สรุปงบล่าสุด SPVI
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567
สรุปสั้น
ในไตรมาสที่ 2/2567 มีสาขาทั้งหมด 79 สาขา ลดลงจาก 80 สาขาในปีก่อน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 13.4% เป็น 1,707.03 ล้านบาท กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 12.1% เป็น 177.59 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 20.07% เป็น 165.50 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 21.91% เป็น 17.88 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ในไตรมาส 1/2567 และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกำไรคือ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าที่ 13.49% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ อย่าง iPad Air และ iPad Pro อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์รวมลดลง 76.99 ล้านบาทจากสิ้นปี 2566 เป็น 1,154.66 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้า ในขณะที่หนี้สินรวมลดลง 49 ล้านบาทหรือ 7.5% จากสิ้นปี 2566
บริษัทมีแผนขยายตลาดและเพิ่มสาขาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินลงทุน แม้ว่าเศรษฐกิจยังคงมีความผันผวน แต่บริษัทฯ มีการวางแผนการลงทุนและการขยายตัวที่ชัดเจน
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท เอส พี วี ไอ จํากัด (มหาชน) (SPVI): ผลประกอบการไตรมาส 2/2567
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) (SPVI) ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยมีรายได้รวม 1,707.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากยอดขายสินค้า Apple โดยเฉพาะ iPad Air ที่เปิดตัวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2567 ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 17.88 ล้านบาท ลดลง 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนขายที่สูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ในไตรมาส 1/2567 และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของบริษัท SPVI มุ่งเน้นการขยายสาขาและช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น บริษัทคาดหวังว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ และการปรับปรุงบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น SPVI ยังคงยึดมั่นในการเป็นผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์ Apple ที่ครบวงจร และมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของ SPVI แสดงให้เห็นถึงความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบัน แม้จะมีการเติบโตของรายได้ แต่กำไรสุทธิกลับลดลง อย่างไรก็ตาม การที่มี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 13.08 และ P/BV อยู่ที่ 1.72 อาจถือเป็นโอกาสการลงทุน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในระยะยาว เพราะราคาหุ้น SPVI ในอดีตมีแนวโน้มสูงขึ้น และมี YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 5.71 ซึ่งถือว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
**โอกาส**
* ราคาหุ้น SPVI ในอดีตมีแนวโน้มสูงขึ้น
* อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในอดีตค่อนข้างดี โดยเฉพาะในปี 2564-2565 อยู่ที่ระดับ 2.25
* มี YIELD ที่น่าสนใจ 5.71% เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล
* D/E อยู่ที่ระดับ 0.91 แสดงว่าบริษัทมีภาระหนี้สินในระดับต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ
* วงจรเงินสด (Cash Conversion Cycle) อยู่ที่ 24.53 ซึ่งแสดงถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้อย่างรวดเร็ว
**ความเสี่ยง**
* กำไรสุทธิลดลงในไตรมาส 2/2567
* ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น
* การแข่งขันในตลาดที่มีความรุนแรงมากขึ้น
**สรุป**
SPVI เป็นหุ้นที่มีโอกาสการลงทุนน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในระยะยาว และต้องการรับเงินปันผล แม้ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 จะมีการปรับตัวลง แต่ผลประกอบการในอดีตแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ และราคาหุ้นที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
(3.72%)
(13.44%)
(5.49%)
(12.07%)
(9.47%)
(1.23%)
(1.74%)
(20.07%)
(47.48%)
(21.91%)
(51.33%)
(72.06%)