สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK มีผลขาดทุนในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 5.4 ล้านบาท ลดลง 118.1% จากไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ทำกำไร 29.8 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 288.4 ล้านบาท ลดลง 30.9% จาก 417.6 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้เช่าซื้อ 48% เนื่องจากเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อลดลงเหลือ 23% ตามกฎหมายใหม่ และนโยบายลดความเสี่ยงของ TK โดยชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ขณะที่รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 7% มาจากหนี้สูญรับคืนและรายได้ค่าธรรมเนียม ในส่วนค่าใช้จ่ายรวมลดลง 22.7% หลักๆ มาจากการลดสาขาทำให้มีการจ่ายเงินชดเชยพนักงาน แต่มีการควบคุมต้นทุนในแต่ละหน่วยงาน โดยรวมแล้ว TK มีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ลดความเสี่ยง และควบคุมต้นทุน

TK มีแผนธุรกิจในอนาคตโดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และผลตอบแทน นอกเหนือจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ บริษัทฯ ยังมีบริการสินเชื่อประเภทอื่นๆ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และบริการรถเช่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการกระจายความเสี่ยงพอร์ตสินเชื่อ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

จากผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ TK มีผลขาดทุน แม้ว่ารายได้จะลดลงและค่าใช้จ่ายจะควบคุมได้ แต่ P/E และ P/BV ล่าสุดอยู่ในระดับสูงถึง 1066.36 และ 0.42 ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนในอนาคต ส่วน YIELD ล่าสุด 5.36% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น 52 สัปดาห์ สูงสุด/ต่ำสุด ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 10.76 / 4.68 ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนของราคาหุ้น โดยรวมแล้ว TK อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตและรับเงินปันผล โดยต้องติดตามความคืบหน้าในการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ การควบคุมต้นทุน และการออกกฎระเบียบใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ