สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (THREL): ผลประกอบการไตรมาส 3/2567

ผลประกอบการของบริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (THREL) ในไตรมาส 3/2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรายได้ แต่กำไรสุทธิลดลง 16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรจากการรับประกันภัยลดลง 18% โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับรวมเพิ่มขึ้น 73% เป็น 1,693 ล้านบาท เกิดจากการเติบโตของสัญญาประกันสุขภาพแบบรายเดียวและการปรับเพิ่มของอัตราค่าเบี้ยประกันสุขภาพรายกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมก็เพิ่มขึ้น 80% เป็น 1,489 ล้านบาท โดยหลักเกิดจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 508 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อรับ

ในส่วนของรายได้เงินลงทุนและรายได้อื่น บริษัทมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 15 ล้านบาท ลดลง 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้เงินปันผลลดลง 4 ล้านบาท ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนของปี 2567 แสดงให้เห็นถึงขาดทุนสุทธิตามงบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย จำนวน 59 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 107 ล้านบาท โดยขาดทุนจากการรับประกันภัยต่อเป็น 34 ล้านบาท เนื่องจากเบี้ยประกันภัยต่อรับรวมเพิ่มขึ้น 35% เป็น 3,564 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยรวมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน 45% เป็น 3,330 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น 898 ล้านบาท ตามการเติบโตของเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นและการเพิ่มขึ้นของอัตราค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าบำเหน็จที่เพิ่มขึ้น 121 ล้านบาท

## แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต

บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการประกันชีวิตให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นของสังคมไทย บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเงินสำรองประกันชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น

## โอกาสการลงทุน

THREL ปัจจุบันมีราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 1.76 บาท ราคาหุ้น 52 สัปดาห์ สูงสุด/ต่ำสุด อยู่ที่ 4.7 / 1.76 บาท P/E ล่าสุด -100 P/BV ล่าสุด 0.88 และ YIELD ล่าสุด 4% ถือว่าไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล

ผลประกอบการล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังแสดงให้เห็นถึงความผันผวนของธุรกิจประกันชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากอัตราค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น ส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม P/BV ที่ต่ำและ YIELD ที่ 4% อาจเป็นจุดดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น โดยควรติดตามผลประกอบการและพัฒนาการของอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด