สรุป OPPDAY หุ้น SUN
Oppday
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday SUN: เจาะลึกผลประกอบการ Q3/67 และทิศทางธุรกิจปี 2568
สวัสดีครับ วันนี้บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) จะมาให้ข้อมูลสำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 และภาพรวม 9 เดือนของปี 2567 โดยมีคุณวีระนพ วัฒนากรกุล และคุณวนิชชา พัฒนลำปาง เป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก ซึ่งในครั้งนี้ไม่มีผู้บริหารฝ่ายขายต่างประเทศเข้าร่วมเนื่องจากติดภารกิจออกงานแสดงสินค้าที่เซี่ยงไฮ้
หัวข้อหลักในการให้ข้อมูลวันนี้ประกอบด้วย:
- ภาพรวมองค์กรซันสวีท
- สถานการณ์ธุรกิจข้าวโพดหวาน
- ผลประกอบการทางการเงินในไตรมาสที่ 3
- ทิศทางของซันสวีทในไตรมาสที่ 4 และปีต่อๆ ไป
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ซันสวีทได้รับการประเมิน CGR อยู่ที่ 5 ดาวเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
ทุนยังคงเดิมที่ 386 ล้านบาท
บริษัท ซันสวีท อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตด้านเทรดดิ้ง
นโยบายการปันผลยังคงเดิม คือไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และมีการประกาศปันผลไปแล้ว 10 สตางค์ในไตรมาสที่ผ่านมา
ในไตรมาสที่ 3 นี้ ไม่มีการปันผล
มีการทำธุรกิจข้าวโพดหวานเป็นหลัก ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก
บริษัทมีการพัฒนาแบรนด์และมีลูกค้าที่สนใจมากกว่าแค่ข้าวโพดหวาน ทำให้เกิดบริษัทลูกอย่าง ซันสวีท อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อทำธุรกิจด้านเทรดดิ้ง
มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น และมีการทำสินค้าขายในประเทศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มีการขยายสินค้าจากข้าวโพดหวานในกระป๋องไปสู่ข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศและแบบแช่แข็ง
นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2559
มีการเติบโตด้านการขายในประเทศอย่างต่อเนื่อง และมีโรงงาน 2 แห่งที่ผลิตสินค้าพร้อมทานเพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 300,000 ชิ้นต่อวัน
มีการลงนามในสัญญากับ Tetra Pak เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงก่อสร้างอาคารและนำเข้าเครื่องจักร
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
โอกาสในการเติบโตในส่วนที่ซันสวีทไม่ได้ผลิตเอง โดยใช้บริษัท ซันสวีท อินเตอร์เนชั่นแนล ในการเทรดดิ้ง
การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ
การนำเสนอชุดสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย
การผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษร่วมกับ Tetra Pak ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
ตลาดข้าวโพดหวานทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านบาท และประเทศไทยมีการส่งออกประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งซันสวีทมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 5%
การเติบโตในตลาดขนมหวานในร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
การแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก
ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิต
การแข่งขันในตลาดข้าวโพดหวานที่มีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน
การขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพื่อลดการพึ่งพิงตลาดในประเทศ
การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
การทำสัญญา Contract Farming กับเกษตรกร เพื่อควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและคุณภาพของสินค้า
การปรับเปลี่ยนนโยบายการขาย โดยเปิดกว้างในการรับชำระเงินด้วยสกุลเงินที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ซันสวีทจะเข้าร่วมโครงการ Jumpstart กับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อวางแผนธุรกิจในระยะ 3 ปี
ตลาดยังคงมีทิศทางที่ดี และมีลูกค้าที่สนใจนำสินค้าไปแปรรูปอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ เนื่องจากสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี
บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายในประเทศ โดยเฉพาะในตลาดร้านสะดวกซื้อและกลุ่ม Horeca
การเข้าสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์กระดาษ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 42.13
- แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2567
ปกติใน Q4 ลูกค้าจะเริ่มนำเข้าสินค้าไปเตรียมไว้สำหรับการบริโภคและจำหน่ายช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงเทศกาล รวมถึงยาวไปถึงต้นปี
โอกาสในการส่งมอบให้ลูกค้าได้ โดยเฉพาะปีนี้มีสินค้าในมือพร้อมเตรียมไว้แล้ว
Q4 คาดว่าจะมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากสินค้าใหม่ที่ขายในประเทศ จากเดิม 150,000-160,000 ชิ้นต่อวัน เป็น 170,000-180,000 ชิ้นต่อวัน และบางช่วงอาจแตะ 200,000 ชิ้นต่อวันได้
- ภาพรวมปี 2568
แม้ปี 2567 อาจทำยอดขายได้ไม่ตามแผนมากนัก แต่ภาพรวม 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ
บริษัทได้พบปะลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากงานแสดงสินค้าและลูกค้าสำคัญ เพื่อวางแผนสำหรับปีหน้า
ตลอดเวลาจะมีออเดอร์ที่อยู่ On Hand เตรียมส่งมอบให้ลูกค้าประมาณ 2,000 กว่าตู้คอนเทนเนอร์
- ปัจจัยบวกและลบที่มีผลต่อบริษัท
ปัจจัยลบ: ค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกทุกราย โดยเฉพาะซันสวีทที่มีรายได้จากกลุ่มนี้เกือบ 80%
ปัจจัยบวก: สหภาพยุโรปตั้งกำแพงภาษี (AD) กับสินค้าจากจีนค่อนข้างสูง (40-50%) ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับไทยที่ได้ AD จาก EU เพียง 11.1% (ซันสวีท) ถึง 14% (ภาพรวมไทย) และคาดว่า EU จะประกาศผลการพิจารณา AD สำหรับไทยภายในเดือนนี้
- ภาพรวมอุตสาหกรรม
กำลังซื้อและข้าวโพดหวานยังมีความต้องการตามปกติ
ข้าวโพดหวานเป็นอาหารที่ราคาไม่สูงมากนัก และมีการเทรดทั่วโลกประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท
- ต้นทุนวัตถุดิบในอนาคต
ถ้าต้นทุนปุ๋ยยา, โลจิสติกส์ และค่าแรงขั้นต่ำไม่ผันผวนมากนัก ผลกระทบก็จะไม่สูง
ยกเว้นกรณีที่ปุ๋ยแพงมาก, แรงงาน หรือราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น จะมีผลกระทบต่อเกษตรกร
บริษัทจะมองต้นทุนในไร่เป็นหลักในการทำ Contract Farming กับเกษตรกร เพื่อกำหนดราคาในการให้ปลูกเพื่อให้เกษตรกรมีกำไรและปลูกกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
- ทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนใน Q4/2567 และปีหน้า
ในมุมมองผู้ประกอบการส่งออก ค่าเงินบาท 32 บาทกว่าๆ ยังถือว่าแข็งค่าไปสำหรับสินค้าเกษตร
หากค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่านี้ จะช่วยให้สามารถนำเสนอขายและส่งมอบให้ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น
บริษัทมีนโยบายปรับเปลี่ยนการขาย โดยเปิดกว้างในการรับชำระเงินด้วยสกุลเงินที่หลากหลาย เช่น เงินบาท หรือเงินหยวน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท
- ทิศทางคำสั่งซื้อในปัจจุบัน
ระยะสั้น: Q4 ลูกค้าจะเริ่มเรียกของเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลต่างๆ ทั้งคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงยาวไปถึง Q1/2568 ที่มีกิจกรรมต่างๆ ในโซนเอเชียมากมาย ทิศทางคำสั่งซื้อยังเป็นปัจจัยบวก
ตลาดหลัก: เอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น (30% ของการส่งออก) ที่ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพราะให้ความใส่ใจในเรื่องคุณภาพ
ตลาดในประเทศ: เริ่มมีกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยนอกจากการขายผ่านร้านสะดวกซื้อแล้ว ก็เริ่มกระจายตัวเข้าสู่กลุ่ม Horeca และวางแผนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจัดจำหน่ายในประเทศด้วย
- มูลค่า Backlog 2,000 กว่าตู้คอนเทนเนอร์
ประมาณ 30 กว่าล้านเหรียญ (ส่วนใหญ่เป็น US)
โดยสรุปแล้ว ซันสวีทเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่ยังคงมีโอกาสในการเติบโตจากการขยายตลาดต่างประเทศ การพัฒนาสินค้าใหม่ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีแผนที่จะปรับตัวและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต