สรุปงบล่าสุด TAN

บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TAN) ประจำปี 2567: เติบโตแต่ยังต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มกำไร
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TAN) ในปี 2567 โดยเน้นการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 และภาพรวมตลอดทั้งปี รวมถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการ และแนวโน้มในอนาคต พร้อมทั้งอัปเดตความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทฯ และวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน
**ภาพรวมผลการดำเนินงาน:**
**รายได้รวม:** ในปี 2567 TAN มีรายได้รวม 1,736.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขาย แม้ว่าดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะเติบโตในระดับต่ำถึงติดลบก็ตาม โดยรายได้หลักมาจากในประเทศ (92%) และต่างประเทศ (8%) ซึ่งรายได้จากต่างประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 180.7% คิดเป็น 139.5 ล้านบาท ในส่วนของไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 482.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (Q4/2566) และเพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (Q3/2567) การเพิ่มขึ้นของรายได้ในไตรมาส 4 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในประเทศจากการขายผ่านหน้าร้านสาขา แบรนด์ใหม่ในกลุ่มแฟชั่น (GANNI และ United Arrows) และการเพิ่มรายได้จากกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ร้านอาหารในกลุ่ม Cooc & Co.) รวมถึงรายได้จากบริษัทย่อยในต่างประเทศ เช่น ประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และจีน
**กำไรสุทธิ:** แม้ว่ารายได้จะเติบโตอย่างน่าพอใจ แต่กำไรสุทธิในปี 2567 ลดลง 22.0% เหลือ 130.1 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2567 กำไรสุทธิอยู่ที่ 23.6 ล้านบาท ลดลง 65.5% เมื่อเทียบกับ Q4/2566 และลดลง 12.5% เมื่อเทียบกับ Q3/2567 สาเหตุหลักมาจากการขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารจัดการเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าการเติบโตของรายได้ในระยะสั้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับรายการบัญชีเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของบริษัทย่อยในต่างประเทศจากปี 2566 ที่ต้องปรับให้ตรงกับมาตรฐาน TFRS รวม 18.9 ล้านบาท หากไม่รวมการปรับปรุงรายการทางบัญชีครั้งเดียว 27.7 ล้านบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 51.3 ล้านบาทและอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ร้อยละ 10.6
**ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน:**
* **การลงทุนในต่างประเทศ:** การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ จีน และเวียดนาม ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการเติบโตของรายได้ในต่างประเทศ
* **การปรับมาตรฐานบัญชี:** การปรับมาตรฐานบัญชีส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิ
* **การเติบโตของยอดขาย:** แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ TAN ยังคงสามารถรักษายอดขายให้เติบโตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดในประเทศ
* **การขยายสาขา:** การเปิดสาขาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้
* **การปรับราคาขาย:** การปรับราคาขายขึ้นของแบรนด์ PANDORA ในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ยอดขายของสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG) ในไตรมาส 4 ลดลงเล็กน้อย
* **การกระจายความเสี่ยง:** บริษัทฯ มุ่งเน้นการกระจายความเสี่ยงโดยการลดการพึ่งพิงรายได้จากแบรนด์หลักเพียงอย่างเดียว และขยายฐานรายได้ไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ และตลาดต่างประเทศ
**สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ในช่วงไตรมาส 4/2567 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเติบโตในระดับต่ำมากถึงติดลบ (-0.5% ถึง 1.4%) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการบริโภค อย่างไรก็ตาม TAN ยังคงสามารถทำผลงานได้ดีกว่าภาพรวมของตลาด
**การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **โครงสร้างรายได้:** มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างรายได้ โดยกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 6% และกลุ่มแฟชั่นเพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 23% ในขณะที่กลุ่มไลฟ์สไตล์ลดลงจาก 61% เป็น 52%
* **ช่องทางการจัดจำหน่าย:** สัดส่วนการขายผ่านสาขาหน้าร้าน (Concept Store) เพิ่มขึ้นจาก 69% เป็น 73% และการขายผ่านช่องทาง Shop in Shop ลดลงจาก 16% เป็น 13%
* **ต้นทุนขายและบริการ:** ต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น 20.8% ในปี 2567 สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย:** ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 44.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายกิจการ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และการทำการตลาดในประเทศจีน หากไม่รวมรายการปรับปรุงครั้งเดียว อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายต่อรายได้ในปี 2567 จะอยู่ที่ร้อยละ 39.2
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ:** ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้น 41.7% เนื่องจากการเพิ่มจำนวนพนักงานในส่วนของฝ่ายสนับสนุนที่สำนักงานใหญ่ รวมถึงค่าเช่าพื้นที่สำนักงานที่ขยายเพิ่มเติม
* **กำไรขั้นต้น:** กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.1% ในไตรมาส 4/2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน (64-65%)
* **อัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 11.8% ในปี 2566 เหลือ 7.5% ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลกระทบจากค่าใช้จ่ายในการขาย การทำการตลาด และการบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น
**การวิเคราะห์ฐานะทางการเงิน:**
* **สินทรัพย์:** ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 2,725.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% จากปีก่อนหน้า สินทรัพย์หลักประกอบด้วย สินค้าคงเหลือ ค่าความนิยม และสินทรัพย์สิทธิการใช้
* **หนี้สิน:** ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีหนี้สินรวม 1,088.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.6% จากปีก่อนหน้า หนี้สินหลักประกอบด้วย หนี้สินตามสัญญาเช่า เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น และเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 1,636.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยมีการจ่ายเงินปันผลรวม 60.0 ล้านบาทในปี 2567
**รายงานแยกผลการดำเนินงานแยกกลุ่มธุรกิจ (Segment Reporting):**
* **กลุ่มไลฟ์สไตล์:** รายได้ลดลงจากยอดขายที่ลดลงของแบรนด์ Cath Kidston โดยมีแผนลดจำนวนสาขาที่ไม่ทำกำไร
* **กลุ่มแฟชั่น:** รายได้เติบโตได้ดีจากทุกแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ Longchamp และแบรนด์ใหม่เช่น GANNI และ United Arrows
* **กลุ่มความงามและเวลเนส:** รายได้เติบโตได้ดีจากการขยายงานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี กิจการของแบรนด์ HARNN ในต่างประเทศยังคงไม่สามารถสร้างกำไรได้
* **กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม:** เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2567 มีรายได้ 106 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานขาดทุน
**กิจกรรมและเหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 4/2567:**
* **กิจกรรมส่งเสริมการขาย:** จัดกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าคนสำคัญ เช่น "National Cookie Day" เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
* **ปรับปรุงร้านค้า:** ปรับโฉมร้าน 08กส๓๐8 ในคอนเซปต์ใหม่ที่ Central World เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ
* **ขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม:** เปิดร้าน Baan Ice Kitchen & Bar ที่ ICONSIAM ซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ในไทย
* **ขยายสาขา Pandora:** เปิดสาขา Pandora แห่งใหม่ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่
* **ขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม:** จัดงานเปิดตัว "The Journey of DISCOVER YOUR SOUL" ที่โฮจิมินห์ซิตี และเปิดตัว Beauty Blogger ชื่อดังเป็น Brand Ambassador ของ 1/แจง ในเวียดนาม
* **เปิด Marimekko Concept Store แห่งแรกในสิงคโปร์:** ตอกย้ำความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาส:**
**ความเสี่ยง:**
* **การแข่งขัน:** ธุรกิจค้าปลีกมีการแข่งขันสูง TAN ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
* **ความผันผวนของเศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและความต้องการสินค้าของ TAN
* **ความเสี่ยงจากต่างประเทศ:** การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ อัตราแลกเปลี่ยน และความแตกต่างทางวัฒนธรรม
* **การขยายกิจการ:** การขยายกิจการอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้น
**โอกาส:**
* **การเติบโตของตลาดค้าปลีก:** ตลาดค้าปลีกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
* **การขยายธุรกิจ:** TAN สามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ และเพิ่มจำนวนสาขา
* **การพัฒนาผลิตภัณฑ์:** การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการนำเสนอแบรนด์ที่หลากหลาย จะช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย
* **การสร้างแบรนด์:** การให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้สามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้นในระดับสูงและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
**แนวโน้มในอนาคต:**
TAN มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการเติบโตของตลาดค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะต้องบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
**สรุป:**
TAN มีผลประกอบการที่น่าพอใจในแง่ของการเติบโตของรายได้ในปี 2567 แต่กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากการขยายกิจการและการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารจะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการสร้างผลกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว การปรับปรุงผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจที่ยังขาดทุน และการบริหารจัดการสินค้าคงเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ TAN สามารถสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนในอนาคต
**ความสัมพันธ์ระหว่างรายได้, กำไร, อัตรากำไรขั้นต้น, อัตรากำไรสุทธิ, และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E):**
จากข้อมูลที่ได้วิเคราะห์มานี้แสดงให้เห็นว่า TAN มีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการขยายธุรกิจและดึงดูดลูกค้า อย่างไรก็ตาม การที่อัตรากำไรสุทธิลดลง แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขยายกิจการในต่างประเทศและการปรับมาตรฐานบัญชี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งความสามารถในการทำกำไรในระยะสั้น หาก TAN สามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างผลกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศได้ในอนาคต ก็จะส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว (หมายเหตุ: ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารที่ให้มา จึงไม่สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในส่วนนี้ได้)
โดยรวมแล้ว TAN ยังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต แต่ผู้บริหารจะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงการสร้างผลกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว รวมถึงการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
(18.42%)
(54.61%)
(15.46%)
(56.69%)
(2.49%)
(4.59%)
(20.67%)
(44.76%)
(12.54%)
(83.28%)
(957.61%)
(52.65%)