สรุปงบล่าสุด SPALI

สรุปด้วย AI(O) BOT

**บทสรุปผลประกอบการของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI)**

**ไตรมาส 3 ปี 2568**

**1. สรุปรายได้รวม:**
รายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 6,664.87 ล้านบาท ลดลง 33% เมื่อเทียบกับ 9,984.72 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 1,167.82 ล้านบาท ลดลง 41% จาก 1,988.71 ล้านบาทในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการอาคารชุดที่มีจำนวนโครงการสร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์น้อยกว่าปีก่อนหน้า (หน้า 1)

**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
(ไม่มีข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจในเอกสาร)

**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 36% คิดเป็น 6,279.03 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 9,752.69 ล้านบาท (ปี 2567) โดยสัดส่วนรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ 76% และอาคารชุด 24% อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 26% คิดเป็น 974.36 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 1,319.25 ล้านบาท (ปี 2567) แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคิดเป็นสัดส่วน 14.6% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 13.2% ในปีก่อนหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 288% คิดเป็น 152.81 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 39.35 ล้านบาท (ปี 2567) เนื่องจากการร่วมค้าในออสเตรเลียมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง 12% คิดเป็น 177.50 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 200.59 ล้านบาท (ปี 2567) จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (หน้า 1)

**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 64% ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เพิ่มขึ้นจาก 54% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เนื่องจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ (หน้า 2)

**งวด 9 เดือน ปี 2568**

**1. สรุปรายได้รวม:**
รายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 17,332.22 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบกับ 22,791.63 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 2,677.10 ล้านบาท ลดลง 36% จาก 4,201.25 ล้านบาทในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการอาคารชุด (หน้า 2)

**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
(ไม่มีข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจในเอกสาร)

**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 25% คิดเป็น 16,615.75 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 22,083.23 ล้านบาท (ปี 2567) โดยสัดส่วนรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ 79% และอาคารชุด 21% อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 9% คิดเป็น 2,825.65 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 3,108.22 ล้านบาท (ปี 2567) แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคิดเป็นสัดส่วน 16.3% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 13.6% ในปีก่อนหน้า ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 164% คิดเป็น 730.39 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 276.67 ล้านบาท (ปี 2567) เนื่องจากการร่วมค้าในออสเตรเลียมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 11% คิดเป็น 557.97 ล้านบาท (ปี 2568) เทียบกับ 503.86 ล้านบาท (ปี 2567) (หน้า 2)

**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยแล้วแต่ยังไม่ถึงกำหนดโอนให้ลูกค้า 14,205 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้าในปี 2568 จำนวน 5,332 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 8,873 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป (หน้า 3)

**ประเด็นสำคัญ:**

* **รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ลดลง:** เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้รายได้รวมและกำไรสุทธิลดลง ทั้งในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน เนื่องจากจำนวนโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์น้อยกว่าปีก่อนหน้า
* **ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้าในออสเตรเลียเพิ่มขึ้น:** ช่วยชดเชยผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในประเทศได้บ้าง
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง:** แต่สัดส่วนต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้รวมที่ลดลง
* **อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น:** เนื่องจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ
* **มียอดรอโอนจำนวนมาก:** บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้อีกจำนวนมาก ซึ่งจะทยอยรับรู้ในอนาคต