สรุปงบล่าสุด SK
บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK มีรายได้รวมในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 เท่ากับ 391.33 ล้านบาท ลดลง 11.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 33.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.67% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากกำไรขั้นต้นจากการขายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบหลักประเภทเหล็กและลวดพีซีที่ปรับลดลงจากปีก่อน ในส่วนของผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 121.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.23% จากไตรมาสที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 24.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 350.79% จากไตรมาสที่ผ่านมา
แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของบริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายฐานลูกค้าและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2568 จะเติบโตมากกว่า 10% ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากการขยายฐานลูกค้าและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ SK แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัททั้งในด้านรายได้และกำไร โดยมีอัตราส่วน P/E เท่ากับ 6.62 ซึ่งน้อยกว่า P/E เฉลี่ยย้อนหลังที่ 30.65 79.79 และ 8 แสดงให้เห็นถึงราคาหุ้นที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ส่วนอัตราส่วน P/BV เท่ากับ 0.73 ต่ำกว่า P/BV เฉลี่ยย้อนหลังที่ 1.71 1.28 และ 0.74 หมายถึงราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ นอกจากนี้ อัตราส่วน D/E เท่ากับ 0.51 แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงอัตราส่วน YIELD ที่สูงถึง 8.2% น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล วงจรเงินสดของบริษัทอยู่ที่ 73.76 วัน สะท้อนถึงการบริหารจัดการเงินทุนและการจัดการสภาพคล่องที่ค่อนข้างดี เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 29.579114 ล้านบาท และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน -49.229551 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการใช้เงินสดส่วนใหญ่ไปลงทุนในธุรกิจ
SK น่าจะเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตและรับเงินปันผล แม้ว่าการลงทุนใน SK จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่ก็มีบางความเสี่ยงที่ควรพิจารณา เช่น
- ความผันผวนของราคาวัตถุดิบหลัก โดยเฉพาะปูนซีเมนต์และลวดพีซี
- ภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการ
- การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง
(6.22%)
(31.48%)
(45.52%)
(13.55%)
(36.98%)
(65.70%)
(7.20%)
(4.43%)
(450.15%)
(139.07%)
(64.56%)
(199.69%)