สรุปงบล่าสุด SPRC
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) : ผลประกอบการไตรมาส 3/2567
ผลประกอบการของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ในไตรมาส 3/2567 ได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน 5,880 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างมากจากกำไรสุทธิในไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิที่ 4.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงคลังให้เป็นมูลค่าสุทธิที่จะได้รับที่ 1.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาอัตราการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาที่ 157 พันบาร์เรลต่อวัน หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 90 ของกำลังการกลั่น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับห่วงโซ่ของธุรกิจ ผ่านโครงการปรับปรุงผลกำไร (81.19) ที่ 0.48 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อีกทั้งยังคงมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจโดยครอบคลุมตลอดห่วงโซ่ของธุรกิจทั้งหมด รวมถึงการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบในการเข้ากลั่น การกำหนดอัตราการกลั่นที่ทำให่เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนผลิต ผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่าย ส่งผลให้ค่าการกลั่นตลาดของ SPRC ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 114.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 2.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/2567
รายได้รวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 โดยรายได้จากการขายของธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 3/2567 ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาส 2/2567 สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ลดลง แต่ถูกหักกลบบางส่วนด้วยปริมาณการขายที่สูงขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 15.2 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 2/2567 เป็น 16.0 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 3/2567
## วิเคราะห์โอกาสการลงทุน
**โอกาส**:
* **บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง**: D/E ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 0.8 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีภาระหนี้สินต่ำ หากต้องการขยายขนาดของกิจการหรือลงทุนในโครงการต่าง ๆ การที่มีภาระหนี้สินที่ต่ำ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่เจ้าหนี้จะอนุมัติสินเชื่อสูงขึ้น
* **บริษัทฯ มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง**: การมีโรงกลั่นน้ำมันเป็นของตัวเองช่วยให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการผลิตและจัดหาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม
* **การเติบโตของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน**: บริษัทฯ มีการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
* **การลงทุนในบริษัทร่วม**: บริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด ซึ่งอาจช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันดิบและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
* **ความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียที่เพิ่มขึ้น**: ความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับ SPRC
* **การฟื้นตัวของอัตราการกลั่น**: อัตราการกลั่นของโรงกลั่นในเอเชียคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากความต้องการในจีนและอินเดีย ซึ่งอาจส่งผลดีต่อ SPRC
**ความเสี่ยง**:
* **ราคาน้ำมันผันผวน**: เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของ SPRC
* **ความต้องการใช้น้ำมันลดลง**: ความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้พลังงานทดแทนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอนาคต
* **การแข่งขันในตลาดสูง**: ตลาดปิโตรเลียมมีการแข่งขันสูง
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติม**:
* **P/E**: ล่าสุดอยู่ที่ 6.54 ค่า P/E ต่ำกว่า 35 บ่งบอกว่านักลงทุนมีความคาดหวังในระดับปานกลาง
* **P/BV**: ล่าสุดอยู่ที่ 0.57 ค่า P/BV ต่ำกว่า 1 บ่งบอกว่าราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ
* **YIELD**: ล่าสุดอยู่ที่ 0% ค่า YIELD ต่ำกว่า 4% ทำให้ไม่น่าสนใจลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
* **วงจรเงินสด**: ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 39.98 วัน วงจรเงินสดที่สูงแสดงถึงการมีประสิทธิภาพในการเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้า
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน**: ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 3.24 ล้านบาท
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน**: ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ -22.17 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ใช้เงินลงทุนต่อยอดธุรกิจ
**เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด**:
โดยรวมแล้ว SPRC เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวและมีความอดทนต่อความผันผวนในตลาด เนื่องจากบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโอกาสเติบโตจากความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามความเสี่ยงจากราคาน้ำมันและการแข่งขันในตลาดอย่างใกล้ชิด
**หมายเหตุ**:
ข้อมูลที่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลในอดีตและไม่รับประกันผลตอบแทนในอนาคต นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
(4.15%)
(6.97%)
(5,671.09%)
(996.20%)
(5,937.74%)
(924.55%)
(97.08%)
(529.59%)
(790.11%)
(153.60%)
(470.42%)
(99.28%)