สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท สหยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) หรือ SUC ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีกำไรสุทธิ 346.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.26 ล้านบาท หรือ 57.54% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 2219.64 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทย่อยในต่างประเทศให้เป็นราคาตลาด ณ วันสิ้นงวดตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ทำให้เกิดกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 165.67 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ที่กำหนดให้วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน 26.94 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการปรับมูลค่าสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าให้เป็นมูลค่ายุติธรรม ณ วันสิ้นงวดตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ของ SUC ในอนาคตเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและอื่นๆ ในประเทศจีน บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้และส่วนแบ่งทางการตลาด

การวิเคราะห์โอกาสการลงทุนใน SUC จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังพบว่า SUC มี P/E 6.53, P/BV 0.39 และ YIELD 4.92 โดยเฉลี่ยราคาหุ้นย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 36.78 บาท เมื่อพิจารณาจาก D/E ที่ 0.09 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนว่าบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถกู้เงินได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 1093.73 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน 485.86 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและความสามารถในการลงทุนต่อยอดธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจโรงพยาบาลและพลังงานไฟฟ้าในประเทศจีน วงจรเงินสด 36.28 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการเงินสดและผลตอบแทนที่น่าสนใจจาก YIELD 4.92% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น

**โอกาส**
* ธุรกิจโรงพยาบาลและพลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนมีศักยภาพในการเติบโตสูง
* บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
* บริษัทมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและการบริหารจัดการเงินสด
* ผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจ

**ความเสี่ยง**
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
* การแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลและพลังงานไฟฟ้า
* การเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาล

SUC อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อรับเงินปันผลและรอการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลและพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงในระยะยาว และนักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วย