สรุปงบล่าสุด TKT

บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (TKT) ปี 2567**
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567**
บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT รายงานผลประกอบการสำหรับปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 1.43 ล้านบาท ซึ่งถือว่าดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ขาดทุนสุทธิ 27.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรกว่า 20% ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มีดังนี้
* **รายได้รวม:** ยอดขายรวมลดลง 13.80% หรือ 174.60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากการลดลงของยอดขายชิ้นส่วนพลาสติกร้อยละ 15.65 หรือ 182.02 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายแม่พิมพ์กลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.28 หรือ 7.42 ล้านบาท
* **ต้นทุนขายและบริการ:** ต้นทุนขายและต้นทุนในการให้บริการลดลง 17.77% หรือ 198.87 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้น 24.26 ล้านบาท
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 8.58% หรือ 15.03 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
**ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน**
* **ยอดขายชิ้นส่วนพลาสติกลดลง:** ปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ความต้องการชิ้นส่วนพลาสติกลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ การแข่งขันที่สูงขึ้นจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ผลิตในประเทศเผชิญกับความท้าทายในการรักษาส่วนแบ่งตลาด
* **ยอดขายแม่พิมพ์เพิ่มขึ้น:** บริษัทฯ สามารถรับงานใหม่จากลูกค้าที่มีการออกแบบโมเดลรถใหม่ และต้องการแม่พิมพ์สำหรับการผลิตชิ้นส่วนใหม่ ทำให้ยอดขายแม่พิมพ์เพิ่มขึ้น
* **การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ:** บริษัทฯ มีการบริหารกำลังการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดกำลังการผลิตที่สูญเปล่า (idle capacity) ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เหมาะสมกับปริมาณงานในแต่ละช่วงเวลา และลดงานจ้างผลิตภายนอก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น
* **การควบคุมอัตราการเกิดของเสีย (scrap rate):** บริษัทฯ สามารถลดของเสียในกระบวนการผลิตได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ลดการสูญเสียวัตถุดิบ และเพิ่มอัตราการใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ
* **การลงทุนในเครื่องจักรใหม่:** บริษัทฯ ลงทุนในเครื่องจักรใหม่มูลค่า 66 ล้านบาท สำหรับการผลิตชิ้นงานพลาสติกและแม่พิมพ์ เพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิมที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคุมคุณภาพชิ้นงานให้ได้มาตรฐานสูงขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ลดต้นทุนด้านแรงงานและพลังงาน
**การวิเคราะห์เพิ่มเติม**
* **กำไรจากการดำเนินงาน:** กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 25.04 ล้านบาท
* **รายได้อื่น:** รายได้อื่นลดลง 14.25 ล้านบาท
* **ดอกเบี้ยจ่าย:** ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 0.31 ล้านบาท จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
* **ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้:** ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 1.58 ล้านบาท จากปีก่อน
**สรุป**
แม้ว่ารายได้รวมของ TKT จะลดลงในปี 2567 แต่บริษัทฯ สามารถลดผลขาดทุนสุทธิได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การควบคุมอัตราการเกิดของเสีย การเพิ่มยอดขายแม่พิมพ์ และการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดชิ้นส่วนพลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ
**การจัดการความเสี่ยงและโอกาส**
TKT ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่และการปรับปรุงกระบวนการผลิตเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด และการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
(7.03%)
(6.45%)
(11.62%)
(23.14%)
(4.96%)
(31.61%)
(0.10%)
(7.24%)
(91.99%)
(75.64%)
(193.89%)
(122.25%)