สรุป OPPDAY หุ้น TGE

บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
โอเคครับ เริ่มเลยนะครับ
สรุป Oppday TGE : โอกาสเติบโตในยุคพลังงานสะอาด ปี 2567
สวัสดีครับ ผมนายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และสวัสดีค่ะ มัลลิกา ธนัททวีรัตน์ นะคะ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน วันนี้ TGE จะมาให้ข้อมูลผลการดำเนินงานประจำปี 2567 และความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน
วันนี้เรามี 4 วาระการประชุม:
- ภาพรวมของบริษัทและไฮไลท์ของปีที่ผ่านมา
- การก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในเฟสแรก (4 โรงงาน, 4 จังหวัด)
- การเตรียมหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม (การออก Warrant 1 และ 2)
- การขยายธุรกิจไปสู่การบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส (2 โรงไฟฟ้า)
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ
ผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กำไรสุทธิเติบโต 4.8% year-on-year มากกว่าปีที่แล้ว
โอกาสทางธุรกิจ
การก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 4 แห่งแรก การออก Warrant เพื่อหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม การขยายไปสู่ธุรกิจบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ
ไม่มีการกล่าวถึงความเสี่ยงที่กำลังเผชิญโดยตรงในส่วนนี้
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ
ไม่มีการกล่าวถึงวิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบโดยตรงในส่วนนี้
แนวโน้มและอนาคต
การขยายธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาดและ Renewable Energy เพิ่มสัดส่วนจาก 30% เป็น 50% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งรู้จัก TGE ธุรกิจหลักคือ:
- โรงไฟฟ้า Biomas 3 แห่งที่สุราษฎร์ธานี (9.9 MW, สัญญา PPA 7.2 MW, 9.7 MW, 3.4 MW)
- การบริหารจัดการโรงไฟฟ้า (สุราษฎร์ธานี, สัญญาขายไฟ 2.8 MW และ 4.2 MW)
- การกำจัดขยะชุมชน (4 โรงงานในเฟสแรก)
โรงไฟฟ้าขยะชุมชน 4 แห่งแรก (ชุมพร, ราชบุรี, สระแก้ว, ชัยนาท) เป็นโรง VSPP สัญญา PPA 20 ปี ความคืบหน้าในการก่อสร้างวัดจาก % ของ EPC
โรงไฟฟ้าท่าจีนจะเป็นโรงใหญ่สุด (9.9 MW, ขาย PPA 8 MW, ใช้ภายในโรงงานส่วนที่เหลือ) เงินลงทุนโครงการ 1,900 ล้านบาท
โรงไฟฟ้าแต่ละแห่งมี Layout ที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมของโฉนดที่ดินในแต่ละแปลง
การลงทุนทั้ง 5 โครงการ (รวมท่าจีน) ได้รับการส่งเสริม BOI ปัจจุบัน 4 โครงการแรกได้รับการอนุมัติแล้ว
โครงสร้างรายได้ปี 2024 ยังคงเหมือนเดิม รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายไฟ (PEA และ Related Party) รองลงมาคือการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า (ไบโอแก๊ส) Water & Steam และบริหารจัดการขยะ
รายได้จากการขายไฟมาจาก 3 โรงไฟฟ้าชีวมวล (TGE, TPG, TBP) กำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมด 29.7 MW คาดว่าปี 2026 จะมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มอีกประมาณ 5 โรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน
คาดว่ารายได้จากการขายไฟจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจะเริ่มประมาณปี 2028 หรือ 2029 รวมกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนประมาณ 46.8 MW รวมกับโรงไฟฟ้าชีวมวลเป็น 76.5 MW
Financial Highlight ปี 2567:
- รายได้จากการขายและบริการ: 971.9 ล้านบาท (โต 7.3%)
- Gross profit: 350 ล้านบาท (โต 14.2%)
- EBITDA: 456 ล้านบาท (โต 3.9%)
- Net profit: 251 ล้านบาท (โต 4.8%)
- GP: 35%
- Net profit: 25.1%
- Return on asset: 9%
- Return on equity: 10.3%
รายได้จากการขายไฟลดลงเล็กน้อย (0.8%) ส่วนใหญ่มาจาก Rate ที่ลดลงเนื่องจากเป็นไฟที่ขายให้ Related Party ตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคือบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส (75.5 ล้าน)
หากไม่รวมรายได้และต้นทุนจากค่าก่อสร้างจากสัญญา สัมปทาน Gross profit 350 ล้านบาท (โต 14.2%) GP สูงสุดคือบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส (67.4%) ขายไฟประมาณ 35% บริหารจัดการขยะ 23.5% Water & Steam 3%
Overall GP จบที่ 36.1% (สูงกว่าปีที่แล้วที่ 33.9%) โครงสร้างต้นทุนยังเหมือนเดิม ต้นทุนส่วนใหญ่คือ Raw material (ปาล์มและทะลายปาล์ม) รองลงมาคือ Depreciation ค่าซ่อมบำรุง และ Labor
ค่าใช้จ่ายในการบริหารปี 2024 จบที่ 57.6 (สูงกว่าปีที่แล้ว 7.9%) สูงมาจากพนักงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกำลัง Go ตัวโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น ขยายพื้นที่ Office สำหรับพนักงานใหม่ๆ ที่กรุงเทพฯ
Net profit ปี 2024 จบที่ 251.4 (โตกว่าปีที่แล้ว 4.8%) Net profit เปอร์เซ็นต์ Drop ลงมาจากปีที่แล้วประมาณ 1% Main ๆ คือมาจาก Income tax expense เนื่องจากปี 2024 มีตัวบริหารจัดการไบโอแก๊สเข้ามาซึ่งรายได้กับกำไรต้องมี Corporate income tax 20%
Total asset เพิ่มขึ้น 1.43% ตัว Main ๆ ที่เพิ่มคือ Other asset ซึ่งเป็นตัวพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเป็นส่วนใหญ่
ตัวเงินกู้ธนาคารลดลงตามแผนปกติ Equity เพิ่มขึ้นเนื่องจากกำไรของปี 2024
Interest bearing debt ต่อ Equity ลดลงตามลำดับ เนื่องจากยังไม่ได้เริ่มลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะ หนี้กับสถาบันการเงินจึงยังไม่ได้เกิด
ธุรกิจของ TGE อยู่ภายใต้แผนไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2024) ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก นโยบายภาครัฐส่งเสริมให้พลังงานสะอาดและ Renewable Energy เพิ่มสัดส่วนจาก 30% เป็น 50% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ปัจจุบัน Renewable Energy ของไทยอยู่ที่ 30% ภายใน 12 ปีข้างหน้าต้องเพิ่มสัดส่วนนี้ให้เป็นครึ่งหนึ่งให้ได้ เพิ่มประสิทธิภาพ (Energy efficiency) ประมาณ 6% เตรียมรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งก็คือรถไฟฟ้า
เป้าหมายของประเทศปี 2030 จะมีรถ EV เติบโตขึ้นอย่างมากถึง 50% และในอีก 16 ปีข้างหน้าแทบจะมีรถ EV ถึง 100%
การกำหนดนโยบายของกระทรวงพลังงานจะยึด 3 ส่วนที่สำคัญ:
- ความมั่นคงทางด้านพลังงาน
- พลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- คาร์บอนต่ำ
TGE สอดคล้องกับแผนพลังงานของประเทศ มองเห็นเรื่องเหล่านี้มาหลายปีล่วงหน้า การไม่มีโรงไฟฟ้ากำจัดวัสดุหรือ Waste ของเสียจากทะลายปาล์ม ธุรกิจโรงปาล์ม น้ำยาง น้ำเสียต่างๆ จะเกิดการเผา เกิดปัญหา PM 2.5
TGE อยู่ในการซื้อขายไฟฟ้าหมุนเวียนในประเทศไทย ทำสัญญากับภาครัฐ (การไฟฟ้าภูมิภาค) ได้รับสัญญา PPA ระยะยาว 20 ปี ต่อไปจะเพิ่มการซื้อขายอีกชนิดหนึ่ง (รอความชัดเจนจากภาครัฐ) คือการทำสัญญาซื้อขายกับภาคเอกชน (Direct PPA) อาจมีค่าใช้จ่ายในการผ่านสายส่งของการไฟฟ้าภูมิภาค (Wheeling charge)
การทำสัญญาซื้อขาย Direct PPA กับภาคเอกชนน่าจะได้ราคาขายไฟที่ดีขึ้น ไฟฟ้าที่จำหน่ายเป็น Renewable Energy (ชีวมวล + แสงอาทิตย์) ประมาณ 78% TGE ก็มีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ Related Party
นอกจากเรื่องขายไฟแล้ว TGE ยังมีรายได้อีกตัวที่เตรียมไว้สอดคล้องกับข้อ 4 ของนโยบายของประเทศ คือการผลิตไฟฟ้าสะอาด (Renewable Energy) ได้รับการเทียบเคียงว่าได้ลดก๊าซเรือนกระจกเท่าไหร่ ออกมาเป็นคาร์บอนเครดิต
ในประเทศไทยหน่วยนี้เรียกว่า Tver ปัจจุบันได้รับคาร์บอนเครดิตอยู่ในมือเราประมาณ 220,000 ตัน จากโรงไฟฟ้า TGE, TPG และ TBP โรงแรกของ TGE ที่มีอายุเกิน 3 ปีไม่สามารถทำคาร์บอนเครดิตที่เป็นหน่วยของ Tver ได้
TGE ได้ยกระดับตัวโรงนี้ไปทำ Renewable Energy Certificate (REC) ซึ่งจะเป็นมาตรฐานจากสวิตเซอร์แลนด์ผ่านมาที่ EGAT การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็จะมีอยู่ในมือตอนนี้ประมาณ 60,000 ตัน อีก 60,000 ตันกำลังจะได้รับการรับรองภายในไตรมาสที่ 2 นี้ โดยรวมก็ประมาณ 120,000 REC
ราคาเฉลี่ยของชีวมวลมีราคาแนวโน้มที่ค่อนข้างสูงขึ้นจาก 60 บาท 30 กว่าบาทมาเป็นหน่วยละประมาณ 500 บาท
เป้าหมายของ TGE ในปี 2028 จะมีกำลังการผลิตติดตั้ง 29.7 MW, 66.6 MW หรือ 86.4 MW ประมาณ 100 MW แรกจะอยู่ในการเผาจากของเสีย (Turn waste to energy) ไม่ว่าจะมาจากการเกษตร จากน้ำเสีย หรือจากขยะชุมชน
เป้าหมายปี 2032 จะเติบโตไปอีก Double (เท่าตัว) คือ 200 MW จากพลังงานสะอาดจริง ๆ (แสงอาทิตย์ หรือลม) อยู่ในการศึกษาโครงการที่เป็นเป้าหมายการเติบโต
TGE มีการกระจายตัวของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตั้งแต่สุราษฎร์ธานี (3 โรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส) ชุมพร ราชบุรี สระแก้ว ชัยนาท (เฟสแรก) สมุทรสาคร (ภาคกลาง) อุบลราชธานี และปราจีนบุรี
ชีวมวลมีหน่วยการขายไฟที่ประมาณ 4.65 บาท แต่สำหรับโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเริ่มแรกคือไม่มีค่าเชื้อเพลิง 44% (อยู่ในโครงสร้างต้นทุน) แต่จะได้รับค่ากำจัด (Tipping fee) จากภาครัฐ รวมทั้งอัตราการขายไฟก็ได้รับการส่งเสริม
ภาครัฐถือว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเป็นโรงไฟฟ้าที่ดี ช่วยกำจัดขยะ Landfill ต่างๆ อย่างถูกต้อง ถูกสุขลักษณะ ถูกเทคโนโลยี ก็เลยมีอัตราค่าไฟและก็มีค่า Premium ให้เพิ่มเข้ามาด้วย
ในเรื่องของ ESG TGE ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องรอบๆ โรงไฟฟ้าชีวมวลที่สุราษฎร์ธานี ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการปลูกป่าชายเลน เพื่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดี ให้ยั่งยืน ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์น้ำขนาดเล็ก เพื่อให้เป็นสัตว์น้ำขนาดใหญ่ ให้ชาวบ้านได้ทำการหาอาหารได้ มีการช่วยเหลือบ้านพนักงานและชาวบ้านที่น้ำท่วม หรือบริจาคของในวันเด็ก การทำความดี CSR การปลูกต้นไม้ การคัดแยกขยะ
รอบๆ โรงไฟฟ้าแห่งแรกที่ชุมพรได้มีการให้ทุนการศึกษากับโรงเรียนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า และจะทำอย่างนี้ในโรงไฟฟ้ารอบๆ โรงไฟฟ้าราชบุรี แล้วก็สระแก้ว แล้วก็ชัยนาทภายในปีนี้
TGE ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ) (CG scoring) ถึง 2 ปีซ้อน ได้รับมอบเกียรติบัตรในโครงการ ESG DNA ให้พนักงานในบริษัทได้มีความรู้ในเรื่อง ESG ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน (ESG Rating) ในปี 2567 ในระดับ A
โดยสรุป TGE มีผลการดำเนินงานที่เติบโต มีโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังพลังงานสะอาดและโรงไฟฟ้าขยะชุมชน บริษัทให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีความยั่งยืนในด้านต่างๆ
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) (เริ่มในนาทีที่ 55:38)
แผนปี 68 ตั้งเป้าเติบโตไว้เท่าไหร่ มีปัจจัยอะไรเป็นตัวหนุน
ตัวรายได้ ตัวท็อปไลน์ กับ Bottomline อาจจะตั้งเป้าไว้ 1 ดิจิต อยู่ ก็คือเติบโตไม่ได้มากสำหรับปีนี้ เพราะว่าจริง ๆ แผนการลงทุนของเราก็คือปี 68 กับ 69 เนี่ย คือเราจะลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชน เมื่อ เมื่อไหร่ ก็ตามที่โรงไฟฟ้าขยะชุมชนเนี่ย เริ่ม COD ก็คือจะมีตัว การเปลี่ยนแปลงของของท็อปไลน์ กับ Bottomline แบบ อย่างมีนัยสำคัญ
ตั้งเงินลงทุนปี 68 ไว้เท่าไหร่ แล้วใช้เงินลงทุนอย่างไรบ้าง
สำหรับ อย่าง ที่กล่าวไปเมื่อกี้ค่ะ ก็คือเงินลงทุนของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเนี่ย จะอยู่ที่ ปี 68 กับ 69 นะคะ กระจายไว้ประมาณ 2 ปี ก็จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 7,000 ล้านบาท
บริษัทมีแผนการบริหารปริมาณขยะที่เป็นวัตถุดิบ และควบคุมคุณภาพขยะ เพื่อป้อนสู่โรงงานอย่างต่อเนื่องอย่างไร
โรงไฟฟ้าขยะชุมชนของเราเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและมีอย่างแพร่หลายทั้งในญี่ปุ่นและในประเทศจีนเป็นร้อย ๆ โรง ไม่ ไม่ใช่ว่าเรามาเป็น เป็นโรงทดลองในประเทศไทย เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ก็คือ เราไม่ต้องมานั่งแยกแยะ RDF ออกมาแล้ว นะครับ เพื่อให้เกิดต้นทุนทางด้านวัตถุดิบ นะครับ หรือว่าแยกแยะเฉพาะขยะ พลาสติกออกมา นะครับ มามัดเป็นก้อนลูกเต๋า แล้วก็ส่งเข้า เอ่อ โรงงานเผา เราไม่ได้ทำอย่างนั้นนะครับ เราเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เราเรียกว่า Direct Burn เพราะฉะนั้นรถขยะที่วิ่งผ่านหน้าบ้านท่านนะครับ จะวิ่งเข้ามาในเขตโรงงานเรา ทำการชั่งน้ำหนักว่าขยะในรถเนี่ยนะครับ มีทั้งหมดเที่ยวนี้กี่ตัน กี่ 10 ตัน นะครับ จากนั้นวิ่งขึ้นสโลป ถ้าท่านจำได้นะครับ สโลปสูงนิดนึงนะครับ ก็วิ่งขึ้นไป แล้วไปถอยท้าย เทขยะเข้าในบ่อพักขยะภายในตัวโรงงานที่เป็นอาคารปิดนะครับ เราทำการเผาตรงเลยนะครับ ไม่ต้องมีแยกพลาสติก แยกอะไรต่าง ๆ เป็น RDF ออกมา เพราะฉะนั้นคุณภาพขยะ เราได้มีการศึกษา เรามีบริษัทที่ปรึกษา ทั้งเรื่องคุณภาพแล้วก็ปริมาณว่าขยะมีค่าความร้อนเท่าใหญ่ นะครับ มีทั้งขยะสด แล้วก็ขยะจากแลนด์ฟิลที่อยู่เดิมของเป็นปัญหาของทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว มีค่าความร้อนเท่า ไหร่ นะครับ นำมาผสมกัน หรือนำมาใช้ได้เลย อะไรต่าง ๆ พวกนี้เรามีการศึกษาไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นถ้า นักลงทุนสามารถมั่นใจในเรื่องของปริมาณแล้วก็คุณภาพขยะที่มีค่าความร้อนต่างๆ เอ่อสามารถใช้ได้เลยครับ
ถ้าไม่มีคำถามเพิ่มเติมแล้ว ทางบริษัทขอจบการนำเสนอ พบนักลงทุนไว้เท่านี้ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ