สรุปงบล่าสุด SVR

บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการหุ้น SVR ปี 2567: บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
บทความนี้สรุปและวิเคราะห์ผลประกอบการของ บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (SVR) สำหรับปี 2567 โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 SVR มีรายได้รวมทั้งสิ้น 862.94 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ซึ่งมีรายได้รวม 924.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลงประมาณ 6.67% รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอยู่ที่ 862.27 ล้านบาท และมีรายได้อื่น ๆ อีก 0.67 ล้านบาท
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยภายนอก:**
รายงานฉบับนี้ไม่ได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยตรง แต่จากข้อมูลต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น (จะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป) สันนิษฐานได้ว่าบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีการขยายโครงการใหม่ถึง 4 โครงการ (โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์), โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร), โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (พุทธมณฑล-สาย 3), และโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 2 (สุขุมวิท - บางปู)) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลงทุนและการขยายธุรกิจในช่วงเวลาดังกล่าว
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้จากการขาย:** รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 824.16 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 862.27 ล้านบาท ในปี 2567 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 4.62% หรือ 38.11 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ 2 โครงการ และการรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการเดิม
* **ต้นทุนขาย:** ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจาก 563.65 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 646.40 ล้านบาท ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และราคาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างที่สูงขึ้น
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงเล็กน้อยจาก 29.80% ในปี 2566 เป็น 25.03% ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร:** ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเพิ่มขึ้นจาก 167.17 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 171.95 ล้านบาท ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการทำตลาดโครงการใหม่ 4 โครงการ และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการ
* **ต้นทุนทางการเงิน:** ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจาก 12.57 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 15.01 ล้านบาท ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ที่ใช้ในการพัฒนาโครงการ
* **กำไรสุทธิ:** กำไรสุทธิลดลงอย่างมากจาก 76.78 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 26.42 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์รวม:** สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 2,061.97 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 2,145.25 ล้านบาท ในปี 2567 โดยสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนในตัวแลกเงิน
* **หนี้สินรวม:** หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นจาก 1,289.16 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 1,347.64 ล้านบาท ในปี 2567 โดยหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินกู้ยืมเพื่อพัฒนาโครงการ และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 772.81 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 797.41 ล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรสุทธิที่เกิดขึ้น
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio):** อัตราส่วนนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.67 ในปี 2566 เป็น 1.69 ในปี 2567 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการใช้หนี้สินมากขึ้นเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
* **กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน:** บริษัทมีเงินสดสุทธิที่ได้รับจากกิจกรรมดำเนินงาน 91.44 ล้านบาท
* **กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน:** บริษัทมีเงินสดสุทธิใช้ไปจากกิจกรรมการลงทุน 91.84 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนในตัวแลกเงิน
* **กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน:** บริษัทมีเงินสดสุทธิที่ได้จากกิจกรรมจัดหาเงิน 41.54 ล้านบาท จากการกู้ยืมเงิน
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ปัจจัยความเสี่ยง:** ความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง และความไม่แน่นอนของตลาดอสังหาริมทรัพย์
* **โอกาสในการลงทุน:** การขยายโครงการใหม่ และการพัฒนาทรัพย์สินที่มีศักยภาพ
**7. สรุป:**
ในปี 2567 SVR มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิลดลงอย่างมากเนื่องจากต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น บริษัทมีการขยายโครงการใหม่ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการเติบโตในอนาคต แต่ก็ต้องบริหารจัดการต้นทุนและความเสี่ยงอย่างรอบคอบ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการใช้หนี้สินมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงหากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
**ข้อสังเกตเพิ่มเติม:**
* รายงานฉบับนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลผลประกอบการรายไตรมาส ดังนั้นจึงไม่สามารถวิเคราะห์ Q1, Q2, Q3 และ Q4 ได้อย่างละเอียด
* ข้อมูลที่ให้มาเป็นข้อมูลสรุป หากต้องการวิเคราะห์อย่างละเอียด ควรศึกษาข้อมูลในรายงานประจำปีของบริษัทเพิ่มเติม
* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
**Disclaimer:** บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
(27.22%)
(27.79%)
(18.19%)
(40.00%)
(12.42%)
(16.91%)
(11.90%)
(7.77%)
(63.78%)
(107.45%)
(363.14%)
(102.54%)