้นก็มีเป็นที่ปรึกษาของการออก Bond อยู่ประมาณ 20-22 Deal ซึ่ง Bond ต่างๆ อยู่ใน Sector เรื่องของตัว Construction Material, Renewable Energy, AMC รวมทั้งธุรกิจของ Insurance ซึ่งจะเป็นค่า Fee ที่สำคัญที่จะช่วยให้ Trinity มี Bottom Line ที่สม่ำเสมอ

เริ่มช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [00:47:17]

* สถานการณ์ตลาดทุนไทยและกลยุทธ์การลงทุน *

ดร.วิศิษฐ์กล่าวว่า ตลาดทุนไทยปีนี้ Underperform ตลาดโลก และให้ผลตอบแทนติดลบค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันมีเกือบ 50% ของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าเลิกกิจการ หรือ Net Liquidation Value และเกือบ 40% ราคาต่ำกว่ามูลค่า Book Value สถานการณ์นี้จะก่อให้เกิดโอกาสในการลงทุนอีก Wave หนึ่งของนักลงทุน ดร.วิศิษฐ์แนะนำว่า ปัจจุบันตลาดทุนภาพใหญ่อาจจะผันผวน แต่เชื่อว่ามีหลายบริษัทที่ราคาหุ้น Bottom Out ไปแล้ว และจะเห็นเรื่องการฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้ กลยุทธ์ Bottom Fishing ในปีนี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องสำหรับนักลงทุน

* กองทุนเวียดนามของ Trinity *

คุณอิญดากล่าวว่า เนื่องจากตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจะลงอย่างต่อเนื่อง มีนักลงทุนหลายท่านสนใจไปลงทุนในต่างประเทศ และมีนักลงทุนสอบถามว่าอย่างเรื่องของเวียดนามที่ Trinity เองก็มีกองทุนอยู่ หรือมันน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ดร.วิศิษฐ์ตอบว่า กองทุน SSI SCA ของ Trinity เป็นกองทุนที่ Outperform และ Outperform กับ Vietnam Index อีก แต่ว่าเป็นกองทุนที่อาจจะต้องถือยาวๆ นิดหนึ่ง ตลาดที่เรียกว่าอยู่ใน Frontier Market อย่างเวียดนามนั้นมีโอกาสที่จะอัปเกรดมาเป็น Emerging Market ตรงนี้เป็นตลาดที่น่าสนใจ แนะนำให้ลูกค้ลงทุนที่เวียดนามมา 4-5 ปีแล้ว ลูกค้าหลายท่านก็กำไรค่อนข้างเยอะ ถ้าท่านลงทุนสนใจ สามารถติดต่อที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ Trinity ได้ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมีเรื่องของตัว Research บทวิจัยที่อัปเดตประเภทหุ้นรายตัวรวมทั้งภาพตลาดของหุ้นเวียดนามให้กับนักลงทุน

โดยสรุป Trinity วางกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ Corporate Governance, การขยายฐานรายได้, และการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานและสังคม รวมถึงการให้ความรู้แก่นักลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจและความยั่งยืนให้กับธุรกิจ