สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP มีผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 ที่น่าสนใจ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 1,675 ล้านบาท ลดลง 15.84% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะรายได้ประกันภัย/ประกันชีวิตสุทธิและเงินปันผล และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น TCAP มี NPL ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.57% จากไตรมาสก่อน บริษัทฯ มี Coverage Ratio อยู่ที่ 652.84% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และยังคงสูงกว่าเกณฑ์ที่สํานักงาน คณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กําหนดไว้ที่ร้อยละ 140.00

TCAP มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.52% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.08% จากการขยายตัวของสินเชื่อของธนชาตพลัส แต่สินเชื่อเช่าซื้อของราชธานีลิสซิ่งหดตัวลง ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 0.57% จากการบริหารจัดการสภาพคล่อง NIM (อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้) ของ TCAP อยู่ที่ 4.12% โดยมี Cost to Income Ratio อยู่ที่ 9.01% สินเชื่อของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 62,317 ล้านบาท ลดลง 3.51% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของสินเชื่อเช่าซื้อของราชธานีลิสซิ่ง โดยสินเชื่อของธนชาตพลัส ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

โอกาสการลงทุนใน TCAP ในปัจจุบันมีดังนี้:
* บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
* มี Coverage Ratio สูง
* มีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

ความเสี่ยงของการลงทุนใน TCAP มีดังนี้:
* ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
* ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย
* การแข่งขันในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ที่รุนแรง

TCAP เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจทางการเงินที่มีความมั่นคงและสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรติดตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิด