สรุป OPPDAY หุ้น TAN
Oppday
สรุป OPPDAY
TAN ปลดล็อคการเติบโต! สรุป Oppday ไตรมาส 3/2568 เจาะลึกกลยุทธ์ขยายธุรกิจสู่สากล
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):TAN มุ่งเน้นการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ แม้เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ผลประกอบการไตรมาส 3 ยังเติบโต 10.3% โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจในต่างประเทศเป็นหลัก
รายได้จากต่างประเทศส่วนใหญ่มาจากจีนและสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม Same Store Sales Growth ในประเทศยังติดลบ 8% จากสภาวะเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่ Net Profit ในไตรมาสนี้กลับมาเป็นบวกที่ 13.3 ล้านบาท
รายได้รวม 9 เดือนเติบโต 7.3% แต่กำไรลดลงจากปีก่อนหน้า Gross Profit Margin ยังคงรักษาระดับ 63-64% ไว้ได้ โดย Q3 มี Seasonal Sales มากกว่า Q2 และคาดว่า Q4 จะสูงขึ้นอีก
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนและสิงคโปร์ ซึ่งมีการเติบโตอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มช่องทางรายได้จากออนไลน์และการทำ Corporate Sales
กลยุทธ์การเติบโตเน้นการกระจายความเสี่ยงไปยัง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ แฟชั่น, บิวตี้และเวลเนส, ฟู้ดแอนด์เบเวอเรจ, และไลฟ์สไตล์ เพื่อลดการพึ่งพิงแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):ความเสี่ยงหลักคือสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้ Same Store Sales Growth ในประเทศยังคงติดลบ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
บริษัทยังเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าเช่าและค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด โดยไม่ลงทุนในโครงการที่ไม่แน่นอนและไม่สร้างกำไร
มีการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและใช้ประโยชน์จากแบรนด์ที่มีอยู่เพื่อสร้างยอดขาย นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):บริษัทคาดหวังการเติบโตในอนาคตจากธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีน ซึ่งยังมีโอกาสในการขยายเครือข่ายและเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
วิสัยทัศน์ระยะยาวคือการสร้างแบรนด์ให้มีความยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:22]
- ความแตกต่างของแบรนด์ "หาญ" ในตลาดเครื่องหอมและสกินแคร์
"หาญ" เน้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย (Body Care) ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติของไทย ไม่เน้นน้ำหอมหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าเป็นหลัก
- แผนการทำกำไรของ "หาญ" ในจีนและกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน
บริษัทมี Hero Product ที่ชัดเจน และยอดขายในจีนเติบโตต่อเนื่อง (ไตรมาสล่าสุด 40 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าเท่าตัว)
กลยุทธ์: พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, รับฟัง Feedback จากตลาดจีน, ขยาย Network (ปัจจุบัน 12 มณฑล จากทั้งหมด 30+), ตั้งเป้าสร้างยอดระยะยาว 3-4 ปี
- เงินสดในงบดุลลดลง กระทบสภาพคล่องหรือไม่ และแผนการลงทุน
Cash Flow จาก Operation ยังดีอยู่ มีการจ่ายออกไปจากการจ่ายเงินปันผล
บริษัทไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง เน้นลงทุนในสิ่งที่กรรมการบริษัทเห็นชอบและวัดผลได้ชัดเจน
- โอกาสในการจ่ายเงินปันผลสิ้นปี 2568
พิจารณาจากกำไรสะสม และนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย
รอปิดงบสิ้นปีก่อนพิจารณาจากผลประกอบการทั้งปี
- ความแตกต่างของร้านอาหารในเครือ และกลยุทธ์ Gordon Ramsay
Gordon Ramsay ไม่ได้เท่ากับทุกแบรนด์ที่มีและไม่ได้เท่ากับราคาแพง เป็นกลุ่มอาหารที่มีหลายแบรนด์ในเครือ
Premium ที่มี คือ Bread Street Kitchen & Bar (EmSphere, ICONSIAM)
ความแตกต่าง: All-Day Dining เหมาะกับศูนย์การค้ารองรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ, สร้าง Scale ลดผลกระทบจากค่า Franchise ที่จ่ายล่วงหน้า, ต้องให้เวลาอีก 2 ปีในการทำกำไร
- สถานการณ์ยอดขายของแบรนด์ใหม่ (MM6 และ Live)
Live: อยู่ในช่วงเริ่มต้นสร้างการรับรู้ (brand awareness)
MM6: ยอดขาย OK มี Collaboration กับ Product ที่เกี่ยวข้องดึงดูดลูกค้าได้ดี
- แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 4 และคาดการณ์เติบโตปีหน้า
ไตรมาส 4: รายได้ยกตัวสูงขึ้น (ตุลาคมดีกว่าปีก่อน)
คาดว่าจะเติบโตสองหลักแต่ขอแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปหลังจากการอนุมัติจากคณะกรรมการ
- Outlook Same Store Sales Growth (Q4)
บอกเป็นตัวเลขเจาะจงไม่ได้ แต่หลายแบรนด์ที่เคยติดลบเริ่มเห็นสัญญาณกลับมาเป็นบวก และปัจจัยจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
- การขยาย Pandora (Q3: 5 สาขา)
เปิดใหม่แค่ 2 ที่เหลือเป็น Renovate เพื่อปรับพื้นที่, ปัจจัยสำคัญ: ผลตอบแทนที่ชัดเจน (Pandora), คาดหวังผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการดึงดูดลูกค้าใหม่, สร้าง Ownership ให้พนักงาน, Break Even แต่ละรอบ < 2 ปี
- แผนการเปิดสาขาเพิ่มในไตรมาส 4
มีจากโครงการที่ดุสิต และ Street Burger (Siam Paragon)
นอกจากนั้นเน้นไปที่การ Renovate มากกว่า
- แผนการควบคุมค่าใช้จ่าย (ค่าเช่า, ค่าขนส่ง) ไตรมาส 4 และปี 2569
ค่าเช่า: เจรจากับคู่ค้าต่อเนื่อง หากมีการปิดปรับปรุงสาขาจะขอความช่วยเหลือ, ต่อรองการขึ้นค่าเช่าเมื่อเริ่มสัญญาใหม่ (พิจารณาจากเงินเฟ้อและศักยภาพของศูนย์)
ค่าคน: ไม่เพิ่ม หากเพิ่มต้องสะท้อนกับรายรับ, ร้านอาหารเน้น Casual Concept ที่ได้รายรับเร็ว
- จำนวนสาขา Cath Kidston ปัจจุบัน และแผนการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร
ตอนนี้มี 27 สาขา (ครึ่งๆ คือ Department Store Counter)
ปิดสาขาล่าสุด: ดอนเมือง (The Mall Group หมดสัญญา), มีอีกสาขาเดียวที่ไม่น่าจะไปต่อได้: Terminal Pattaya Beach ที่เหลือเป็นการ Renovate เล็กๆ น้อยๆ
- แผนการตลาดในยุคใหม่ (Influencer)
ใช้ตลอด (โดยเฉพาะแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ Gen Z), เน้น Content ใน Social Media ต่างๆ (IG, TikTok, Facebook), ใช้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการใช้เงินโฆษณา
- ห้างสรรพสินค้ามีการขึ้นค่าเช่าทุกปี มีแผนรับมืออย่างไร
ดูตามเหตุผลและความเป็นไปได้ในการสร้างผลตอบแทน, ต่อรองหากเป็นไปได้ยาก
- หาญในไทยมีแผนกระตุ้นยอดขายอย่างไรบ้าง
Focus สาขาที่มีนักท่องเที่ยวเป็น Base, ปรับปรุงและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่, ปีหน้าไม่ควรต่ำกว่าเพราะมี Low Base, ผลิตภัณฑ์ใหม่และการ Renovate จะช่วยเพิ่มยอดขาย Domestics
โดยสรุป TAN ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ การควบคุมค่าใช้จ่าย และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย แม้จะมีความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทยังคงมองเห็นโอกาสและพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป