สรุปงบล่าสุด TFI
บริษัท ไทยฟิวเจอร์อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## ผลประกอบการ บริษัท ไทยฟิวเจอร์อินคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (TFI) ในไตรมาส 3/2567
บริษัท ไทยฟิวเจอร์อินคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (TFI) รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้รวม 198.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2566 ที่มีรายได้ 70.02 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากยอดขายฟิล์มบรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรายได้จากการขายในประเทศ เพิ่มขึ้น 65.97 ล้านบาท และรายได้จากการขายต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 62.83 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 19.98 ล้านบาท จากไตรมาส 3/2566 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า TFI จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กลับมีผลขาดทุนขั้นต้น 35.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาทจากไตรมาส 3/2566 สาเหตุหลักเกิดจากบริษัทปรับแผนการผลิตและต้นทุน แต่ยังไม่สามารถขายสินค้าได้จำนวนให้ถึงจุดคุ้มทุน ขณะที่ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 2.54 ล้านบาท จากไตรมาส 3/2566 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายขนส่ง ค่าระวาง ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย และค่าใช้จ่ายหยุดผลิตที่ลดลง ในส่วนของต้นทุนทางการเงินลดลง 0.66 ล้านบาทจากไตรมาส 3/2566 เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายบริษัทที่เกี่ยวข้องกันลดลง ทำให้ TFI มีผลขาดทุนสุทธิ 69.47 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3/2566 ที่ขาดทุนสุทธิ 88.53 ล้านบาท
## แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต
บริษัทฯ มีแผนที่จะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มประเภทของผลิตภัณฑ์ และพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย TFI ยังวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการจัดการต้นทุน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลกำไร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า และการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในตลาด บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
## โอกาสการลงทุน
แม้ว่า TFI จะมีผลขาดทุนในไตรมาส 3/2567 แต่ก็มีปัจจัยบวกหลายประการ เช่น ยอดขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง และแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโต อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2561-2566 บริษัทฯ มีผลขาดทุน และมี D/E สูงถึง 0.33 ในปี 2566 สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ TFI มี P/E ล่าสุดเป็น -100 และ P/BV อยู่ที่ 0.55 แสดงให้เห็นว่าตลาดให้ความสนใจกับ TFI ค่อนข้างน้อย และราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังหลายปีสะท้อนถึงความผันผวนสูง ทั้งนี้ TFI มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน -27.539023 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน -102.990913 ล้านบาท ในปี 2566 แสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ กำลังเผชิญกับปัญหาในการบริหารจัดการกระแสเงินสด
**โอกาส**
* บริษัทฯ มีแผนที่จะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* TFI มีศักยภาพในการพัฒนาสินค้าใหม่ และปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต
* บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
**ความเสี่ยง**
* ผลประกอบการในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ไม่แน่นอน
* TFI มี D/E สูง สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง
* บริษัทฯ กำลังเผชิญกับปัญหาในการบริหารจัดการกระแสเงินสด
การลงทุนใน TFI มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของ TFI เป็นอย่างดี นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และติดตามผลประกอบการของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด
(2.73%)
(204.97%)
(38.18%)
(9.34%)
(36.44%)
(64.16%)
(11.90%)
(3.81%)
(25.95%)
(21.53%)
(6.15%)
(183.76%)