สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่น่าผิดหวัง โดยมีกำไรสุทธิลดลง 71.7% เหลือ 6.6 ล้านบาท และรายได้รวมลดลง 17.0% เหลือ 350.3 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้เช่าซื้อ ซึ่งลดลงถึง 37.5% เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อตามประกาศของ สคบ. และนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม รายได้อื่นๆ มีการเติบโต 3.9% จากค่าสูญรับคืนและค่าธรรมเนียมจากสัญญาเช่า

บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในระยะสั้นและระยะยาว โดยปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจเช่าซื้อเพียงอย่างเดียว เช่น การเพิ่มบริการสินเชื่อประเภทอื่นๆ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ และบริการรถเช่า บริษัทฯ ยังคงติดตามการกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด และได้เตรียมการดำเนินงานด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเข้ามาควบคุมของธปท.

ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดสะท้อนถึงความท้าทายของ TK ราคาหุ้นในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 4.68 บาท ถึง 10.95 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 4.85 บาท P/E ล่าสุดอยู่ที่ 124.68 ซึ่งถือว่าสูงมาก P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.42 และ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 5.32 ราคาหุ้นที่สูงและ P/E ที่สูงมากบ่งบอกถึงความคาดหวังของตลาดต่อการเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม YIELD ที่สูง แสดงถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ แต่ด้วยความเสี่ยงของธุรกิจในปัจจุบัน การลงทุนใน TK จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูง และมองหาโอกาสในระยะยาวมากกว่า