สรุป OPPDAY หุ้น TK
Oppday
สรุป OPPDAY
TK โชว์ผลงาน Q3 ปี 2568: กำไรฟื้นตัว, เน้นสินเชื่อคุณภาพ, จับตาการควบคุมใหม่
สวัสดีค่ะ วันนี้ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ขอสรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมี 4 หัวข้อหลัก คือ ภาพรวมบริษัท, อุตสาหกรรม, ผลการดำเนินงาน, และไฮไลท์ทางการเงิน
Company Profile
- ก่อตั้งปี 2515 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ
- ปี 2543 เป็นผู้ริเริ่มประกันภัยรถจักรยานยนต์รายแรกในไทย
- ปี 2546 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุน 1,100 ล้านบาท
- ปี 2548 ออกหุ้นกู้แรก 745 ล้านบาท
- ปี 2553 ได้รับ Rating A- จาก TRIS
- ปี 2557 ตั้งบริษัทลูกแห่งแรกในกัมพูชา (Sua Sday Finance) และลาว (Sabaidee Leasing)
- ปี 2559 ได้รับรางวัล Investor's Choice Award ติดต่อกัน 8 ปี
- ปี 2562 ได้รับรางวัล 5 ดาว Corporate Governance จาก IOD
- ปี 2564 จัดตั้ง TK Broker ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ให้บริการ Non-Life Insurance Broker
- ปี 2565 ก่อตั้ง TK เงินทันใจ ได้รับ License Personal Loan จากธนาคารแห่งประเทศไทย
- ปี 2565 ได้รับรางวัล Investor's Choice Award ติดต่อกัน 15 ปี
- ปี 2567 TRIS Rating ให้ Rating บริษัทเป็น Triple B Stable
- ล่าสุด เป็น 1 ใน 4 บริษัทที่ได้คะแนน 100 คะแนนเต็ม ติดต่อกัน 18 ปี ในการจัด AGN จาก Thai Investor Association
ปัจจุบัน บริษัทมีสินทรัพย์ใน Portfolio 1,618 ล้านบาท มีบริษัทลูก 6 แห่ง:
- CBA: Debt Collection
- ชยภาค: สินเชื่อรถยนต์ (Portfolio 200 ล้านบาท)
- TK เงินทันใจ: Nano Finance
- TK Broker: Non-Life Insurance Broker
- Sua Sday Finance (กัมพูชา): Portfolio 770 ล้านบาท
- Sabaidee Leasing (ลาว): สินเชื่อรถจักรยานยนต์ 154 ล้านบาท
ปัจจัยความสำเร็จ:
- ผู้นำสินเชื่อรถจักรยานยนต์
- เครดิตดี ทำธุรกิจนี้มานาน
- เครดิตดีกับสถาบันการเงิน
- ฐานข้อมูลลูกค้าใหญ่
- มีสาขาในไทยและบริษัทลูกในลาว/กัมพูชา
- ฐานทุนใหญ่ (5,380 ล้านบาท), D/E Ratio ต่ำ (0.05 เท่า), NPL 4.5%, Rating BBB Stable
Industry Overview
ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย:
- ปี 2567 ตลาดเริ่มหดตัว
- ตั้งแต่ปี 2563 ตลาดโตมาตลอด
- 9 เดือนแรกปีนี้ โต 2.3% คาดทั้งปีโตเล็กน้อย (1.7 ล้านคัน)
ปัจจัยหนุน:
- คน Trade Down จากรถกระบะ/รถมือสอง
- ส่งออกดีใน 2-3 ไตรมาสแรก (จากกำแพงภาษีในสหรัฐฯ)
เศรษฐกิจไทย:
- ส่งออกเป็นพระเอก แต่ปีหน้าอาจชะลอตัว
- ท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่ไม่มาก
- ปีหน้า GDP อาจโตชะลอตัวจากปีนี้
ยอดขายรายเดือน:
- 9 เดือนแรก ปี 2568 เป็นบวก 7 เดือน, ลบ 2 เดือน
- โดยรวมโต 2% จากปีก่อน
กรุงเทพฯ:
- ตลาดโตต่อเนื่อง (Q1: 1.2%, Q2: 4.6%, Q3: 8.7%)
- 9 เดือนแรก โต 4.6% (สูงกว่าตลาดรวม)
- มีการแข่งขันสูง เน้นปล่อยสินเชื่อรถราคาแพง เพื่อชดเชยดอกเบี้ยที่ถูกจำกัด
ประเภทรถ:
- สมัยก่อน: Family เป็นหลัก, Automatic เริ่มนิยม
- ช่วงเศรษฐกิจดี: Sport/Big Bike ขายดี
- ปัจจุบัน: รถราคาแพงยอดขายลดลง, คน Trade Down
สัดส่วนตลาด:
- Family ลดลง (40% ใน 9 เดือนแรก)
- Automatic สูงขึ้น (55%)
- Sport พีคสุดปี 2558 (19%) ปัจจุบัน 3%
EV:
- ยังไม่เป็นประเด็นใหญ่ (แบตเตอรี่ราคาสูง)
- ปี 2567: 20,000 คัน (1.5%), 9 เดือนแรกปีนี้: 26,000 คัน (2%)
- ผู้ให้บริการหลายรายถอย/ปิดตัว เพราะการตอบรับไม่ดี
ตลาดรถยนต์:
- ติดลบมา 2 ปี (รถจักรยานยนต์ติดลบ 1 ปี)
- ปี 2567 รถยนต์ติดลบหนัก (26%)
- ปีนี้คาดโตเล็กน้อย
สัดส่วนประเภทรถ:
- Commercial (กระบะ) หดตัวแรง
- รถเก๋งขยับขึ้น
ยอดขายรถยนต์รายเดือน:
- ปี 2567 ติดลบชัดเจน
- ปีนี้ 3 เดือนลบ, 6 เดือนบวก (เริ่มเห็น Q2/Q3)
- ปลายปีอาจเร่งตัว (Subsidies EV หมด)
3 ยี่ห้อหลักในไทย:
- Toyota (กระบะ/เก๋ง)
- Isuzu (กระบะ)
- Honda (เก๋ง)
ปัจจุบันมีรถจีน (Market Share 16%) เติบโต แต่ไม่แรงเท่าเดิม (เพราะแรงหนุนจากเงินสนับสนุนลดลง)
ธุรกิจหลักของ TK: รถจักรยานยนต์ (หลัก), รถยนต์ (ส่วนน้อย) เพราะ Return ไม่สูงนัก
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา: รถมือสองราคาตกมาก ทำให้ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถยนต์บาดเจ็บ ตอนนี้ราคาเริ่มทรงตัว
สาขาของ TK: ในไทย (สีเขียวเข้ม) และ สปป.ลาว (4 สาขา, สีเขียวเข้ม) / ก่อนหน้ามี 6 สาขา แต่ปิดบางส่วน
นักลงทุนถามถึงผลกระทบจากปัญหาในศรีลังกาต่อลาว: ลาวยังเก็บเงินได้ดี
กัมพูชา: มี 12 สาขา, ช่วงที่ผ่านมาอ่อนไหว แต่ยังเก็บเงินได้ดี
Financial Highlight
- ปี 2567: ขาดทุนเป็นปีแรกตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- แต่ยังจ่ายเงินปันผล
- Q3/68: รายได้หด 28%, รายจ่ายหด 30% > กำไร 8 ล้านบาท
- 9 เดือนแรก: รายได้หด 30% (695 ล้านบาท), รายจ่ายหด 41% (594 ล้านบาท) > กำไรเพิ่มขึ้น (89 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน)
มีการตั้งสำรองพิเศษในประเทศ (ตั้งแต่ Q1/68) เกือบ 80 ล้านบาท / ถ้าไม่ตั้งสำรองพิเศษ จะมีกำไรมากกว่านี้
รายได้หดตัว เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มควบคุมธุรกิจเช่าซื้อ (2 ธันวาคม 2568) / ตอนนี้เริ่มกลับมาปล่อยสินเชื่อ แต่กฎระเบียบยังไม่ชัดเจน
ธปท. ต้องการ:
- ไม่ให้ลูกหนี้ก่อหนี้เกินตัว
- ไม่เร่งการก่อหนี้
- ไม่ให้พนักงานกระตุ้นการก่อหนี้โดยไม่จำเป็น
หนี้ครัวเรือนไทย: 80-90% / ลดลงเพราะ GDP โตขึ้น และการปล่อยสินเชื่อลดลง
รายได้หลัก: จากรถจักรยานยนต์ / รายได้อื่นๆ สัดส่วนสูงขึ้น
ชะลอการปล่อยสินเชื่อ: เห็นได้จาก Portfolio สินเชื่อลดลง (ปี 2566: 3,659 ล้านบาท, ปัจจุบัน: 1,618 ล้านบาท) / สินเชื่อหดตัว 18% ในช่วง 9 เดือนแรก
สัดส่วนที่เพิ่มขึ้น: เงินฝากประจำ (Fixed Deposit) และเงินสด (48%) เกือบ 3,000 ล้านบาท / รวมเงินลงทุนในหุ้นกู้ ~ 3,000 ล้านบาท
Liquidity: ไม่มีปัญหา, ไม่มีหุ้นกู้ที่ต้องชำระ
ปัญหา: เงินสดเยอะ Return ไม่ดี / เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว และคาดปีหน้าจะชะลอตัวกว่าปีนี้ จึงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ Reject ลูกค้า >50%
สัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์: 1,343 ล้านบาท (9 เดือนแรก ลดลง 21%) / ลดในไทยเยอะ, ต่างประเทศทรงตัว
Aging: ลูกหนี้ค้างชำระ >3 เดือน: 4.8%
รถยนต์: ปล่อย 200 ล้านบาท, ไม่เยอะ, ไม่ได้รับผลกระทบจากราคามือสองตก เพราะ Down ~25%
NPL รถยนต์: อาจดูสูง (17%) แต่เป็นสัดส่วนน้อย และไม่ได้เร่งปล่อย จึงดูสูงผิดปกติ
Aging รวม: ค้างชำระ >3 งวด: 6.7% / เพราะ Portfolio เช่าซื้อลดลง / คุณภาพลูกหนี้โดยรวมไม่แย่ / ส่วนที่ไม่สวยนัก คือรถยนต์/รถจักรยานยนต์ในไทยที่ปล่อยน้อย
กัมพูชา/ลาว: ยังดีอยู่
กัมพูชา:
- ตลาดรวมรถจักรยานยนต์โต ~20%
- Portfolio เช่าซื้อ 9 เดือนแรกลดลง 3% (809 ล้านบาท)
- Q1 ยังดี, Q2/Q3 ไม่เร่งปล่อย เพราะความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และหน้าฝน
- คาดปีนี้ผลประกอบการดีกว่าปีก่อน (Q3/68 กำไร 19.5 ล้านบาท)
- 2 ปีที่ผ่านมา: เร่งตัดหนี้สูญ (หลัง COVID ฟื้นตัวไม่ดี) / 9 เดือนแรกปีนี้ กำไรเกือบ 90 ล้านบาท
- รายได้หด 15%, รายจ่ายลด 40% (เพราะหนี้สูญที่เร่งตัดไปก่อนหน้า)
- ลูกหนี้ค้างชำระล่าสุด (Q3/68): 4.6%
ลาว:
- ตลาดรวมโต ~20%
- ไม่เร่งปล่อยสินเชื่อ
- 9 เดือนแรกโต 3% (155 ล้านบาท)
- 9 เดือนแรกกำไร 28 ล้านบาท / Q3 เกือบ 9 ล้านบาท (ลดลงเล็กน้อย)
- ไม่เร่งปล่อยสินเชื่อ กำไรจึงไม่ขยับมาก
- ลูกหนี้ค้างชำระ >3 งวด: 0.4% (ดีมาก)
Coverage Ratio: อาจต่ำลง (97%) เพราะเร่งตั้งสำรอง แต่ไม่เร่งตัดหนี้สูญ / NPL >3 งวด: 117 ล้านบาท, ตั้งสำรอง 113 ล้านบาท / มี Liquidity ~3,000 ล้านบาท จึงไม่น่าเป็นห่วง
หนี้ที่กู้: ในต่างประเทศ, เพื่อ Currency Match (กู้เป็นสกุลเดียวกับที่ปล่อยกู้) / ลดลงเพราะไม่เร่งปล่อยสินเชื่อ / ดอกเบี้ยดูสูง เพราะในไทยไม่ได้กู้
Digital:
- การใช้ Digital ยังไม่สูงมาก
- ในอนาคตจะใช้มากขึ้น ถ้าเร่งปล่อยสินเชื่อ
- ไทยมีอัตราการจ่ายเงินผ่าน Digital สูง
Q&A Session [นาทีที่ 47:00]
- ปัญหาความขัดแย้งกัมพูชา:
- Q: มีผลต่อการดำเนินงานมากน้อยเพียงใด มีการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างไร และมีเงินสดเหลือมากกว่า 3,000 ล้านบาท จะทำอะไรบ้างในอนาคต?
- A: (1) ผลกระทบเริ่มแรกคือขวัญกำลังใจพนักงาน, (2) สถานการณ์ในเมืองปกติ, (3) ปัญหาเศรษฐกิจ (Border Trade ปิด, แรงงานกลับประเทศ), (4) โซดาไดเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ, (5) การเก็บเงินปกติ
- แผนการดำเนินงานในกัมพูชา:
- A: เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ, ดูคุณภาพหนี้, ติดตามใกล้ชิด, ยึด/ขายรถเพื่อลดความเสี่ยง
- แนวคิดส่วนตัว:
- A: ไม่ควรส่งต่อ List บริษัทไทยในกัมพูชา เพราะคนกัมพูชาไม่อยากสนับสนุนธุรกิจไทย
- คำแนะนำเพิ่มเติม:
- A: เริ่มจากเรา เรียกเพื่อนบ้านอย่างสุภาพ (ไม่เรียก "เขมร"), ศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อนบ้าน
- สภาวะตลาดหลังกลับมาปล่อยสินเชื่อ:
- Q: สภาพตลาดเป็นอย่างไร แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่บริษัทชะลอการปล่อยสินเชื่ออย่างไร?
- A: เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยดี รอความหวังจากรัฐบาล, ควบคุมคุณภาพหนี้ (ดอกเบี้ย Cap จาก สคบ.), ต้องเน้นคุณภาพหนี้
- สคบ. เข้ามาคุมเพดานดอกเบี้ย:
- Q: จะมีการทบทวนทุก 3 ปี?
- A: ธปท. รับช่วงต่อ, ธปท. จะศึกษาและตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย, ทุกบริษัทที่ทำเช่าซื้อ (รถยนต์/จักรยานยนต์) ต้องรายงานตัวกับ ธปท.
- เงินสดที่มีอยู่:
- A: (1) ซื้อหุ้นกู้ (High Grade, Short/Medium Term), (2) แลกเป็น USD เพื่อลงทุนในกัมพูชาเล็กน้อย
- Front Load Provision คืออะไร?
- A: การตั้งสำรอง/เร่งตัดหนี้สูญก่อนถึงกำหนด (เพราะบางอาชีพ/บางจังหวัดมีความเสี่ยงสูง)
- ไทยมีแนวโน้มห้ามใช้มอเตอร์ไซค์สันดาป?
- A: ยังไม่มีข่าว, ลูกค้าส่วนใหญ่ยังใช้รถน้ำมัน, รถยนต์ไฟฟ้า Active กว่า
- เหตุใด Coverage Ratio ลดลง?
- A: ตั้งสำรองพิเศษ แต่ไม่เร่งตัดหนี้สูญ
- สถานการณ์การปล่อยสินเชื่อ:
- A: ยังไม่เร่งปล่อยมากนัก, ค่อยๆ กลับมา (Soft Opening)
- เหตุใดไม่เอาเงินสดไปลง REITs?
- A: REITs ผันผวน, ต้องการ Liquidity สูง, High Grade, Yield สม่ำเสมอ
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติรับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุนทุกท่าน