สรุปงบล่าสุด TFMAMA

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการหุ้น TFMAMA (บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)) ปี 2567 (ฉบับปรับปรุง)
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA สำหรับปี 2567 โดยอ้างอิงจาก "การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A)" ที่เผยแพร่โดยบริษัท
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมทั้งสิ้น 29,606.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.02% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (2566) ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่และการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเชิงรุก กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีจำนวน 4,481.71 ล้านบาท เติบโต 18.64% จากปี 2566
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ถึงแม้จะไม่มีการระบุรายละเอียดสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม แต่เอกสาร MD&A ได้กล่าวถึงศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของตลาดบะหมี่และเส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย โดยมีอัตราการบริโภคเฉลี่ย 54 ซองต่อคนต่อปี และมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 22,778 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2568 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน, ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศมหาอำนาจ, และมาตรการกีดกันทางการค้า สำหรับประเทศไทย คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมจะมีความท้าทายมากขึ้นจากแนวโน้มการหดตัวของภาคการส่งออกและระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์สูง
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้:** รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 7.02% โดยเฉพาะในส่วนของกิจการ (Operating) ที่เติบโต 6.98%
* **ต้นทุนขาย:** ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 4.85% สอดคล้องกับการขยายตัวของรายได้จากการขาย แต่สัดส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายลดลงจาก 67.62% ในปี 2566 เหลือ 66.25% ในปี 2567 แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนจากราคาแป้งสาลีที่ปรับตัวลดลง
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 12.37% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าระวางเรือ, ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน, การขยายการจัดจำหน่ายในประเทศเมียนมา, ค่าเสื่อมราคา และการปรับเพิ่มของค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
* **ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า:** เพิ่มขึ้น 58.94% จากการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทร่วม และการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทร่วมในประเทศจีน
* **กำไรสุทธิ:** กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 18.64% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14.48%
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์:** สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 8.52% โดยสินทรัพย์หมุนเวียนคิดเป็น 50.73% และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนคิดเป็น 49.27% ของสินทรัพย์รวม
* **ลูกหนี้การค้า:** ลูกหนี้การค้าลดลง 15.71% โดยมีระยะเวลาในการเก็บหนี้เฉลี่ย 51 วัน (ลดลงจาก 56 วันในปีก่อน)
* **สินค้าคงเหลือ:** สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 2.63% โดยมีระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย 42 วัน
* **หนี้สิน:** หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 8.88% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้า โดยหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้สินหมุนเวียน (79.64% ของหนี้สินทั้งหมด)
* **D/E Ratio:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 0.15 เท่า แสดงถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุน
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
* บริษัทฯ มีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน จำนวน 6,583.60 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 6,816.02 ล้านบาท
* กระแสเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนเป็นจำนวน 2,608.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการจัดสรรกระแสเงินสดไปในรายการสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น, การลงทุนในบริษัทร่วม, และการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
* กระแสเงินสดสุทธิใช้ไปจากกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 2,260.78 ล้านบาท โดยมีรายจ่ายหลักจากการจ่ายเงินปันผลจำนวน 2,216.74 ล้านบาท
* เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 5,925.88 ล้านบาท สูงกว่าปี 2566 เป็นเงิน 1,723.56 ล้านบาท
* อัตราส่วนสภาพคล่องและอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วอยู่ที่ 6.29 เท่า และ 5.38 เท่า ตามลำดับ และ DIO (Days Inventory Outstanding) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 47 วัน
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ความเสี่ยง:** แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่มีความผันผวนและความท้าทาย
* **โอกาส:** บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม, การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง, ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบทางเลือกใหม่ๆ และการวิจัยพัฒนาสูตรการผลิตที่สามารถใช้วัตถุดิบทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
**7. สรุปสั้นท้ายสุด:**
ในปี 2567 TFMAMA ประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง, มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง, และมีการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริหารจัดการลูกหนี้การค้าที่ดีขึ้น อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในปี 2568 การให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภค, และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
**นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG) โดยมุ่งเน้นใน 3 ด้านหลักคือ บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม, และสังคม**
**หมายเหตุ:** บทความนี้สรุปจากข้อมูลที่ให้มาในเอกสาร "การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A)" เท่านั้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น อาจส่งผลให้การวิเคราะห์เปลี่ยนแปลงไป
(1.59%)
(4.08%)
(2.42%)
(4.53%)
(0.82%)
(0.44%)
(9.76%)
(2.70%)
(9.62%)
(21.16%)
(37.17%)
(2.08%)