สรุป OPPDAY หุ้น SPVI
Oppday
สรุป OPPDAY
SPVI สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดสมาร์ทโฟนและไอที
สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน วันนี้ผมไตรสร วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการบริษัท SPVI จำกัด (มหาชน) และคุณพัฒนวัฒน์ บัวพันธ์ ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน จะมานำเสนอผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 โดย Agenda ที่เราจะ Cover นะครับก็คงเป็นพื้นที่ใน 4 Area ด้วยกันก็คือ Business Update นะครับ แล้วก็ Key Highlight แล้วก็ Financial Highlight แล้วก็เราจะทำอะไรต่อไปนะครับ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
สำหรับ Update Business นะครับสำหรับไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมานะครับร้านของเราตอนนี้นะครับก็มีอยู่ 74 สาขาด้วยกันนะครับ ซึ่งก็แยกเป็นตามภูมิภาค นะครับ ซึ่งในแต่ละภาคนั้นที่หนาแน่นที่สุดก็คือภาคกลางนะครับ แล้วก็รองด้วยภาคเหนือ และภาคตะวันออกนะครับทีนี้ประเภทของสาขานะครับที่รวมของเราทั้งหมดเลยนะครับก็ในส่วนของ iStudio และ iBeat นะครับ บัดนี้นะตอนที่ไตรมาสที่ผ่านมานะครับ ตั้งแต่ต้นปีเราก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ ชื่อจาก iBeat เนี่ย เอ่อ มาเป็น iStudio เพราะฉะนั้นจำนวนสาขาเลยปรับขึ้นมาเป็น 10 สาขาด้วยกันนะครับ ซึ่งอันนี้เหตุผลก็คือในเรื่องของความง่ายในเรื่องของการโปรโมทนะครับซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ดีขึ้นนะครับ แล้วก็ส่วนสาขานะครับ ที่ที่เราได้มีการปิดไปนะครับ ก็คือทั้งหมดมีอยู่ 3 สาขาด้วยกันนะครับ สำหรับร้าน UStore นะครับ ก็คือ ที่ราชภัฏนคร ราชภัฏนครสวรรค์นะครับ และราชภัฏรำไพพรรณีนะครับ ส่วน iCenter นะครับ ที่นครปฐมเราก็ปิดไปด้วยเช่นเดียวกันนะครับ
เพราะฉะนั้นตอนนี้ทั้งหมดก็เลยเหลืออยู่ 74 สาขานะครับ ส่วนโครงสร้างนะครับ ของธุรกิจของเราก็คือในส่วนของ Retail นะครับ ซึ่งประกอบด้วย iStudio และ Mobie นะครับ ซึ่งอันนี้กลุ่มเป้าหมายก็ยังคงชัดเจนนะครับก็คือกลุ่มผู้ใช้สินค้า Apple นะครับ ส่วน Mobie นั้นก็เรายังมีแถมเข้ามาก็คือในส่วนของเรื่องที่เราขายในกลุ่มที่เป็น Mobile ที่เป็น Android นะครับ
ส่วนถัดมาอีกกลุ่มหนึ่งที่เรามา Focus ในเรื่องของ Education นะครับ ก็คือร้าน UStore ของเรานะครับ ซึ่งเราก็มีร้านที่เป็น AStore ซึ่งในร้าน AStore เนี่ยก็ยังคงช่วยเราจำหน่ายในส่วนของ Android ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ ส่วนอันที่ 3 Detail ของเราก็ประกอบด้วยร้านที่ใน Franchise ของ AIS นะครับซึ่งประกอบด้วยร้าน AIS Shop แล้วก็ Telewiz นะครับ ซึ่งร้านส่วนใหญ่เลยจะอยู่ในส่วน จังหวัดภูมิภาคทั้งหลายนะครับ อยู่ต่างจังหวัดด้วยกัน ซึ่งเรามีทั้งหมดประมาณ 24 สาขาด้วยกันนะครับ
ส่วน iCenter นะครับ ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมของเรานะครับ ซึ่ง iCenter ตอนเนี้ย หลังจากที่ไตรมาสนี้เราปิดไปก็ได้เหตุผลตรงที่ว่ามันเป็นร้าน Stand Alone อยู่ข้างนอกนะครับ แล้วก็ปริมาณการซ่อมค่อนข้างจะลดลงนะครับ ด้วยเหตุผลตรงที่ว่าได้มีการไปเปิดร้าน iStudio นะครับซึ่งเป็น Version ใหม่นะครับ โดยร้านซึ่งเป็นคู่แข่งที่เขาไปเปิดที่ Central นครปฐมนะครับ ซึ่งร้านอันเนี้ยจะมีศูนย์ซ่อมอยู่ภายในร้านเลยนะครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็น Concept ใหม่ที่ Apple นะครับกำลังเปลี่ยนโฉมกันนะครับ สำหรับในเครือ iStudio ทั้งหลายนะครับ ซึ่งจะมีศูนย์ซ่อมอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เลยเกิดผลกระทบ แล้วก็ที่จังหวะเราปิดตรงนี้ก็เพราะว่า เป็นช่วงที่สัญญาหมดพอดีนะครับ ก็เราก็จะไม่สูญเสียในเรื่องของค่ามัดจำ การเช่าด้วยนะครับ ทีนี้ถัดมานะครับนอกจากส่วนนี้นะครับ ก็คือเรายังมีทีมที่เราขายในส่วนของที่เป็น Enterprise นะครับ ซึ่งล่าสุดในปีนี้นะครับ เราก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Apple Business Partner ด้วยนะครับ ทั้ง Education Partner ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ ซึ่งทำให้เราได้มีความเชื่อมั่นนะครับ สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าว่าเราเป็นตัวแทนจำหน่าย Apple อย่างแท้จริง และก็ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสินค้า Apple ไม่ว่าจะเข้าไปสู่เรื่องตลาดการศึกษานะครับซึ่งก็ยังคงเป็นตลาดที่เรายังคงดำเนินต่อไปนะครับ แล้วก็อีกอันหนึ่งก็คือในเรื่องของ Enterprise ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ ก็คือไม่ว่าจะเป็น SME อะไรต่างๆ เนี่ย ความมั่นใจได้ว่าจะเอาสินค้า Apple เข้าไปจำหน่ายแล้วก็สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กรหรือสาขาเหล่านั้นได้นะครับ
นอกจากในทีมของทางด้านขาย Enterprise แล้วนะครับ เราก็ยังมีอีกช่องทางอีกอันหนึ่งก็คือ Online นะครับ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นะครับ อันที่ 1 ก็คือเป็น E-Commerce ซึ่งอันนี้จะเป็นเว็บไซต์ของเราเองนะครับ ไม่ว่าจะเป็น iStudio by SPVI หรือ UStore นะครับ แล้วก็มีทั้งทีม Chat and Shop แล้วก็ UStore Social นะครับ ซึ่งอันเนี้ยก็จะเป็นกลุ่มที่ที่เราดำเนินงานโดยตรง Direct กับ Consumer นะครับ ส่วนอีกอันหนึ่งที่เราจะต้องพึ่งพิงนะครับ ในแง่ของการที่เราเข้าไปจำหน่ายเพราะว่าตรงนั้นมันเป็น Traffic ก็คือ Shopee นะครับ Lazada แล้วก็ Sure นะครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็น Marketplace ที่เราทำกันอยู่
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
ผมอยากจะพูดถึง Highlight ใน Quarter ที่ผ่านมานะครับ ว่ามันมีอะไรบ้างนะครับ สำหรับอันที่ 1 เลย ถ้าเรามาดูในเรื่องของสินค้านะครับ ที่ได้มีการเปิดตัวในปีนี้ครับ นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมานะครับก็ได้มีการเปิดสินค้าตัวใหม่ไม่ว่าจะเป็น iPhone 16e เมื่อตอนช่วงเดือนกุมภาพันธ์นะครับ แล้วก็ iPad Gen 11 นะครับ รวมทั้ง Air 7 ด้วยนะครับ ก็ได้มีมีการเปิดตัวในช่วงของเดือนมีนาคม ปลายมีนาคมเช่นกันนะครับ แล้วก็ถัดมาก็เป็นในช่วงของที่เรามี MacBook Air M4 ตัวใหม่นะครับ ก็มีผลต่อเนื่องที่ทำให้สินค้าพวกนั้นน่ะ ช่วยทำให้เรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะไตรมาสที่ 1, 2 รวมถึงมาไตรมาส 3 ด้วยนะครับ ซึ่งในเดือนที่เป็น Highlight เลยก็คือเดือนกันยายนก่อนปิดไตรมาสนะครับ ก็มีการเปิดตัว iPhone 17 ซึ่งทางเราก็ได้มีการเติบโตค่อนข้างจะดีนะครับ ช่วยให้เราส่งผลมาได้ค่อนข้างดีมากเลยนะครับ แล้วก็ช่วงที่ผ่านมาในเดือนพฤศจิกายนนะครับ ก็ได้มีการเปิดตัว MacBook Pro นะครับ ตัวใหม่นะครับ M5 แล้วก็รวมถึง iPad Pro ด้วย ซึ่งเข้ามาเนี่ยเราก็คิดว่ามันน่าจะช่วยให้เรายกยอด หมายถึงว่าสามารถสร้างรายได้ยอดขายได้ในช่วงของที่ผ่านมาจนถึงสิ้นปีนะครับ ซึ่งอันนี้เราก็คิดว่าน่าจะเป็นผลดีของเรา ทีนี้ถ้าเรามาดูผลประกอบการที่ผ่านมาเนี่ยนะครับ ในแง่ของ Worldwide จะเห็นได้ว่า สำหรับตัว Smartphone ก็คือ Apple เนี่ย ติดอยู่อันดับ 2 นะครับ ซึ่งมีการเติบโต Year on Year นะครับ อันนี้คือยอด Worldwide ที่เป็น Unit นะครับ จำนวน Unit ที่ถูก Ship ออกไปนะครับ ซึ่ง Apple มีการเติบโตอยู่ที่ 2.9% แต่สำหรับไตรมาสของที่ 3 ของเราเนี่ยนะครับ ยอดจำหน่าย iPhone นะครับ ทั้งไตรมาสเลยของเราเนี่ย เทียบกับ Year on Year เนี่ย เราเติบโตอยู่ที่ 64% นะครับ จำนวน Unit นะครับ
แล้วก็ถัดมานะครับ ตัว Tablet ก็เช่นเดียวกัน Apple ก็ยังเป็นอันดับ 1 นะครับ ในจำนวน Unit ที่ขายออกไปนะครับ ซึ่ง Apple มีการเติบโตอยู่ที่ 5.2% แต่ในขณะที่ Unit ที่เราขายออกไปในไตรมาสที่ 3 เนี่ย เทียบ Year on Year แล้วเนี่ย เรามีการเติบโตอยู่ที่ 48% นะครับ ถัดมาอีก Product อีกตัวหนึ่งนะครับ ก็พูดถึงว่าในตัวของ PC ก็คือตัว Mac ทั้งหลายนะครับ ซึ่ง Apple ก็โตอยู่ที่ 13.7% นะครับ ใน ในขณะที่ของเรา Unit ที่ถูกขายออกไปนะครับ Unit เทียบ Year on Year แล้วเรามีการเติบโตอยู่ที่ 17% นะครับ ก็เห็นได้ว่า 3 ตัวเนี้ยนะครับ เป็นสินค้าที่ช่วยให้เราเติบโตได้ดีมากในไตรมาสที่ 3 นะครับ ทีนี้ถัดมาเรามาดูช่องทางการจำหน่ายของเรานะครับ สำหรับร้าน Retail ของเรานะครับ ก็ในตระกูล iStudio ทั้งหลายที่ 10 สาขานะครับ แล้วก็รวมทั้ง Mobie ด้วยนะครับ ก็ช่วยให้เราเติบโตเนี่ยเทียบกับ Year on Year นะครับ เติบโตอยู่ที่ 47% อันนี้เป็นมูลค่าของยอดขายนะ เป็นบาทนะครับมีการเติบโตนะครับ แต่ที่เป็น Highlight อีกอันหนึ่งเลยที่กลับมานะครับ ก็คือช่องทาง UStore นะครับ มีการเติบโตสูงนะครับ ถึง 74% ด้วยกันนะครับ ซึ่งทำให้เราเนี่ยมีมี Impact ได้ค่อนข้างจะดีมาก นะครับเป็นตัวส่งที่ช่วยให้ยอดขายในไตรมาส 3 เนี่ยมีการเติบโตที่ดีนะครับ นอกจากนั้นเนี่ย ช่องทางของ AIS นะครับ ของเราเนี่ยก็ทำได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานะครับในไตรมาสเดียวกัน เรามีการเติบโตถึง 48% นะครับ เพราะฉะนั้นสรุปแล้ว 3 ช่องทางหลักๆ เลยของเราเนี่ยก็มีการเติบโตค่อนข้างจะใหญ่ นะครับถือว่าเป็น Number ที่ทำ Another New High สำหรับ Quarter อันนี้นะครับในไตรมาสที่ 3 นะครับ
ทีนี้ในขณะเดียวกัน New Product ก็ได้มีเกิดขึ้นซึ่งเราก็มองว่าอันเนี้ยจะเป็นช่วยแรงส่งทำให้เราในปลายปีเนี้ยยังคงเติบโตได้นะครับ ก็คือตัว MacBook Pro ซึ่งเป็นตัวใหม่ซึ่งใช้ Chip Generation ใหม่นะครับ ซึ่งเป็น Core 5 นะครับ ซึ่งอันเนี้ยก็ถือว่าได้รับการตอบสนองที่ค่อนข้างจะดีนะครับ ถัดมาเท่านั้นก็ยังมีตัว iPad Pro นะครับซึ่ง iPad Pro เนี่ยก็ได้มีการเปลี่ยนนะครับ เปลี่ยน Chip ใหม่มาเหมือนกันนะครับ ซึ่งทำให้คิดว่าน่าจะช่วยทำให้เราสร้างยอดขายได้ดีขึ้นนะครับ ทีนี้ช่องที่เป็น Highlight นะครับ อีกอันหนึ่งเลยที่เป็นตัวส่งให้เราเติบโตได้ก็คือ Channel Online นะครับ ถ้าเรามาดู Channel Online นะครับ ถ้าเทียบกับ Quarter ต่อ Quarter ที่แล้วเนี่ยเราอาจจะมี ยอดที่ลดลงแต่ถ้าเทียบกับปี Year on Year นะครับยอดในไตรมาสนี้ นะครับ เทียบกับปีที่แล้วเนี่ยเรามีการเติบโตถึง 34% ด้วยกันนะครับ ยังไงก็ตามเนี่ย Shopee ก็ยังคงเป็น Contribute นะครับสำหรับ Marketplace ที่ค่อนข้างใหญ่ นะครับ แต่ตัวสีฟ้าข้างบนน่ะนะครับ ซึ่งเป็นส่วนของ E-Commerce ของเราเองนะครับ ก็ได้มีการเติบโต ค่อยๆ เติบโตมาก ซึ่งอันนี้เราก็เข้าใจว่า Nature ของของธุรกิจอันเนี้ยมันจะต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เชิงของการ Spending เหมือนอย่างพวก Marketplace นะครับ
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ถ้าลองเจาะลึกลงไปอีกนิดหนึ่งนะครับ ถ้าเรามาดูนะครับ ในแง่ของ E-Commerce นะครับ จะเห็นได้ว่า E-Commerce ของเราเนี่ยเรามีการเติบโตถึง 89% นะครับ ซึ่งอันเนี้ยทำให้เราเนี่ยมี มีความรู้สึกว่ามีแรงส่งขึ้นมา ซึ่งสินค้าที่เข้ามานะครับ ช่วย Contribute นะครับ ก็คือตัว iPhone ซึ่ง iPhone ตัวเนี้ยก็เป็นส่วนประกอบที่แปลกมากก็คือในแง่ของการช่องทางการจำหน่ายตัวเนี้ย กลายเป็นว่า iPhone N ลบ ก็คือ iPhone 16 เนี่ย ขายดีมากนะครับ ผ่านช่องทางอันนี้นะครับ รวมถึง iPad ก็ยังเป็น Player ที่สำคัญอีกตัวหนึ่งของเรานะครับ ทีนี้ถ้ามาดูใน Marketplace นะครับ ของ Shopee Shopee นะครับ จะเห็นได้ว่าทีมของเราเนี่ยสามารถทำเรื่องของการเติบโตในเรื่องของยอดขายนะครับ ท่านเทียบ Year on Year เนี่ย Revenue มีการเติบโตถึง 40% ด้วยกัน แล้วก็ที่สำคัญก็คือตัว Visitor นะครับก็คือเติบโตขึ้นถึง 11% นะ ครับ Average มูลค่าต่อบิลนะครับอยู่ที่ 7,333 นะครับ ตอนนี้ยังคงมี Follower อยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านคนนะครับ จะเห็นได้ว่ายอดขายของเราใน Shopee เนี่ยทำได้ค่อนข้างจะดีมากนะครับ
ถัดมาในส่วนของ Lazada นะครับ Lazada เนี่ยเราถือว่าเขา มี มีช่องทางของเขาเองด้วยแล้วก็ที่สำคัญคือ Apple ก็มี Market มีร้านอยู่ใน Marketplace อันนี้ด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็คิดว่าเรา เรา ให้ ให้น้ำหนักนะครับ ในแง่ของการทุ่มเงินลงไปเนี่ยในแง่ของการตลาดเนี่ย เมื่อเทียบกับทางด้าน Shopee เนี่ยจะน้อยกว่าเพราะว่าจำนวน Follower ของเราเนี่ยมีอยู่ประมาณ 170,000 คนเท่านั้นเองนะครับ เมื่อเทียบกับที่ของเป็น Shopee ซึ่งเรามี 2.2 ล้านคนนะครับ เราก็เลยยอมรับว่าอันเนี้ยมันเป็นช่องทางที่ควรจะมีแต่เราให้ความน้ำหนักลงไปเนี่ยน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Shopee นะครับ แล้วก็ที่สำคัญอีกอันหนึ่งก็คือ ทุกๆ Campaign เลยไม่ว่าช่องทางของ Shopee หรือ Lazada นะครับ เราก็จอยหมดเลยไม่ว่าจะเป็น Double A 77 88 หรือ 99 นะครับ อันนี้ก็เป็นส่วนที่ ที่ทำให้เราเนี่ยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนะครับ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ทีนี้ก็คงอาจจะได้มองเห็นภาพที่ลงไปลึกอีกระดับหนึ่งนะครับ สำหรับ Performance ของเราเองครับ สำหรับในส่วนของ Financial Highlight นะครับก็อันแรกก็มาดูกันนะครับในส่วนของ Overall Performance by Quarter นะครับ ก็จะเห็นได้ว่าในปี 2568 ของเราเนี่ยครับ ก็ภาพรวมตั้งแต่รายได้แล้วก็ในส่วนของกำไรเองนะครับก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับ ไม่ว่าจะตั้งแต่ Q1 Q2 นะครับ ด้วย Q3 ของเรานะครับก็มีการปิดรายได้ไปอยู่ที่ประมาณ 2,093 ล้านนะครับ หรือถ้าเทียบ Q on Q นะครับ ก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 8% นะครับ แล้วก็ถ้ามีการเทียบแบบ Year on Year เองก็ถือว่ามีการเติบโตขึ้นถึง 41% เลยนะครับ ในขณะที่กำไรใน Q3 ของเรานั้นก็ทำไปได้อยู่ที่ประมาณ 31 ล้านนะครับ ก็ถ้ามีการเทียบกับ Q on Q ก็ถือว่ามีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 48% นะครับ แล้วก็ถ้าเป็น Year on Year ก็ถือว่ามีการเติบโตขึ้นถึง 509% นะครับทีนี้เราลองมาดูในส่วนของผลการดำเนินงานสำหรับในช่วง Q3 กันนะครับ สำหรับในงวด 3 เดือนนะครับ ก็รายได้ของบริษัทเราก็ปิดไปอยู่ที่ประมาณ 2,093 ล้านนะครับ ก็ถ้าเทียบกับปี ก่อนก็ถือว่ามีการเติบโตขึ้นถึงประมาณ 601 ล้านนะครับ หรือคิดเป็นประมาณ 41% นะครับ ก็หลักๆ ก็ต้องบอกว่าในปี 2567 นะครับ ในช่วงไตรมาสที่ 3 เนื่องจากเรามีปัญหาการขาดแคลนเรื่องสินค้านะครับมันก็เลยทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 ลดลงไปนะครับ ในขณะที่ปี 2568 ของเราก็มี Stock Supply เข้ามาอย่างต่อเนื่องนะครับ ก็สามารถขายของได้อย่างต่อเนื่องนะครับ ประกอบกับที่ว่าเราเองก็มีการนำตัวไฟแนนซ์ต่างๆ ที่มาเพิ่มช่องทางการผ่อนชำระให้กับทางลูกค้านะครับ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกการผ่อนชำระได้มากขึ้นนะครับก็เป็นตัวช่วยในการทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 นี้เช่นกันนะครับก็นอกจากนี้นะครับ ก็รวมถึงตัว iPhone 17 นะครับ ที่เพิ่งมีเปิดตัวไปในช่วงปลาย Q3 เองก็เป็นตัวผลักดันยอดขายของ ของเราเช่นกันนะครับ ก็ถือว่า iPhone 17 เนี่ยถือว่าได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าดีมากเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นตัว 17 ธรรมดานะครับ Pro แล้วก็ Pro Max นะครับ ซึ่งถ้าเทียบแล้ว 17 เทียบกับ 16 ที่มีช่วงเวลาเปิดตัวก็ถือว่า 17 ถือว่าโตได้เยอะพอสมควรเลยนะครับด้วยจากการเติบโตของยอดขายในช่วง 3 เดือนของไตรมาส 3 นะครับก็เลยทำให้ในส่วนของ Gross Margin ของเราเองก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 63 ล้านนะครับ หรือคิดไปประมาณ 44% นะครับ โดยขณะที่ในค่าใช้จ่ายของเราเองก็มีอยู่ที่ประมาณ 179 ล้านนะครับ ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 33 ล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 23% นะครับ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงของไตรมาสที่ 3 เนี่ยก็หลักๆ ก็จะเป็นในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของค่าเครดิตการ์ด ค่า Platform Online นะครับ รวมถึงค่าคอมมิชชั่นเองก็ดีนะครับ ที่เป็นตัวเพิ่มขึ้นนะครับ นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของตัวค่าใช้จ่ายที่สำหรับการปิดสาขาที่ปิดไปในช่วง Q3 นะครับ ก็เป็นตัวที่เพิ่มขึ้นเช่นกันนะครับ แต่ว่าถึงแม้ว่าตัวค่าใช้จ่ายของเราในในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นนะครับ แต่ว่าถ้ามองเทียบสัดส่วนกับยอดขายแล้วก็ถือว่าอัตราส่วนถือว่ามีการลดลงนะครับ โดยถ้าในช่วง 3 เดือนของเราเนี่ยก็ถือว่ามีการลดลงจาก 9.8% มาเหลืออยู่ที่ 8.5% เท่านั้นนะครับ ก็เลยส่งผลให้ในตัวของกำไรช่วง 3 เดือนของ Q3 อ่ะปิดอยู่ที่ประมาณ 31 ล้านนะครับ หรือก็เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนประมาณ 26 ล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 509% นะครับ
ทีนี้ในส่วนของภาพ 9 เดือนนะครับ ในกราฟทางขวามือนะครับ ก็จะเห็นได้ว่าในภาพรวม 9 เดือนนั้นน่ะ รายได้ของเราปิดไปอยู่ที่ 5,919 ล้านนะครับ ก็มีการเติบโตขึ้นประมาณ 950 ล้านนะครับ หรือคิดเป็นประมาณ 19% นะครับ ในขณะที่กำไรขั้นต้นนะครับ ก็ปิดไปอยู่ที่ 584 ล้านนะครับ ก็เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนประมาณ 94 ล้านหรือประมาณ 19% นะครับ ในขณะที่ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็มีจำนวนอยู่ที่ 516 ล้านนะครับ ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 52 ล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 11% นะครับ ก็ในภาพรวมของ 9 เดือนนะครับ ก็เรามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 72 ล้านนะครับ ก็เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนประมาณ 37 ล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 104% นะครับ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
ทีนี้เราลองมาดูในส่วนของยอดขายบาย Channel กันบ้างนะครับ ก็สำหรับในงวด 3 เดือนนะครับ ก็ในส่วนของ Retail เองนะครับ ก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 47% นะครับ ก็ถือว่าเป็นการเติบโตทั้งในช่องทางในส่วนของร้าน iStudio แล้วก็ Mobie นะครับ ในขณะที่ UStore เองก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 74% นะครับ ก็เป็นจากการที่เรามีการนำไฟแนนซ์ต่างๆ เข้ามาชช่วยตั้งแต่ในช่วงต้นปีนะครับ ก็เลยทำให้ยอดขายในส่วนของ UStore เองก็มีการเติบโตขึ้นเช่นกันนะครับ ในขณะที่ AIS เองก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ประมาณ 48% นะครับ รวมถึง Online เองก็มีการเติบโตที่อยู่ประมาณ 37% นะครับ ในขณะที่ E&E นะครับ ก็มีการลดลงไปนะครับ ประมาณ 21% ก็ต้องบอกว่าถือว่าด้วยงาน Project ของเราที่มีการขายให้กับไม่ว่าจะเป็น Corporate เองหรือเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ เองก็ถือว่ามีการลดลงในช่วง Q3 นะครับ ก็เลยทำให้รายได้ในส่วนของ E&E มีการลดลงไปนะครับ ขณะที่ iCenter เองก็มีการลดลงเช่นกันนะครับ ลดลงไปประมาณ 20% นะครับ ก็เนื่องจากว่าเรามีการทยอยปิดสาขาไปจากสาขาที่เริ่มหมดสัญญาเช่าอะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็เตรียมจะผันแปรกลายไปเป็น App ในอนาคตอะไรอย่างนี้นะครับ ก็เลยทำให้ในส่วนของรายได้ iCenter มีการลดลงนะครับ
ทีนี้ถ้าลองเทียบสัดส่วน contribution กันแล้วนะครับ ก็จะถือว่าในส่วนของ Retail หรือว่าไม่ว่าจะเป็น UStore หรือ AIS เองก็ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นนะครับ ในช่วง 3 เดือนของ Q3 โดยในส่วนของ Retail เองก็มีการเติบโตขึ้นนะครับ จาก 41% มาเป็นที่ 43% นะครับ ขณะที่ UStore กับ AIS เองก็มีการเติบโตมาอยู่ที่ 12% นะครับ ขณะที่ E&E ก็มีการลดลงไปนะครับ จาก 8% มาเหลืออยู่ที่ 4% นะครับ แล้วก็ Online ก็มีการลดลงจาก 29% มาเหลืออยู่ที่ 28% นะครับ ขณะที่ iCenter ก็ยังมีการเท่าสัดส่วนเท่าเดิมครับอยู่ที่ 1% นะครับ ทีนี้เราลองมาดูในส่วนของภาพรวม 9 เดือนกันบ้างนะครับ ก็จะเห็นได้ว่าในส่วนของ Retail นะครับ ก็ยังมีการเติบโตเช่นกันนะครับ อยู่ที่ประมาณ 24% นะครับ ในขณะที่ UStore นะครับ ก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ 48% นะครับ ขณะที่ Online เองก็เติบโตอยู่ อยู่ที่ประมาณ 11% แล้วก็ AIS เติบโตอยู่ที่ประมาณ 29% นะครับ ก็ในส่วนของ E&E กับ iCenter เองก็ยังมีการลดลงนะครับ ที่ 13% แล้วก็ 20% ตามลำดับนะครับ
ขณะที่สัดส่วนการขายนะครับ ก็ในส่วนของ Retail, UStore, AIS ก็ยังมีการเติบโตสำหรับในภาพรวม 9 เดือนนะครับ โดย Retail ก็มีการเติบโตขึ้นจาก 37% มาเป็น 39% นะครับ แล้วก็ UStore ก็เติบโตจาก 8% มาอยู่ที่ 10% นะครับ แล้วก็ในส่วนของ AIS เองก็มีการเพิ่มขึ้นจาก 11% มาเป็น 12% นะครับ ขณะที่ Online กับ E&E ก็มีการลดลงนะครับ จาก 37% มาอยู่ที่ 35% สำหรับ Online แล้วก็ E&E จาก 6% มาเหลืออยู่ที่ 4% นะครับ แล้วก็ iCenter ก็ยังมีสัดส่วนเท่าเดิมอยู่ที่ 1% นะครับ
ทีนี้เราลองมาดูสัดส่วนการขายในส่วนของ By Product กันบ้างครับ สำหรับในงวด 3 เดือนของไตรมาสที่ 3 นะครับ ก็สำหรับ MacOS เองก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ 6% นะครับ ก็หลักๆ ก็จะเป็นการเติบโตในส่วนของตัว MacBook Air M4 นะครับ ที่มีการเปิดตัวขายไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมานะครับ ขณะที่ iOS เองก็มีการเติบโตขึ้นอยู่ที่ 54% นะครับ ก็หลักๆ ก็มาจากตัว iPhone แล้วก็ iPad เป็นหลักเลยนะครับ ทั้งหมดแล้วก็ในส่วนของ Mobile เองก็ถือว่ามีการเติบโตขึ้นนะครับ อยู่ที่ประมาณ 6% นะครับ ก็โดยหลักๆ ก็จะเป็นตัว Mobile ในส่วนของแบรนด์ Samsung, Apple, Vivo, Xiaomi อะไรอย่างนี้นะครับ ที่มีการเติบโตขึ้นในช่องทาง AIS แล้วก็ Mobie นะครับ แล้วก็ในส่วนของ Apple Accessory เองก็ถือว่ามีการลดลงนะครับ ลดลงไปประมาณ 9% นะ ครับ ก็หลักๆ แล้วก็จะเป็นการลดลงในส่วนของตัว Pencil กับ Adapter นะครับ ที่เหมือนกับว่าเหมือนพอมีการซื้อสินค้าใหม่ ตัว Pencil หรือ Adapter เองก็มันยังสามารถใช้กับตัวสิน อ่า อันเก่าสามารถใช้กับตัวใหม่ได้นะครับ ก็เลยทำให้มีการซื้อเรทในส่วนของ Pencil หรือ Adapter ที่น้อยลงไปนะครับ ในขณะที่ Non Apple เองก็ถือว่ามีการเพิ่มขึ้นนะครับ เพิ่มขึ้นประมาณ 44% นะครับ ก็หลักๆ จะเป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของตัวสินค้าพวกเคส ฟิล์ม นะครับ ก็รวมถึงตัวสินค้าพวก Gadget สินค้า Digital Lifestyle อะไรต่างๆ อะไรอย่างนี้นะครับ
ครับสำหรับในส่วนของสัดส่วนการขายนะครับ ก็สำหรับในไตรมาสที่ 3 นะครับ ก็ iOS ก็ยังเป็นอันดับ 1 นะครับ ก็มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 79% นะครับ รองลงมาก็จะเป็นในส่วนของ Apple Accessory นะครับ มีสัดส่วนอยู่ที่ 7% นะครับ แล้วก็ถัดมาอยู่ที่ MacOS นะครับ อยู่ที่ 6% แล้วก็เป็น Non Apple นะครับ อยู่ที่ 5% แล้วก็เป็น Mobile อยู่ที่ 3% นะครับทีนี้เราลองมาดูในส่วนของภาพรวม 9 เดือนกันบ้างนะครับ ก็จะเห็นได้ว่าในส่วนของ MacOS เองก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนะครับ โดยมีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 13% นะครับ ขณะที่ iOS เองก็เติบโตอยู่ที่ประมาณ 24% นะครับ แล้วก็ Mobile มีการเติบโตอยู่ที่ 13% นะครับ ในขณะที่ Apple Accessory เองก็มีการลดลงไปนะครับ อยู่ที่ ลดไปประมาณ 10% แล้วก็น Apple นะครับ มีการเติบโตอยู่ที่ 20% นะครับ สำหรับภาพรวม 9 เดือนสัดส่วนการขายก็ iOS ก็ยังเป็นสัดส่วนใหญ่นะครับ ก็คืออยู่ที่ 78% นะครับ ขณะที่ Mobile เองก็อยู่ที่ประมาณ 3% นะครับ แล้วก็น Apple อยู่ที่ประมาณ 4% นะครับ แล้วก็ Apple Accessory อยู่ที่ประมาณ 8% แล้วก็ในส่วนของ MacOS ก็อยู่ที่ประมาณ 6% นะครับ
ทีนี้เราลองมาดูในส่วนของ Financial Ratio กันบ้างนะครับ ก็อันแรกก็จะเป็นในส่วนของ GP Margin นะครับ ก็ต้องถือว่าสำหรับภาพรวม 9 เดือนเนี่ย GP Margin ของเราก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากตอนครึ่งปีแรกของปี 2568 นะครับ จากประมาณ 9.92% มาเป็น 9.93% ซึ่งเทียบเท่ากับช่วง 9 เดือนของปี 2567 นะครับ ก็สาเหตุที่ GP ของเราก็ยังไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้นหรือไปแตะที่ 2 ดิจิต ก็เนื่องจากว่าเรามีการทำ Campaign ต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้มากขึ้นนะครับ มันก็เลยทำให้ตัว GP ของเรายังไม่สามารถไปแตะที่ 2 ดิจิต ได้ แต่จริงๆ เราก็พยายามที่จะหาวิธีที่ทำให้ตัว GP ของเราอะ กลับไปที่ 2 ดิจิต ให้ได้ไม่ว่าจะเป็นการหาพวกสินค้า Digital Lifestyle ต่างๆ เข้ามาขายนะครับ หรือว่าจะเป็นการเพิ่มตัว Add rate ต่างๆ เข้าไปนะครับ ที่จะทำให้ที่จะเป็นตัวช่วยผลักดันตัว GP ของเราขึ้นไปนะครับ แล้วก็ถึงแม้ว่าในตัวของ GP ของเราก็จะมีการไม่แตกต่างกันมากจากปี ก่อนครับ แต่ว่าในส่วนของ Net Profit Margin ของเราเองอะ ถือว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนะครับ จาก 0.71% มาเป็นที่ 1.21% ก็ถือว่าจริงๆ แล้วเราก็มีการบริหารจัดการพวกค่าใช้จ่ายต่างๆ นะครับ ได้ดีขึ้นนะครับ ก็เลยทำให้ในส่วนของตัว Net Profit Margin ของเราก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันนะครับ
ทีนี้เราลองมาดูในส่วนของ Financial Ratio อีกอันหนึ่งก็เป็นในส่วนของ Inventory and Provision นะครับ ก็ถือว่าตัว Inventory ของเรา ณ สิ้นเดือน 9 เนี่ยครับ ก็มีการลดลงนะครับ จากตอนสิ้นปี 2567 นะครับ ที่ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 514.1 ล้านนะครับ ก็การลดลงหลักๆ ก็จะเป็นในส่วนของพวกสินค้าที่ถือว่าขายดีนะครับ ก็เป็นพวก iPhone, iPad, Mac อะไรอย่างนี้ครับ ก็มันเป็นที่มันหายไปเพราะว่ามันเป็นช่วงที่มีการ Turn ออกไปไวครับ จริงๆ เราก็มีการเติมสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องนะครับ แบบว่าไม่ได้มีปัญหาการขาดแคลนแต่อย่างใดนะครับ ก็จากการ เอ่อ แล้วจากการที่การเปิดตัว iPhone 17 เนี่ย ก็เลยทำให้ในส่วนของ Provision เองอะ ก็มีการเพิ่มขึ้นนะครับ โดยเพิ่มขึ้นจากตอนสิ้นปี 2567 จาก 35 ล้านมาเป็น 37 ล้าน นะครับ ก็เนื่องจากว่าเนี่ยแหละครับ ที่เป็นตัวสินค้า Demo นะครับ ที่พอเรามีการเปิดตัวเข้ามา พอเราซื้อ Demo ปุ๊บเราก็ต้องมีการตั้ง Provision ตั้งแต่วันแรกที่รับเข้ามานะครับ มันก็เลยทำให้ตัว Provision Inventory นะครับ มีการเพิ่มขึ้นสำหรับในช่วงสิ้นเดือน 9 ที่ผ่านมานะครับ ทีนี้พอมาดูในส่วนของ Inventory Turnover นะครับ ก็ถือว่าการ Turnover ของเรามีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทีเดียวนะครับ โดยมีการปรับตัวจาก 10.5 นะ ครับ ตอนสิ้นปี 2567 มาเป็นที่ 16.3 ณ ตอนสิ้นเดือน 9 นะครับ ก็ถือว่าถ้าเทียบเป็น เป็นจำนวนวันแล้วก็ถือว่าการ Turnover สินค้าของเราอะถือว่ามีการหมุนออกไปอยู่ที่ประมาณ 22-23 วันเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการหมุนที่ไวมากนะครับ โดยสินค้าที่หมุนไวหลักๆ ก็จะเป็นพวก iPhone, iPad อะไรอย่างนี้ครับ ที่หมุนได้ไวมากเลยทีเดียวนะครับ
ทีนี้ลองมาดูในส่วนของ Financial Ratio ถัดไปนะครับ ก็จะเป็นในส่วนของอัตราส่วนสภาพคล่องนะครับ ก็อันแรกก็จะเป็นในส่วนของ DE Ratio นะครับ ก็ถือว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตอนสิ้นปี 2567 นะครับ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.13 มาเป็น 1.17 นะครับ ก็ที่เพิ่มขึ้นหลักๆ ก็มาจากตัวเจ้าหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นนะครับ โดยเจ้าหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นหลักๆ ก็มาจากการที่เราซื้อสินค้ามาขายในช่วง Period นี้ นะครับ ขณะที่ตัว Current Ratio เองก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันนะครับ ก็ปรับตัวจากตอนสิ้นปี 2567 จาก 1.6 นะครับ มาอยู่ที่ประมาณ 1.63 ตอนสิ้นเดือน 9 นะครับ ก็การปรับตัวของ Current Ratio ที่เพิ่มขึ้นน่ะ ก็หลักๆ ก็มาจากตัวเงินสด แล้วก็ลูกหนี้การค้าที่ ที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานใน ในช่วง Q3 ที่ผ่านมานี้เองนะครับทีนี้มาดูในส่วนของ Return on Equity แล้วก็ Return on Asset กันบ้างนะครับ ก็ถือว่าในส่วนของ Return on Equity เองก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนะครับ จาก 8.42% ตอนสิ้นปี 2567 มาเป็นที่ 14.55 ตอนสิ้นเดือน 9 นะครับ แล้วก็ในส่วนของ Return Asset เองก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ตอนสิ้นปี 2567 มาเป็น 9.61% ตอนในงวด 9 เดือนของ 2568 นะครับ ก็ถือว่าจริงๆ การปรับตัวเพิ่มขึ้นในหลักๆ ก็มาจากตัวผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนะครับ ก็จริงๆ แล้วจากการที่เรามีการปิดสาขาไปทยอยปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปนะครับ ก็คาดว่าในส่วนของ Return on Asset เองเปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นดีในอนาคตนะครับ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:52]
ทีนี้ต่อไปก็จะเป็นในส่วนของ What Next อันนี้เดี๋ยวจะให้ทางคุณไตรสรเป็นคนนำเสนออีกทีนึงนะครับ โอเค ครับ ทีนี้เราก็กลับมาดูเรื่องของว่า จากการที่ได้กล่าวให้ตั้งแต่ตอนต้นอะนะครับว่า ร้าน Apple เนี่ยกำลังมีการปรับนะครับ เรื่องของ Operation ภายในร้านนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเดิมเนี่ย เป็นร้าน Retail ธรรมดานะครับ ซึ่งตอนเนี้ยถ้าชื่อทั่วๆ ไปนะครับ ที่ที่เราเรียกกันนะครับ ก็คือร้านพวกตระกูล Apple Premium Partner นะครับ ซึ่งปัจจุบันตอนเนี้ยเรามีทั้งหมด 3 สาขา ก็คือ 3 สาขานี้ได้ถูกเปิดออกมาแล้วแล้วก็มีศูนย์บริการที่ตั้งอยู่ในร้านเลยนะครับ ซึ่งสามารถให้บริการกับลูกค้าได้ครบวงจรนะครับ ทีนี้ใน Piplai ของเรานะครับที่จะมีการ Upgrade นะครับ ซึ่งเราก็จะ Upgrade สาขานะครับ ที่มีอยู่ตอนนี้นะครับ ก็คือ iStudio ที่ พระราม 9 Central พระราม 9 นะครับ แล้วก็ Thiecon Square นะครับ แล้วก็ที่ Central ระยอง นะครับ ซึ่งเราตั้งใจว่าจะ Upgrade แน่นอนจะต้องวางแผนให้ทันก่อนที่จะถึงปีหน้าที่ จะมีการ Launch New Product อีกครั้งหนึ่งนะครับ ซึ่งอันเนี้ยก็จะเป็นร้านที่ ที่เราหมายมั่นปั้นมือนะครับ ในเรื่องของการสร้าง Service ใหม่ๆ หรือประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ซื้อจากเราแล้วก็สามารถเข้ามาซ่อมได้ที่ร้านเราได้เลยนะครับ
แล้วก็อีกอันหนึ่งก็คือในเรื่องของการที่เราสาขาอันไหนที่ไม่ดีนะครับ หรือไม่ทำกำไร หรือมีขาดทุนเนี่ย เราก็จะทำการทยอยปิดไปนะครับ ซึ่งเราก็คิดว่าเราควรจะเตรียมตัวเพื่อรับสถานการณ์ของความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจนะครับ ในอนาคตซึ่งจากการที่เราฟังมาหลายๆ แหล่งด้วยกันนะครับ ก็ทุกคนก็มองเศรษฐกิจไทยยังไม่ค่อย Positive เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำนะครับ ก็คือการที่ทำให้เรา Slim มากที่สุดนะครับ แล้วก็อีกอันหนึ่งก็คือในเรื่องของการที่เราจะต้องหา กลุ่มเป้าหมายนะครับ ขยายฐานกลุ่มเป้าหมายของเรานะครับ ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนะครับ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 เนี่ยจะได้เห็นผลได้ว่าที่มันเติบโตอย่างมากเลยก็คือจากการที่เรามีกลุ่มแฟนคลับที่ดีนะครับที่เหนียวแน่นนะครับ ก็ยังคงเชื่อมั่นในแบรนด์ของ SPVI นะครับว่าเข้ามาแล้วสามารถมีความช่วยเหลือ มีบริการที่เขาตอบโจทย์กับชีวิตเขานะครับ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้มีการเทรนเราก็มีการปรับปรุงทีม Operation ใหม่หมดนะครับ สำหรับที่หน้าร้านนะครับ ซึ่งเราก็คิดว่าตรงเนี้ยน่าจะเป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถก้าวข้ามกับเศรษฐกิจอะไรต่างๆ ที่มันจะเกิดขึ้นนะครับ อันนี้เราก็มองไว้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ไม่ได้หยุดที่จะขยายนะครับ แต่เพียงแต่ว่าเราต้องมั่นใจจริงๆ ว่าไอ้ที่เราเปิดไปนะครับ หรือสาขาที่เราอยากจะเปิดเนี่ยมันต้องมี Potential นั้น มีศักยภาพมากพอที่จะทำให้เราไม่เป็นภาระต่อไปในอนาคตนะครับ
เดี๋ยวก็ขออนุญาตกลับมาตอบคำถามนะครับ วันนี้คำถามเข้ามาเยอะมากเลยนะครับ สำหรับคำถามอันแรกเลยนะครับ ก็คือในเรื่องแผนการขยายสาขาในปีนี้นะครับ ก็อย่างที่บอกว่าเรา เราคงจะต้องทำตัวให้เราแข็งแรงนะครับ แล้วก็มีภาระให้น้อยที่สุดนะครับ แล้วก็ต้องค่อนข้างระมัดระวังในเรื่องของการขยายสาขานะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยในปีนี้ปี 2568 เนี่ยนะครับ เราก็คงจะยังไม่มีแผนนะครับ แต่จะเป็นเรื่องของการ Upgrade นะฮะ ร้านที่มีอยู่เพื่อให้มันสร้างประสบการณ์อันใหม่แล้วก็จับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ นะครับ ในการที่เราจะกลับเข้ามานะครับ โดยที่เราถามว่าวันนี้น่ะ แต่ละไตรมาสที่เกิดขึ้นมานะครับ เขาก็ถามบอกว่าแล้วมีการขยายพื้นที่ใดเป็นพิเศษไหมเพื่อสนับสนุนยอดขายที่โต 5% นะครับ เราก็คิดว่าตอนเนี้ยปัจจุบันด้วย Existing Store นะครับ ด้วยร้านที่เรามีอยู่ ณ วันเนี้ยเรามองว่าถ้าเขาสามารถที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นนะครับ โดยที่เรายังคงมีค่าใช้จ่ายแล้วก็มีต้นทุนที่เท่าเดิมนะครับ เพราะฉะนั้นส่วนที่เพิ่มขึ้นตรงนั้นเราถือว่าเราสามารถสร้างกำไรได้ได้ดีขึ้นกว่าเดิมนะครับ
อันที่ 2 ในด้านการบริหารจัดการสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายทั้ง Offline และ Online กลยุทธ์ใดคาดว่าเป็นรายได้ที่ผลักดันในปี 2568 นะครับ และมีกลยุทธ์อะไรเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ก็อย่างที่เรียนให้ทราบนะครับ เพราะว่าเราเป็นแบรนด์อันหนึ่งที่กลุ่มคน Apple เขาใช้แล้วก็รู้จัก SPVI มายาวนานนะครับ เราอยู่ในธุรกิจทางนี้มาค่อนข้างนาน แล้วมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อนะครับแล้วมีแฟนคลับตรงนี้เยอะ ซึ่งเราก็พยายามที่จะสรรสร้างหาประสบการณ์ใหม่ๆ อะไรเข้ามานะครับ บริการอะไรใหม่ๆ เข้ามาเพื่อที่จะทำให้เขาพึงพอใจแล้วกลับมาหาเราซึ่งโดยส่วนใหญ่เนี่ย มีกลุ่มลูกค้าที่กลับมาหาเราค่อนข้างเยอะพอสมควร แล้วก็ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของการบอกต่อ นะครับ อันนี้ถือว่าเป็น สิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการขายใดๆ ก็ตาม มันเป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถขยายฐาน แต่ มันอาจจะช้านะครับ แต่เราก็มีกลยุทธ์อื่นด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทาง Marketing อะไรของ เราเองทีมเนี้ย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลอด 9 เดือนเนี่ยเขาก็ได้ทำแล้วก็ค้นคิดหรือกลุ่มเป้าหมายอะไรที่มันเป็นกลุ่มนี้ใหม่ๆ เข้ามานะครับ ซึ่งอันนี้เราก็ค่อนข้างจะมั่นใจนะครับ ในเรื่องของการทำการตลาดนะครับ แล้วก็ช่องทางของ The E-Commerce กับ Lazada นะครับ เรา เราทำส่งเสริมการขายอะไรยังไงบ้าง ก็อย่างที่ เรียนให้ทราบนะครับ ว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา Double Day เราไม่เคยพลาดนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนี่ย ล่าสุดเลยเมื่อประมาณเดือนที่แล้วเนี่ย เราก็ได้รับรางวัล The Best Operation จากทางด้าน Shopee นะ ครับเรา เราเป็น Partner เขา นะครับ รายเดียวเป็นที่ 1 เลยในเรื่องของการที่เราสามารถ Meet Requirement ว่าจัดส่งได้ภายใน 4 ชั่วโมงแล้วก็หรือ Next Day ซึ่ง 2 กลุ่มเนี้ยนะครับ เป็นกลุ่มที่ Contribute มาให้เราถึง 30% ของรายได้นะครับ ซึ่งเราก็ถือว่ามัน มันเป็นจุดแข็งของเรา แล้วก็ทีม Operation เราค่อนข้างจะแกร่งพอสมควรนะครับ ในเรื่องของการ เอ่อ จะหาวิธีการที่จะจัดส่งให้ได้แล้วก็ทำให้ตัวเองแตกต่างนะครับ ซึ่งอันนี้ก็ถือว่าเป็น